สายตาของมู่ยู่วฉีเต็มไปด้วยความเปิดเผย ทำให้ฉีฉีรู้สึกเขิน
และท่าทางขัดเขินอย่างนั้น ก็ทำให้มู่ยู่วฉีแทบทนไม่ได้
เขารู้ว่าถ้าตอนนี้เขารุกมากเกินไป ต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ตกใจแน่
ดังนั้นเขาจึงต้องระงับความปรารถนาของตัวเอง และพูดอย่างใจเย็น “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังเตรียมตัวสอบ เลยไม่มากดดันคุณ เรื่องของพวกเรา รอให้คุณสอบเสร็จก่อนค่อยคุยกัน”
คำพูดของมู่ยู่วฉีเปลี่ยนไปเร็วเกินไป เธอถึงพูดด้วยความแปลกใจ “คุณพูดถึงอะไร ก่อนหน้านี้ไม่ใช่คุยกันชัดแล้วหรอ”
“ผมจำได้ว่าคุณไม่ได้ปฏิเสธผมอย่างชัดเจน คุณแค่บอกว่าพวกเราไม่เหมาะสม อย่างนั้นผมก็ยังมีโอกาสจีบคุณ ใช่ไหม”
พูดตรงเกินไปหรือเปล่า
ฉีฉีขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้....”
ยังไม่ทันที่ฉีฉีจะพูดจบ มู่ยู่วฉีก็ ยื่นมือออกมาลูบหัวเธอ “ตั้งใจทบทวนนะ อย่าคิดเรื่อยเปื่อย”
ใครกันแน่ที่ทำให้ฉันต้องคิดเรื่อยเปื่อย
ขึ้นเสารู้สึกว่าตัวเองโอเคมากในตอนแรก แต่เพราะว่ามู่ยู่วฉีมารบกวน หัวใจของเธอจึงไม่ได้อยู่อย่างสงบ มันเต้นอย่างรุนแรงไม่หยุด
ตอนที่ฉีฉีถูกเอาเปรียบอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงสองคนเดินผ่านมา และเห็นฉากนั้นเขาพอดี
“ลูบหัวด้วย อิจฉาจัง”
“ใช่ อบอุ่นจัง แฟนฉันเล่นแต่เกม ไม่เคยทำตัวอ่อนโยนอย่างนี้เลย”
“แฟนของฉันก็ไม่หล่อขนาดนี้”
“เกลียด ต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยรึไง”
ทั้งสองคนพูด แล้วหัวเราะเดินจากไป ใบหน้าของฉีฉีแดงอย่างไม่อาจควบคุมได้
ที่จริงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทำไมตัวเองต้องหน้าแดงด้วย มันไม่มีมูลเลย
ฉีฉีสั่งตัวเองว่าห้ามหน้าแดงอีก แต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่ทำให้หน้าตัวเองแดงขึ้น
มู่ยู่วฉีก้มหน้ามองพื้นสาวแล้วยิ้มถามอย่างรู้ทัน “ทำไมคุณหน้าแดงขนาดนั้น ไม่สบายหรอ”
“ไม่ใช่”
“งั้นทำไมถึงหน้าแดงนะ”
“อาจจะไม่สบายนิดหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปโรงพยาบาล”
“เรื่องเล็กน้อย อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”
“แต่ตอนนี้คุณต้องทบทวนอย่างหนัก อย่าให้อาการป่วยเล็กน้อยมากระทบกับคุณ ไปตรวจหน่อยเถอะ”
ไปตรวจหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า
ถ้าหมอถามว่าทำไมถึงป่วย ให้เธอบอกว่าเพราะว่าเขินจนหน้าแดงรึไง ให้ตายเถอะ แค่คิดก็แย่แล้ว
“ฉีฉี คุณ....”
“ทำอะไรกันอยู่”
มู่ยู่วฉียังไม่ทันได้พูดจบ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขัดจังหวะ
เธอเดินมาที่ทั้งสองคนอย่างสุขุม ทำให้ฉีฉีกลัวทันที
ผู้หญิงคนนี้ใส่เสื้อเบสบอล ใส่แว่นกันแดดสีดำ และใส่ผ้าปิดปาก ปิดบังตัวเองจนมิด
เมื่อมองผู้หญิงตรงหน้า ฉีฉีก็ตบอกและพูด “อันน่าเธอทำฉันตกใจหมด กลางวันแสกๆทำไมเธอแต่งตัวอย่างนี้”
เซี่ยอันน่าถอดหน้ากากออก หายใจ และใส่กลับเข้าไปใหม่ “เธอลองคิดดูสิ มีแฟนคลับตาม ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้จะอยู่ได้ยังไง”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นมู่ยู่วฉีก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างติดตลก “ดูเหมือนเธอจะดังแล้วนะ ยินดีด้วย”
เซี่ยอันน่าไม่ได้หลงกลคำพูดของมู่ยู่วฉี เธอมองไปที่เขาแล้วถาม “อย่ามาขัดจังหวะ ฉันถามว่าคุณทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมาที่นี่ แล้วยังมายุ่งกับฉีฉีอีก”
“พวกเราคุยกันปกติ”
น้ำเสียงของเซี่ยอันน่าหนักมากขึ้น “เมื่อกี้นายเอามือวางไว้บนหัวฉีฉี ฉันเห็นแล้ว”
“เห็นแล้วยังไง”
“นาย....”
