วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 537

เซี่ยอันน่าถึงกับผงะ จากนั้นก็หัวเราะออก เธอยันหน้าผากของฉีฉีเบาๆและพูดว่า:“ ปากเล็กๆของเธอเนี่ย หวานจริงๆนะ”

“ฉันจริงจังกับเธอนะ”ฉีฉีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ฉันเธอพัฒนาตลอดเวลา ฉันดีใจแทนเธอจริงๆ”

เซี่ยอันน่าตบไปที่ไหล่ของฉีฉีและพูดว่า เธอก็เก่งมาก ทบทวนขนาดนั้น จะต้องได้คะแนนดีแน่ๆ และเข้ามหาลัยที่เธอชอบ

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉีฉีก็ถอนหายใจลึกๆและพูดว่า เฮ้อ ถึงแม้ว่าจะฝึกทบทวนหนัก แต่คะแนนของฉันก็ยังไม่สูงมาก ฉันวางแผนจะไปสมัครกวดวิชาเพิ่ม

เซี่ยอันน่าไม่ได้คัดค้านอะไร เธอพยักหน้าและพูดว่า:“ ก็ดีนะ กวดวิชากับเพื่อนด้วยกัน ทุกคนปรึกษาหารือกัน มันเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก”

“ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่การฝึกนี้เป็นการฝึกแบบปิด จะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน”

“ไม่เป็นไร ขอแค่ได้รับคะแนน จะเรียนที่ไหนก็ไม่แตกต่างกัน”

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าไม่คัดค้าน ฉีฉีก็รู้สึกโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า:“ เห้ ฉันรู้ว่าเธอจะไม่คัดค้าน มู่ยู่วฉีเป็นคนร้ายจริงๆ”

ในครั้งนี้ เซี่ยอันน่ามีปฎิกิริยาตอบสนอง

เธอหันไปมองฉีฉีและถามว่า:“ เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมู่ยู่วฉีได้ยังไง ?”

ฉีฉีไม่ได้คิดอะไรมาก และพูดออกไปว่า:“ โอกาสนี้ มู่ยู่วฉีเป็นคนแนะนำให้กับฉัน เดิมทีฉันก็อยากไปกวดวิชานั่นอยู่แล้ว แต่คนเยอะเกินไป ฉันเลยไม่ได้คว้ามันเอาไว้ พอเขาช่วยไว้ ฉันถึงได้มีโอกาสเข้าร่วมกวดวิชา ครั้งนี้ ฉันต้องแสดงพลังของฉัน !”

เซี่ยอันน่าหัวเราะแห้งๆสองครั้ง:“ เหอะเหอะ เป็นแบบนี้นี่เอง”

“เธอไม่คัดค้านก็ดีแล้ว ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

“อืม ไปเถอะ”

ทุกอย่างคลี่คลาย ฉีฉีก็ดินได้อย่างสบายใจมาก

แต่เซี่ยอันน่าไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนั้น เธอขมวดคิ้วแน่นและสงสัย ไม่รู้เจ้ามู่ยู่วฉีคนนี้ กำลังทำบ้าอะไรอยู่อีก ?

……

ใช้โอกาสที่เซี่ยอันน่าไม่ได้จัดตารางงานในวันนี้ นัดเพื่อนสนิทสองสามคนไปที่ร้านขนมหวาน มาพูดคุยกัน

แต่เมื่อทุกคนอยู่ด้วยกันแล้ว ถึงรู้ว่ามีคนไม่ครบ

“เอ๊ะ ทำไมวันนี้ฉีฉีไม่มาล่ะ ?”

เซี่ยอันน่าวางแก้วชาลงและอธิบายว่า:“ ฉีฉีไปโรงเรียนกวดวิชาแบบปิด ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงออกมาได้”

“ไอ่หยา จะไม่ได้เห็นฉีฉีตั้งหนึ่งเดือน ตอนนี้ฉันเริ่มคิดถึงเธอขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ” เย่ชูวเสวียนับเวลา เลิกคิ้วและพูดว่า “นับไปนับมา เมื่อฉีฉีออกมา ก็สอบแล้วไม่ใช่เหรอ ?”

