วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 486

แต่เซี่ยอันน่าตัดสินใจแล้ว คือไม่ดื่ม พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ใจกล้าบ้าบิ่น เอื้อมมือไปขวางเซี่ยอันน่าไว้ และการด้วยการเคลื่อนไหวที่งุ่มง่ามของเธอ มือใหญ่ยังคงลูบวนไปบนตัวเธอเป็นครั้งคราว

เซี่ยอันน่าดื่มเยอะเกินไป ร่างกายไร้ซึ้งความปราดเปรียว เธอเพียงแค่ต้องการกลับไปนอน ไม่อยากคิดอะไร

“คุณหนูเซี่ย ตอนนี้คุณเหนื่อยมากไม่ใช่เหรอ อยากนอนไหม?”

“อืม”

“งั้นผมไปส่งคุณพักผ่อนนะครับ”

“ได้”

นักแสดงชายโอบไหล่เซี่ยอันน่า ตอนที่กำลังพาเธอออกไป มีลมแรงตีเข้ามาใส่หน้า ทำให้นักแสดงชายถึงกลับผงะ

“แกไม่ต้องการชีวิตตัวเองแล้วใช่ไหม!”

ใบหน้าของเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยความโกรธ สายตาจ้องมองชายหนุ่มอย่างดุเดือด

ทุกคนตกตะลึง ครุ่นคิดว่าสการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นคืออะไร ทำไมเสี่ยวอวี้หลินยื่นมือมาช่วยผู้หญิงคนนี้ พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันไม่ใช่เหรอ?

เสี่ยวอวี้หลินคิ้วขมวด ออกคำสั่งกับคนพวกนั้นทันที “เก็บข้าวของของแกแล้วไสหัวไปจากเมืองซะ! และก็อย่าให้ฉันเห็นพวกแกอยู่ในวงการบันเทิงอีก ไม่งั้นพวกแกศพไม่สวยแน่!”

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมาจากปาก เหล่าชายหนุ่มพวกนั้นก็ขอร้องวิงวอน หวังให้เสี่ยวอวี้หลินโปรดเข้าใจ

แต่เสี่ยวอวี้หลินไม่มีท่าทีใดๆ และสั่งให้คนลากคนพวกเขาออกไป อย่าให้ไปรบกวนเขาอีก

การจัดการอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว ทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วเสี่ยวอวี้หลินคิดอะไรอยู่กันแน่

และคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขา ก็ขยับตัวเล็กน้อย

“เสี่ยวอวี้หลิน คุณเสียงดังมาก!”

เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วแน่น แล้วดุเธอ “เธอเป็นหมูรึไง ถึงปล่อยให้คนอื่นรังแกแบบนั้น!”

“คนที่รังแกฉันคือนาย เสี่ยวอวี้หลิน นายเป็นหมู ความผิดของนาย ทุกอย่างเป็นความผิดของนาย!”

“ดูสิ เธอยังไม่รู้จักสำนึกผิดอีก!”

พูดแล้ว เสี่ยวอวี้หลินก็อุ้มเซี่ยอันน่าขึ้น แล้วก้าวออกไป

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนต่างรวมตัวกันพูดซุบซิบสนุกปาก

“พวกเขาทะเลาะกันตั้งแต่แรก ไม่ได้เลิกกันสินะ”

“พระเจ้า! อันตรายมากๆ ดีนะที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเซี่ยอันน่า ไม่งั้นซวยแน่”

ดาราสาวที่เพิ่งจงใจหาเรื่องเซี่ยอันน่าไปเมื่อครู่ ตัวอ่อนปวกเปียกลงไปกับพื้น เธอรู้เลยว่าในอนาคตเธอต้องเจอกับอะไร

สำหรับหัวหน้าบรรณาธิการเซียวเสี่ยว มองไปยังทิศทางที่เซี่ยอันน่าจากไป ริมฝีปากก็ยกยิ้มเล็กน้อย

เธออธิบายกับผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ “เตรียมตัวร่วมงานกับเซี่ยอันน่าไว้ได้เลย”

“ค่ะ”

เสี่ยวอวี้หลินขับรถไปส่งเซี่ยอันน่ากลับบ้าน ด้วยความเร็วตลอดทั้งเส้นทาง

เซี่ยอันน่าเอนหลังพิงเก้าอี้ ขยับซ้ายทีขวาที อย่างไม่ค่อยสบายตัว

ในที่สุดเธอก็ตบประตูรถอย่างเหลืออด พูดคัดค้านขึ้น “นายขับช้าๆกว่านี้หน่อยได้ไหม ฉันเวียนหัว”

