วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 545

แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้หึง เธอเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ ฉีฉีก็เป็นคนสับสนแบบนี้ และยังไร้หัวใจด้วย เวลาพูดก็ไม่ค่อยจริงใจ บางครั้งพูดยั่วยุใครไป เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ บางทีคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเธอ อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่ฉีฉีก็ไม่ได้มีความหมายอะไรจริงๆ”

คำพูดนี้ทำให้มุมปากของฉีฉีกระตุก

“อันน่า คุณกำลังชมฉัน หรือว่าทำร้ายฉันกับแน่ ?”

เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นมองฉีฉี เธอยิ้มอย่างใจเย็นจริงใจและพูดว่า:“ แน่นอนว่าชมเธอสิ เธอนี่เป็นคนประหลาดเลยนะ !”

ไอ่หยา เมื่อได้ฟังแบบนี้ ก็ดูเหมือนกับว่าทำลังทำร้ายตัวเองอยู่เลย

ฉีฉีที่ดูงงงวย ทำให้รุ่นพี่ยิ้มมากเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ฮัดเช้ย——”

เซี่ยอันน่าไม่อยากสูญเสียกำลัง แต่อุณหภูมิในตอนเช้ามันต่ำเกินไป และเธอก็ไม่ได้สวมเสื้อมากนัก หลังจากจาม เธอก็เริ่มมีอาการน้ำมูกไหล

รุ่นพี่พูดขึ้นมาว่า:“ ด้านนอกอากาศหนาว พวกเราเข้าไปพูดกันด้านในเถอะ ได้ไหม ?”

ฉีฉีตบหน้าผากตัวเองและพูดว่า:“ ดูฉันสิ รีบเข้ามารีบเข้ามา รุ่นพี่คุณมานั่งดื่มน้ำก่อน อีกเดี๋ยวจะไปทำอาหารเช้า รุ่นพี่คุณก็อยู่ทานก่อนเถอะ”

“ถ้างั้นผมไม่เกรงใจละนะ”

เซี่ยอันน่าเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้อง และตะโกนออกมาว่า:“ ไม่เกรงใจเลยจริงๆด้วย”

ก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ได้ยินเสียงของเซี่ยอันน่าไหม เขานั่งอยู่บนโซฟา มองเซี่ยอันน่า รอยยิ้มของเขานั้นกำลังชื่นชมเธอ

“จริงๆแล้วผมชอบหนังที่คุณเซี่ยแสดงมาก ผมเป็นแฟนคลับของคุณ ได้ยินมาว่ามีหนังของคุณกำลังฉาย ขอให้ได้รับความนิยมอย่างมากนะครับ”

ขณะเดียวกัน เซี่ยอันน่าพูดตอบกลับด้วยรอยยิ้มไปว่า:“ ขอบคุณมากค่ะ”

แม้แต่ฉีฉี ก็รู้สึกว่าทัศนคติของเซี่ยอันน่าที่มีต่อรุ่นพี่ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงเอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูว่า:“ อันน่า เธออย่าเย็นชาใส่รุ่นพี่มากนักเลย มันน่าอายมาก อีกอย่าง เขาก็เป็นรุ่นพี่ของเธอด้วยนะ”

แต่เซี่ยอันน่ากลับจริงจังและพูดกับฉีฉีว่า:“ ผิดแล้ว เขาไม่ใช่รุ่นพี่ของฉัน”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เขาจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเรา ฉันสอบถามมาแล้ว เขาไม่ได้โกหกฉัน”

เฮ้ ผู้หญิงคนนี้นี่ ดื้อรั้นจริงๆเลย

ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียงกับเธอ เธอฟังไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย

เซี่ยอันน่ามองไปที่ดวงตากลมโตของฉีฉี จากนั้นส่ายหัว ราวกับว่ากำลังมองคนงี่เง่าอยู่

เมื่อได้ยินว่าข้างนอกเงียบ แม่ของฉีฉีก็เดินออกมาจากห้อง เห็นผู้ชายและผู้หญิงบนโซฟา เธอจึงรีบพูดขอโทษว่า:“ เอ๊ะ พวกเธอตื่นกันแล้วเหรอ ฉันจะไปทำอาหารเช้ามาเดี๋ยวนี้”

แม่ฉีฉีหันกลับมา จากนั้นก็รู้สึกได้ว่า บนโซฟาเหมือนจะมีเด็กผู้ชายนั่งอยู่อีกคน

เธอรีบหันกลับมา แววตาของแม่ฉีฉีเป็นประกายเหมือนฉายไฟ เธอมองขึ้นลงไปที่รุ่นพี่ ยิ้มแย้มถามว่า:“ ฉีฉี คนนี้ใคร ?”