“อืม”

เย่ชูวเสวียขยับไหล่ของเธอและพูดว่า:“ เวลาใกล้เข้ามาแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกประหม่านิดหน่อยแล้วสิ”

“มีอะไรต้องกังวล ”อย่ามองฉีฉีว่าเป็นดูเป็นคนเบลอๆ ถ้าเรื่องสำคัญ เธอไม่เคยที่จะเบลอสับสน ฉันเชื่อเธอ

นี่มันก็จริง ถึงแม้ว่าฉีฉีจะเบลอๆ แต่ก็เหมือนจะไม่เคยออกนอกลู่เลย

มือทั้งสองข้างเท้าคาง เย่ชูวเสวียถอนหายใจยาวและพูดว่า:“ รอฉีฉีสอบเสร็จ พวกเรามาฉลองกันหน่อยเถอะ ช่วงนี้ทุกคนดูเหนื่อยๆ ต้องผ่อนคลายกันหน่อย”

คำพูดนี้ทำให้เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดว่า:“ ฉีฉีทบทวนทบเรียนเหนื่อยมาก ฉันเห็นด้วย ฉันทำงานยุ่งมาก ทุกคนก็ไม่คัดค้าน พี่อีเหยากำลังตั้งครรภ์ ร่างกายก็ต้องเหนื่อยเป็นปกติ แต่เธอกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ทำไมยังเหนื่อยอีก ?”

เมื่อเย่ชูวเสวียได้ยินแบบนี้ เธอก็กลอกตาและเริ่มบ่น

“เธอคิดว่าเตรียมงานแต่งมันง่ายเหรอ ? ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันต้องตามเรื่องชุดกับพนังงาน รวบรวมรายชื่อแขก โรงแรมก็ต้องสรุป ยังมีพิธีการของบริษัทที่ต้องเลือกอีก........ไอ่หยา พูดไม่ได้แล้ว แต่พูดขึ้นมาฉันก็ปวดหัวจะตายแล้ว”

เมื่อเห็นหน้าผากที่ย่นของเย่ชูวเสวีย เซี่ยอันน่าก็หัวเราะและพูดว่า:“ นั่นมันคือความเหนื่อยจากความสุข นี่เป็นครั้งเดียวในชีวิตเรานะ”

“โอ้ย ฉันอยากจะสละโอกาสในครั้งนี้จริงๆ”

“อย่าพูดไร้สาระ ระวังหนานกงเจาได้ยิน และมาคิดบัญชีกับคุณนะ”

“หึ ได้ยินก็ได้ยิน ฉันเหนื่อยและหงุดหงิดมาก กำลังอยากหาคนมาระบายไฟของฉันอยู่เลย”

หลังจากได้ยิน ต้วนอีเหยาก็ยิ้มส่ายหัว จากนั้นก็เอ่ยปากพูด

“ฉันมีคำแนะนำ พวกเธออยากฟังไหม ”

เซี่ยอันน่าและเย่ชูวเสวียต่างแสดงท่าทางอยากฟังอย่างเคารพ

“รอเรื่องต่างๆจบลง พวกเราก็สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้ ไปเกาะเล็กๆ ผ่อนคลายสักหน่อย ที่นั่นไม่มีงาน และไม่มีธุระอะไรที่จัดการไม่เสร็จ มีเพียงคลื่นลมทะเล ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ไม่มีอะไรแล้วก็จับปูมาวาดรูปและนอนหลับกัน”

ข้อเสนอนี้ทำให้ทั้งสองดวงตาเป็นประกาย และภาพที่เหมือนสวรรค์ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเธอในทันที

มือทั้งสองข้างเท้าคาง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เย่ชูวเสวียก็โหยหาอย่างมาก

“นี่เป็นความคิดที่ดี ตัดขาดจากโลก และโยนสิ่งที่น่ารำคาญทั้งหมดออกสู่อวกาศ”

“ฉันก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดี พวกเราสามารถตกปลาทำบาร์บีคิวได้ ตามใจตัวเองเลย”

“บาร์บีคิวฉันทำได้ดีเลย สัญญาว่าพวกเธอจะไม่ได้กินก้างปลาลงไปแน่ !”