เซี่ยอันน่าคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะไร้ยางอาย ถึงขนาดกล้ายอมรับต่อหน้าเธอ
ไม่ได้ เธอจะปล่อยเขาไว้อย่างนี้ไม่ได้
ขณะที่เซี่ยอันน่ากำลังจะพูดอะไรออกมา
มู่ยู่วฉีก็พูดขัดเธอว่า “อันน่าอย่าเสียงดัง มีคนกำลังเดินมา”
เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคนจากสถานีโทรทัศน์
ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินข่าวมาจากไหน จึงรีบมา ถ้าพวกเขาไม่ได้มาคงน่าเสียดายมาก
เซี่ยอันน่ากัดฟันมองมู่ยู่วฉี “มู่ยู่วฉีนายอย่ามากวนฉีฉี ตอนนี้เธอไม่สามารถแบ่งใจได้ เธอต้องสอบแล้ว ต้องพุ่งความสำคัญไปที่การสอบ”
“ฉันรู้ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ทบทวนหนิ”
ใช่ วันนี้ฉีฉีไม่ได้กลับอพาร์ทเมนท์ และบังเอิญที่มู่ยู่วฉีมาโรงเรียนพอดี การมาเจอกับเขาเป็นเรื่องบังเอิญมาก
เซี่ยอันน่าพูด “ดูเหมือนนายจะรู้ทุกการเคลื่อนไหวของฉีฉีเลยนะ”
“นิดหน่อย”
ผู้ชายคนนี้กวนจริงๆ
เซี่ยอันน่าจับมือฉีฉีและพูด “พวกเราไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินไปข้างหน้า และมู่ยู่วฉีก็เดินตามมาอย่างไม่ลดละ
ไม่ว่าเซี่ยอันน่าจะเดินช้าหรือเร็ว ก็ไม่สามารถสลัดมู่ยู่วฉีให้หลุดไปได้ ทำให้เธอโมโหมาก
เซี่ยอันน่าโมโหจึงไม่ได้กลับไปที่ห้องประชุม เธอคิดจะขอลาครูและกลับอพาร์ทเมนท์
ตอนที่เซี่ยอันน่ากำลังขับรถ เธอก็เห็นว่ามู่ยู่วฉีขับรถตามมา
เมื่อจอดรถเสร็จ เซี่ยอันน่าก็แทบจะระเบิดออกมา
“มู่ยู่วฉี พอได้แล้ว”
ท่าทีของมู่ยู่วฉีผ่อนคลายมาก “ผมแค่ผ่านมา”
“ผ่านมาอะไรกัน ข้างหน้านี่ก็บ้านฉันแล้ว”
“ใช่ ฉันจะไปบ้านเธอ”
ท่าทางไม่ใส่ใจของมู่ยู่วฉี ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอับอาย
เธอยกมือขึ้นมาชี้หน้ามู่ยู่วฉีด้วยความโกรธ “มู่ยู่วฉี อย่าคิดว่านายเป็นพี่น้องกับสามีฉันแล้ว ฉันจะเมตตานะ”
แม้ว่าหัวของเซี่ยอันน่าแทบจะลุกเป็นไฟ มู่ยู่วฉีก็ไม่โกรธ เขาเดินผ่านหน้าเซี่ยอันน่าเข้าไป “รีบเข้ามาสิทุกคนอยู่ที่นี่หมด รอแค่พวกเธอ”
“นายพูดว่าอะไรนะ อะไรรอพวกเรา”
“เขาไปก็รู้เอง”
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วมองตามหลังมู่ยู่วฉีด้วยความหงุดหงิด
เธอหันไปถามเพื่อนเสาว “ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า ทำไมรู้สึกฟังที่เขาพูดไม่เข้าใจ”
คำพูดของต้วนอีเหยาทำให้เซี่ยอันน่าเงียบไป
เธอหันไปมองทางฉีฉีด้วยความลังเล สุดท้ายก็ไม่ได้เดินเข้าไป
แม้ตัวของเซี่ยอันน่าจะไม่ได้เดินเข้าไป แต่เธอก็จ้องไปที่มู่ยู่วฉีตลอดเวลา ถ้าเขาทำอะไรเกินเลย เธอจะฆ่าเขาแน่
ภายใต้การจ้องอย่างกดดันนั้น มู่ยู่วฉีก็ไม่กล้าทำอะไรมาก แค่เขาได้คุยกับฉีฉีอยู่ใกล้ๆก็พอใจแล้ว
แต่ฉีฉีรู้สึกไม่เป็นตัวเองมาก เพราะการกระทำของมู่ยู่วฉีดูสนิทสนมและมีความเป็นห่วงเป็นใย เรากับตัวเองเป็นเจ้าหญิง