“ช่วงนี้ก็รู้ว่าไม่ค่อยสบาย เมื่อกี้ทำไมไปดื่มกับคนอื่นหนักขนาดนั้น”

แม้ว่าปากจะพูดเหน็บแนม แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ชะลอความเร็วลง ทำให้รถสมูทมากขึ้น

เซี่ยอันน่าเหล่สายตามองไปที่ด้านข้างของเสี่ยวอวี้หลิน แล้วตะคอกกลับ “ไม่ใช่เพราะนายเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะนายตั้งใจแกล้งฉัน คนพวกนั้นจะเข้ามาก่อกวนฉันไหม?”

“คนที่ไม่ต้องการพึ่งฉันคือเธอ ฉันเพียงแค่ทำในสิ่งที่เธอต้องการ ให้เธอเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง”

“ใช่ ฉันเพียงแค่ต้องการเผชิญหน้ากับทุกอย่างด้วยกำลังของฉันเอง แล้วทำไมจู่ๆ นายต้องโผล่มา”

คำถามของเซี่ยอันน่า ทำให้เสี่ยวอวี้หลินพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เซี่ยอันน่าหลับตาลงอีกครั้ง ขดตัวนอนอยู่ตรงนั้นราวกับลูกแมว แล้วพึมพำเบาๆ “ฉันแค่ต้องการพึ่งพาตัวเอง ก้าวเดินไปทีละขั้น มันเลวร้ายนั้นเลยเหรอ?”

“คุณไม่ได้เลวร้าย คุณเพิ่งแค่เจอกับผม “ เสี่ยวอวี้หลินเงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามขึ้น “ได้เจอผม คุณเสียใจไหม?”

คำตอบของเสี่ยวอวี้หลิน คือความเงียบอันยาวนาน

เมื่อหันไปมองข้างๆ กลับพบว่าเซี่ยอันน่าหลับไปแล้ว

“ไอ้หมูเอ้ย กินแล้วก็นอน”

วันต่อมา

เซี่ยอันน่าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างแรง

เซี่ยอันน่าเดินออกมาจากห้อง เห็นฉีฉีกำลังทำความสะอาด จึงเอ่ยถาม “ฉีฉีเมื่อคืนฉันกลับมายังไง?”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าตื่นแล้ว ฉีฉีก็เริ่มเม้าท์มอย

ฉีฉีละมือจากไม้ถูพื้น แล้วปรี่เข้าหาเซี่ยอันน่าทันที “คุณชายเสี่ยวมาส่งแก พวกเธอสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ?”

คืนดี?

สีหน้าของเซี่ยอันน่าสับสน ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไนะ เพราะฉันจำได้ว่าเราสองคนเหมือนว่ายังทะเลาะกันอยู่”

“ห่ะ ทำไมทะเลาะกันอีกแล้ว?”

“โอ้ย จำไม่ได้หรอก ฉันปวดหัว”

เห็นเซี่ยอันน่าเป็นแบบนี้ ฉีฉีก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

แต่เมื่อมองไปที่ท่าทีอึดอัดของเธอ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฉีฉีจะถามเซ้าซี้ จึงเพียงแต่พูดขึ้นว่า “ฉันทำโจ๊กให้แก อ่ะ กินก่อนสักหน่อย”

“ขอบใจนะ”

ฉีฉีเอาโจ๊กไปเสิร์ฟให้เซี่ยอันน่าที่นั่งหลับตาอยู่บนโซฟา

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

เซี่ยอันน่ากดรับสายอย่างเกียจคร้าน “ฮัลโหล”

“อันน่า ตื่นแล้วเหรอ?”

“เพิ่งตื่นค่ะ”

“งั้นก็เก็บของสิ มาเริ่มฝึกร่างกายที่บริษัทสักอาทิตย์หนึ่ง”

เซี่ยอันน่าตกตะลึง เอ่ยถาม “ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ?”