เย่ชูวเสวียเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เซี่ยอันน่าอันน่ายังจำอาหารสีดำปี๋ที่ฉีฉีเล่าได้ และพูดออกมาว่า:“ ช่างเถอะ เธออย่าแตะอาหารเลย ใครจะรู้ว่าการผสมอาหารของเธอ จะพัฒนามาจากอาหารสีเข้มนั่นรึเปล่า”

“เกลียด พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้จะได้ไหม ?”

ใบหน้าของเย่ชูวเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะที่อีกสองคนหัวเราะจนคิ้วขมวด

ในขณะที่ทั้งโต๊ะกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆก็กระซิบข้ามหัวเซี่ยอันน่า

ในที่สุด ก็มีชายผู้กล้าคนหนึ่ง เดินไปตรงหน้าเซี่ยอันน่าและถามว่า:“ ขอโทษครับคุณใช่เซี่ยอันน่าไหม ?”

“ใช่ค่ะ ฉันเอง”

เมื่อพวกผู้หญิงได้ยิน หน้าก็แดง

“อ๊ะ คุณคือเซี่ยอันน่าจริงๆ ฉันชอบคุณแสดงเรื่อง 《Goodbye Tomorrow》คุณช่วยเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ ?”

“ได้แน่นอน”

หญิงสาวดูตื่นเต้นมาก แต่คำพูดของเย่ชูวเสวีย ทำให้พวกเขายิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก

“ฉันถ่ายรูปให้พวกคุณป่ะ”

“ได้จริงๆเหรอ ? ขอบคุณมาก !”

ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งให้เย่ชูวเสวีย จากนั้นพวกเธอก็ยืมข้างๆเซี่ยอันน่า และชูสองนิ้ว

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เย่ชูวเสวียก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพวกเธอ ด้วยรอบยิ้มที่อ่อนโยนและมีน้ำใจ

เมื่อมองไปที่หญิงสาวสองสามคน เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดว่า:“ เธอเป็นเจ้าของร้านขนมหวานแห่งนี้ ต่อไปพวกคุณก็มาอุดหนุนที่นี่บ่อยๆนะ”

“แน่นอน เจ้าของร้ายสวยและใจดี พวกเราจะพาเพื่อนมาเยอะๆเลย”

หลังจากได้ลายเซ็นและรูปถ่ายแล้ว พวกหญิงสาวก็จากไปด้วยความพอใจ

เมื่อได้ยินเสียงของมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็รีบลุกขึ้นมานั่ง เธอจ้องมองไปที่มู่ยู่วฉีด้วยความไม่เชื่อและตกใจ

“คุณเป็นอะไร เห็นผีเหรอ ?”

“เป็นคุณจริงๆเหรอ ?”

“นั่นยังปลอมได้อีกเหรอ ? คุณเป็นอะไร เรียนจนบ้าแล้วเหรอ ?”

เมื่อตระหนักว่าคนที่อยู่ตรงหน้า เป็นมู่ยู่วฉีจริงๆ ฉีฉีก็รู้สึกละอายเล็กน้อย เธอก้มหัวแล้วพูดว่า:“ อ่า ฉันก็แค่........แค่ไม่คิดว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ”

“ผ่านมาแถวนี้ ผมจึงมาหาคุณ คุณล่ะ ทุกคนกำลังเรียนอยู่ข้างใน ทำไมคุณถึงออกมาล่ะ ?”

เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเอง ฉีฉีก็รู้สึกอายเล็กน้อย

ทุกคนได้รับโอกาสในการติดต่อปฎิสัมพันธ์กับผู้คน ถึงได้รับโอกาสในการกวดวิชาที่ล้ำค่าเช่นนี้

แล้วเธอล่ะ ในขณะที่ทุกคนกำลังพยายามอย่างหนัก เธอกลับขี้เกียจวิ่งออกมา ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นการแสดงที่แย่มาก

มู่ยู่วฉีมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ จะต้องรู้สึกผิดหวังมากแน่นอน

ฉีฉีก้มหน้าลง และพูดเสียงแหบว่า:“ ข้างในมันค่อนข้างอบอ้าว ฉันออกมาสูดอากาศ อีกเดี๋ยวก็กลับไปแล้ว”

มู่ยู่วฉีเห็นแสงไฟสลัวในดวงตาของฉีฉี จึงถามว่า:“ เห็นสีหน้าของคุณไม่ค่อยดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า ?”