“อ่อ เขาเป็นรุ่นพี่ที่ฉันเคยบอกพวกคุณ”

รุ่นพี่ลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพ ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามและพูดว่า:“ คุณน้า สวัสดีครับ”

ต้องบอกว่า รุ่นพี่ที่เชื่อฟังคนนี้ เป็นอันตรายสำหรับผู้อาวุโสอย่างมาก

นี่ แม่ของฉีฉีมองไปที่ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้า และแม่ก็พยักหน้าซ้ำๆ

ในฐานะที่เป็นอาจารย์มาหลายปี แม่ของฉีฉีก็ยังคงมองอย่างแม่นยำ จากสายตาของเธอสามารถบอกได้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา มีความรู้มาก การศึกษาก็ไม่แย่ แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็นเด็กที่มีการศึกษาที่ดี

บวกกับพี่เขาเคยช่วยฉีฉีเอาไว้เยอะมาก ในใจเลยชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ

แต่น่าเสีย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือ เขามีแฟนแล้ว !

เมื่อคิดแบบนี้ แม่ของฉีฉีหันศีษะไปมองฉีฉีด้วยความโกรธ

คนที่ดีขนาดนี้มาให้เลือก ฉีฉีมัวทำอะไรอยู่ ทำให้ถึงปล่อยให้เขาไปมีคู่ก่อนล่ะ ?

ถ้าเด็กคนนี้ใช้ความคิดในการหาแฟนได้สักนิด ตัวเธอก็คงจะไม่ต้องมาเป็นกังวลแทนเธอแบบนี้ !

ฉีฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่คอ เธอเอามือลูบ จากนั้นก็หันศีรษะไปมองเห็นสายตาแม่ของเธอที่กำลังจ้องมองอยู่

ด้วยดวงตาที่เฉียบคม จนทำให้ฉีฉีสั่นไหวในใจ และกระซิบออกมา

แต่จริงๆแล้ว ประโยคถัดมาของแม่ฉีฉี ทำให้ฉีฉีหลับตาลงอย่างหมดหวัง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่รุ่นพี่ แม่ของฉีฉีก็พูดด้วยอารมณ์ว่า:“ เฮ้อ เด็กที่เพียบพร้อมขนาดนี้ คนที่หาคุณไปเป็นแฟนได้ ผู้หญิงคนนั้นช่างโชคดีจริงๆ”

รุ่นพี่ยิ้มและพูดว่า:“ คุณน้า ผมไม่มีแฟน ”

เอ๊ะ ?

คำพูดนี้ทำให้แม่ของฉีฉีเลิกคิ้วและพูดว่า:“ แต่ฉีฉีบอกว่าคุณมีแฟนแล้วนะ”

รุ่นพี่มองไปที่ฉีฉีอย่างเงียบๆ จากนั้นก็พูดออกมาว่า:“ อาจจะเป็นความเข้าใจผิดครับ”

ในขณะนี้ ฉีฉีอยากจะมุดแทรกแผ่นดินเลย

พระเจ้า ใครจะเอาตัวเองมาตายด้วยมีดเพียงเล่มเดียวล่ะ ช่างหน้าอายจริงๆ !

แต่แม่ของฉีฉีกลับไม่รู้สึกอายเลย เธอดีใจซะยิ่งกว่าถูกล็อตเตอร์รี่อีก

“เข้าใจผิด ? ฮ่า นี่คงเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ”เมื่อพูดออกมา แม่ของฉีฉีรู้สึกว่าถ้าพูดแบบนั้นไปมันจะหยาบคาย จึงรีบอธิบายว่า:“ เอ่อ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ก็แค่คิดว่าเด็กดีเหมือนคุณ น้าก็แค่อยากจะช่วยคุณ”

รุ่นพี่ยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดว่า:“ ขอบคุณมากครับคุณน้า ที่จริงแล้วผมมีผู้หญิงที่ชอบแล้วจริงๆ เพียงแต่

เธอยังไม่รู้ว่าผมชอบเธอ พูดได้ว่า เป็นรักข้างเดียว”

เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบ ฉีฉีก็ยิ้มมองไปที่เขาและถามว่า:“ จริงเหรอ ถ้างั้นฉันรู้จักเธอไหม ?”

“อืม คุณรู้จักเธอจริงๆ”

“เอ๊ะ คงจะไม่ใช่คนที่เรียนเสริมกับพวกเราหรอกนะ ?งั้น..........”

ในขณะที่ฉีฉีกำลังคาดเดาอยู่นั้น เซี่ยอันน่าก็ตะโกนอย่างไม่สบายใจออกมา

แย่แล้ว วันนี้เจ้าเด็กนั่นมา และเขาเป็นคนไม่ใจดี เดิมทีฉีฉีต้องการที่จะปฎิเสธมู่ยู่วฉี ครั้งนี้ดันมีตัวช่วยมาอีก ครั้งนี้มู่ยู่วฉี คงจะโชคไม่ดีมากแน่ๆ

แม่ของฉีฉีดูเหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่าง เธอกลอกตา เธอบอกว่าจะไปทำอาหาร และยังบอกให้เซี่ยอันน่าเข้าไปพักในห้อง เหลือเพียงฉีฉีและรุ่นพี่ ที่นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น