แต่ฉีฉีรู้ว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหญิง อย่างมากก็เป็นได้แค่สาวใช้ข้างตัวเจ้าหญิง ดังนั้นการกระทำอย่างนี้ จึงทำให้ฉีฉีรู้สึกกลัว เธอมีความรู้สึกทรมานภายใต้ความสุข
เธอไม่ชอบความรู้สึกอย่างนี้ ถ้าจะต้องสูญเสียมันไป ไม่เป็นเจ้าของมันตั้งแต่แรกดีกว่า
ขณะที่ฉีฉีกำลังคิดว้าวุ่นเธอก็เหยียบโดดลูกโป่ง ความตกใจทำให้เธอเดินถอยหลังไป
“ระวัง”
มู่ยู่วฉียื่นมือออกมารับตัวฉีฉี แล้วเธอก็ดึงเสื้อเขาไว้ด้วยความตกใจ ทั้งสองคนจึงอยู่ในท่าทีที่แนบชิดมาก
ทั้งคู่สบตากัน เมื่อเธอมองไปที่ตาเข้มสนิทของมู่ยู่วฉี หัวใจของเธอก็ตื่นขึ้นมาอย่างรุนแรง
มู่ยู่วฉีกอดฉีฉีอย่างอ่อนโยน สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกคนต่างหยุดงานทุกอย่างที่ทำอยู่ และมองไปที่ทั้งสองคน
สุดท้ายก็มีคนกระแอมออกมา
“ว้าว มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย”
เซี่ยอันน่าได้สติก่อน เธอจ้องไปที่มู่ยู่วฉี จากนั้นก็วิ่งมาที่ฉีฉี “ฉีฉีเธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
เธอลุกออกมาจากอ้อมกอดของมู่ยู่วฉี และส่ายหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อกี้ทำอะไรลงไป เธอถึงได้ไปอยู่ในอ้อมกอดของมู่ยู่วฉีต่อหน้าทุกคน แถมยังอยู่ในอารมณ์ลุ่มหลง... เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
มือของเขาเย็นขึ้น ความอบอุ่นนั้นหายไป
เขาโน้มตัวลงไปหยิบลูกโป่งมาประดับและพูดอย่างสงบ “ต้องระวัง อย่าไปชนอะไรล้มล่ะ”
ฉีฉีหันไปมองเขาอย่างขอโทษ และพยักหน้ารับ
ท่านใดนั้นหนานกงเจาก็ปรบมือและพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว โทรให้ชูวเสวี่ยมาเลยนะ”
ฉีฉียกมือขึ้นอาสาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “ฉันโทรเอง”
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าจะพูดยังไง”
ฉีฉีพยักหน้า “แน่นอน ง่ายแค่ปลายนิ้ว”
“งั้นรบกวนด้วย”
ฉีฉีหายใจเข้าลึกๆภายใต้สายตาของทุกคน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเย่ชูวเสวี่ย
เมื่อปลายสายรับแล้วเธอก็พูดอย่างเร่งร้อน “ชูวเสวี่ย เธออยู่ไหน”
เย่ชูวเสวี่ยตกใจกับน้ำเสียงของเธอจึงถาม “อยู่ร้านขนม เกิดอะไรขึ้นหรอ”
“ใช่ น้ำที่บ้านรั่วกระทันหัน น้ำออกมาเยอะมาก เธอมาดูให้หน่อยได้ไหม”
“ได้ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ อย่าลืมปิดก๊อกน้ำก่อน”
“โอเคฉันรู้แล้ว”
หลังวางสายเย่ชูวเสวี่ยก็รีบวิ่งออกไปข้างนอก
ส่วนฉีฉีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เซี่ยอันน่าพูดกับฉีฉีอย่างติดตลก “ฉีฉี ที่จริงเธอก็มีพรสวรรค์ด้านการแสดงเหมือนกันนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...