“ก็ไม่มีอะไร ก็แค่...........ก็แค่โดนรังแกนิดหน่อย อีกเดี๋ยวฉันก็กลับไปแล้ว”

พูดจบ ฉีฉีลุกขึ้นและกำลังจะจากไป

แต่มู่ยู่วฉีกลับคว้ามือของเธอไว้ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า:“ ในเมื่อออกมาแล้ว ก็มานั่งคุยกันสักพักก็คงไม่เลว”

ฉีฉีก็ยังไม่อยากกลับไปจริงๆ เธอลังเลสักครู่ จากนั้นก็พยักหน้าและถามว่า:“ คุณบอกว่าคุณถูกรังแก เป็นเพราะว่าคะแนนของคนอื่นดีกว่าคุณ ?”

ฉีฉีพยักหน้าและถามด้วยความเขินอายว่า:“ ฉันดูใจแคบไปหน่อยไหม ?”

“ไม่หรอก นี่มันเป็นปกติ แต่คุณต้องรู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า จะต้องมีคนที่เก่งกว่าคุณอยู่ ถ้าหากจะเปรียบทุกคน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเหนื่อยจนตาย อีกอย่างพวกเราก็ไม่มีใบอนุญาติที่หมดอายุให้กับคุณ ให้คุณได้ที่หนึ่ง นั่นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก”

คำพูดของมู่ยู่วฉี ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องล้อเล่น แต่มันก็กระทบในใจของฉีฉี ทำให้เธอผ่อนคลายความเครียดแล้วตื่นตัวเล็กน้อย เธอยิ้มและพูดว่า :“คุณกำลังปลอบฉันหรือว่ากำลังดูถูกฉันกัน ?”

“แค่พูดตามความเป็นจริง ให้คุณไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป แค่แสดงในระดับของตัวเอง ไม่จำเป้นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ขอแค่คุณดีกว่าฉีฉีก่อนหน้านี้ การทบทวนนั้นก็จะเป็นประโยชน์ และนั่นก็เป็นความตั้งใจเดิมของผมที่สมัครให้คุณ”

หลังจากค่อยๆหายใจเข้า ฉีฉีก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองดีขึ้นมาก และห่วงที่หลังของเธอหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

ต้องบอกเลยว่า มู่ยู่วฉีรู้จักพูดปลอบใจคน พูดง่ายๆเพียงสองสามคำ ก็พูดถามได้ตรงประเด็น ทำให้ความกังวล และปัญหาของฉีฉีหายไปหมด

ฉีฉีกำหมัดไว้ทั้งสองข้าง เธอมีชีวิตชีวาขึ้นมองไปที่ท้องฟ้าและพูดว่า:“ คุณพูดถูก ศัตรูของฉันก็คือตัวฉันเอง และมีเพียงตัวฉันเท่านั้นที่เอาชนะตัวเองได้ ฉันฉีฉี จะต้องขยันให้มากกว่านี้ และจะต้องดีขึ้น !!”

เมื่อเห็นฉีฉีเต็มไปด้วยความมั่นใจ มู่ยู่วฉีก็ยิ้มจนตาหรี่ และมีความอ่อนโยนที่อธิบายไม่ได้ภายในดวงตาของเขา

เขายื่นมือไป ลูบลงบนศีษะของฉีฉี มู่ยู่วฉีพูดอย่างพอใจว่า:“ ที่แท้ก็เป็นฉีฉีคนที่ภายในใจแกร่งแข็งของพวกเรา แป๊ปเดียวก็มีพลังเต็มเปี่ยมแล้ว เห็นคุณเป็นแบบนี้ ฉันก็วางใจแล้ว”

พฤติกรรมของมู่ยู่วฉีค่อนข้างคลุมเคลือ ทำให้ฉีฉีหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกชื่นชอบขึ้นมา

แต่ฉีฉีกลับรู้สึกว่ามันเป็นภาพลวงตา เธอรีบหลบฝ่ามือใหญ่ของมู่ยู่วฉีทันที เธอส่ายหัว และบังคับตัวเองไม่คิดไร้สาระ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง

“ใช่แล้ว คุณยังไม่บอกเลย คุณมาทำอะไร ? ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว หรือเพราะงาน ?”

“ไม่ ผมมาเพราะคุณ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