“จำหัวหน้าบรรณาธิการเซียวเสี่ยวได้ไหม? เธอพอใจคุณมาก เลยตัดสินใจร่วมงานกับคุณ ถ่ายปกนิตยสารของฉบับหน้า เพื่อให้คุณมีภาพลักษณ์ที่ดูดี จำเป็นต้องเข้ามาฝึกล่วงหน้ากันก่อน”

หลังจากที่ได้ยินข่าวดีเช่นนี้ แววตาของเซี่ยอันน่าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “เข้าใจแล้วค่ะ”

“น้ำเสียงของคุณเรียบง่ายขนาดนี้ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ คุณคงตื่นเต้น ความร่วมมือคงเป็นไปได้ด้วยดี”

เซี่ยอันน่าลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วถามขึ้นว่า “หัวหน้าบรรณาธิการเซียวเสี่ยว เพราะว่าเธอชื่นชมฉันจริงๆ จึงต้องการร่วมงานกับฉันใช่ไหมคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

แม้ได้คำตอบเช่นนั้น แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่เชื่อมากนัก

“อันน่า ฉันรู้ว่าแกกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ แต่บางครั้ง คุณก็คิดมากเกินไป คุณเป็นนักแสดงมีความสามารถ ตอนนี้ที่คุณขาดก็คือเวทีที่จะทำให้คุณได้เปล่งประกาย คุณจะโด่งดังในไม่ช้าก็เร็ว มีโอกาสที่คุณจะยืนอยู่ในแวดวงบันเทิง มีอะไรที่ไม่ใช่เรื่องดีอีกเหรอ?”

“บางทีฉันอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆ”

“ปลุกใจให้ฮีกเหิม ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำมันคือ เพียงแค่คว้าโอกาสไว้”

“อืม เข้าใจแล้วค่ะ”

“งั้นก็เก็บของมาที่บริษัทโดยเร็ว เรายังมีงานต้องทำอีกมาก”

“โอเคค่ะ

แม้ว่าในใจสับสน แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ต้องการให้อารมณ์ส่วนตัวมามีผลกระทบต่องานของเธอ จึงต้องปรับสักหน่อย เข้าสู่โหมดทำงานในทันที

ชั่วพริบตาเดียว ก็ถึงวันถ่ายปกนิตยสาร

หลังจากผ่านการฝึกอบรมไปได้สองสามวัน พัฒนาการของเซี่ยอันน่าก็ดีขึ้นมาก ตั้งแต่กิริยาท่าทางไปจนถึงความมีสง่าราศี เปรียบเสมือนไข่มุกเรืองแสง สะดุดตา

ภายใต้เลนส์กล้องที่กำลังจับจ้อง เซี่ยอันน่าโพสต์ท่าทางต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ เข้ากันได้ดีกับช่างเก็บภาพวิดีโอ

เสร็จไปหนึ่งฉาก เซี่ยอันน่าแต่งหน้า และหยุดพักในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่เมื่อเธอหลับตาเพื่อพักผ่อนร่างกาย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรบกวน

เซียวเสี่ยวกำลังพูดคุยรายละเอียดของฉากกับเจ้าหน้าที่ เมื่อได้ยินเสียง จึงหันไปมอง

และเมื่อเห็น ก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“คุณชายเสี่ยว?”

“งั้นหมายความว่ายังไง?”

“ฉันหวังว่าคุณจะไม่พูดเหน็บแนมฉัน ในเมื่อได้เจอกันแล้ว ก็พูดจากันดีๆหน่อย ถ้าเอาแต่ทะเลาะกัน เวลาเจอกันแล้วมันจะสำคัญอะไร?”

เสี่ยวอวี้หลิน “หึ” ในลำคอเบาๆ แล้วล้วงมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง “ผมไม่มีสติคุณเซี่ยดาราดังมีสติ บอกว่าไม่มีเหตุผล ผมรู้แค่รู้ว่าผมมีความสุข อารมณ์ไม่ดีก็ต้องทะเลาะอยู่แล้ว”

“แล้วตอนนี้คุณมีความสุขไหม?”

“ไม่มีความสุข อารมณ์เสียมากด้วยๆ!”

“ในเมื่อเราไม่มีความสุขกันทั้งคู่ จะทรมานกันอีกทำไม?”

คำพูดนี้ทำให้ร่างกายของเสี่ยวอวี้หลินตัวแข็งทื่อ จ้องมองเซี่ยอันน่าอย่างดุดัน เอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา “เซี่ยอันน่า เธอหมายความว่ายังไง?”

“ฉัน…”

“ช่างเถอะ เธอไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าฉันโกรธ ผลที่จะตามมาเธอคงรับผิดชอบมันไม่ไหว?”

ก่อนที่เซี่ยอันน่าจะพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินหันหลังแล้วเดินจากไป ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เดินมาจนถึงลานจอดรถ เสี่ยวอวี้หลินเข้าไปนั่งด้านในรถ แล้วนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เขาทำ

เดิมที เขาอยากดูว่าช่วงสองสามวันมานี้เซี่ยอันน่าอยู่ดีหรือเปล่า เขาคิดถึงเธออย่างมาก อยากพูดคุยกับเธอ

แต่ทำไมทุกครั้งที่อยากเข้าใกล้เธอ แต่กลับยิ่งไกลออกไป?

มันเป็นความผิดของเขาเอง หรือเซี่ยอันน่ากันแน่ที่ไม่รู้ว่าอะไรเลย?

เสี่ยวอวี้หลินหลับตาลง คิดว่าตัวเองผ่านชีวิตมามากมาย แต่กลับไม่เคยเลยสักครั้ง เหมือนตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

……

ณ ร้านขนมหวาน เซี่ยอันน่านั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอถอดแว่นกันแดดออก

หญิงสาวสองคนนั่งอยู่อีกด้าน ที่เดิมที่กำลังพูดคุยถึงเซี่ยอันน่าอยู่

เมื่อเห็นเธอถอดแว่นออก ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที

หญิงสาวทั้งสองคนผลักแขนกัน และท้ายที่สุดก็จูงมือเดินมาด้วยกัน

“ขอโทษนะคะ คุณคือเซี่ยอันน่าใช่ไหมคะ?”

“ค่ะ”

“โอ้! เป็นเธอจริงๆด้วย”

“งั้น ขอถ่ายรูปด้วยได้ใช่ไหมคะ?”

“ได้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ คุณใจดีจังเลย”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าไม่ปฎิเสธ หญิงสาวทั้งสองคนยืนประกบซ้ายขวา จากนั้นยิ้มหวาน

การได้ถ่ายภาพร่วมกัน หญิงสาวทั้งสองทำราวกับว่าขุดเจอขุมทรัพย์

แต่เซี่ยอันน่ายังคงนิ่งเงียบ

เย่ชูวเสวียดันแขนเธออย่างหลอกล้อ “ได้สิ ตอนนี้เธอกลายเป็นดาราดังแล้ว ออกไปข้างนอกก็จะมีคนมาขอถ่ายรูป”

บางครั้งเซี่ยอันน่ากำลังเดินอยู่บนถนนก็ถูกคนอื่นจำได้

แม้ว่าจะยังไม่ชิน แต่เซี่ยอันน่าก็พยายามอย่างหนักที่จะปรับตัว หวังว่าตัวเองจะเหมาะสมขึ้นอีกนิด

เมื่อได้ยินเพื่อนพูดตลก เซี่ยอันน่าหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกเธอก็อย่าพูดให้ดูดีไปหน่อยเลย”

“เป็นยังไงบ้าง อยู่ข้างๆ ดาราดัง ไม่แน่ฉันอาจได้ขึ้นปกหนังสือพิมพ์บ้าง”

เย่ชูวเสวียยิ้มอย่างอ่อนหวาน น่ารักราวกับตุ๊กตา

ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ด้วยกัน ศีรษะตกลงเล็กน้อย สีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ต้วนอีเหยาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรมานานแล้ว เย่ชูวเสวียที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้น “พี่อีเหยา คุณนี้คุณเป็นอะไร ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเลยนะ”

ต้วนอีเหยายิ้มอย่างไม่เต็มใจ “อาจจะเป็นไปได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน”

“พี่ชายยังตามมาวุ่นวายอีกแล้วสินะ? เฮ้อ กลับไปฉันก็พูดกับเขา แม้ว่าจะตกหลุมรักกันอีกครั้ง ก็คงทำเป็นไม่สนในใยดีสถานะของเขาได้”

ต้วนอีเหยาหน้าแดงกับคำพูดของเย่ชูวเสวีย รีบกระซิบกระซาบ “ชูวเสวีย อย่าพูดจาไร้สาระ”

เมื่อเห็นบรรยากาสแปลกๆ เซี่ยอันน่ายืนขึ้นอาสาตัวเอง “ฉันไม่ได้ชงกาแฟนานแล้ว ฉันไปชงกาแฟให้ทุกคนนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