แม้ว่าเซี่ยอันน่าจะไม่พอใจ แต่เธอก็ยังเก็บของไม่เสร็จ ดังนั้นจึงต้องกลับไปเก็บกระเป๋าก่อน

ในขณะที่ทานอาหาร แม่ของฉีฉีก็กระตือรือร้นกับรุ่นพี่เป็นอย่างมาก เธอคีบผักให้เขา พลางพูดเรื่องตลกตอนเด็กของฉีฉีให้ทุกคนได้หัวเราะกัน

อ่อ นอกจากเซี่ยอันน่าแล้ว ยังมีฉีฉีที่โดนพูดเป็นเรื่องตลกอีก

ฉีฉีทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เธอคิดในใจว่าภาพลักษณ์ที่สวยงามของเธอที่อยู่ในใจของรุ่นพี่ มันได้แตกสลายเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แต่เซี่ยอันน่าที่มองไปที่รุ่นพี่ สายตาของเธอลึกซึ้งเล็กน้อย

เซี่ยอันน่าก็รู้ว่า เมื่อเทียบกับมู่ยู่วฉีแล้ว รุ่นพี่เหมาะสมกับฉีฉีมากกว่า

แต่เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้ เธอจะต้องผลักฉีฉีออกไป และยังเป็นคนที่แปลกหน้าที่ยังไม่รู้อะไรมากอีก ไม่ว่าจะคิดยังไงเซี่ยอันน่าก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ

ในขณะที่เซี่ยอันน่าก้มศีรษะลง จ้องไปที่ถ้วยโจ๊กด้วยความงุนงง รุ่นพี่ก็มองกระเป๋าเดินทางข้างๆเธอและถามว่า:“ เมื่อมองไปที่คุณเซี่ย คุณจะไปแล้วเหรอ ?”

“เธอ.........”

ทันทีที่ฉีฉีกำลังจะพูด เซี่ยอันน่าก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมาว่า:“ ยังไม่แน่ใจเลย ต้องดูว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ไหม ใช่แล้ว ไม่รู้ว่ารุ่นพี่มาในครั้งนี้ จะอยู่นานแค่ไหน ?”

“มาท่องเที่ยวที่นี่ อาจจะอยู่จนถึงปีใหม่”

เวลานานขนาดนี้ ฉันไม่สามารถเสียเวลาไปกับเขาได้

เซี่ยอันน่าเงีบลง และแม่ของฉีฉีก็พูดอย่างกระตือรือร้นว่า:“ ทิวทัศน์ในเมืองแห่งนี้ดูเรียบง่ายและน่าอยู่อย่างแน่นอน ตอนนี้ มีคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่มีรสนิยมแบบคุณ ที่จะชอบสถานที่ที่เหมาะแก่การสงบสติอารมณ์”

เมื่อได้รับคำชม รุ่นพี่ยิ้มและพูดว่า:“ ผมอยากมาที่นี่นานแล้วถ้ามีโอกาส ตอนนี้โรงเรียนปิดแล้ว ฉีฉีก็สามารถช่วยเป็นไกด์ได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ขอเพียง ฉีฉีไม่รำคาญผมก็พอ”

“ไม่หรอก คุณช่วยฉันมาตั้งมากมาย แค่คิดเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่าง นี่มันเป็นหน้าที่ของฉัน ที่จะสามารถเผยแพร่ส่งเสริมความสวยงามของบ้านเกิดฉันไปได้ ”

ดังที่ฉีฉีพูด เธอมองไปที่เซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ อันน่า ไม่อย่างนั้นเธอก็อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ฉันสามารถพาพวกคุณไปเที่ยวด้วยกันได้ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่เจริญเท่าเมืองหลวง แต่ก็มีความงดงามบริสุทธิ์ ในเมื่อเธอมาแล้ว ไม่ได้ดูความสวยงามนี้ มันก็น่าเสียดายนิดหน่อยนะ”

เซี่ยอันน่าถอนหายใจและพูดว่า แต่ฉันคิดว่า เวลามันบีบเกินไป ฉันมาเมื่อวาน ก็ปิดโฆษณาไปแล้วสองเรื่องแล้ว ไม่สามารถล่าช้าได้อีกแล้ว

เมื่อคิดถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ของมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ เธอยุ่งขนาดนั้น ก็ควรจะพักหน่อยนะ ระวังจะมีปัญหากับสามีเธอนะ”

“หึ เขากล้า”

“ใครจะไม่อยากจะให้คนที่ตัวเองชอบอยู่ข้างๆบ้างล่ะ คุณยุ่งขนาดนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้ลำพัง”

“ถ้างั้นเธอล่ะ ?”

ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าก็ถามกลับ ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึงและถามด้วยความสับสนว่า:“ ฉัน ? ฉันทำไม ?”

“เธออยากอยู่ที่นี่กับคนที่ชอบไหม ?”

มีแม่อยู่ ฉีฉีไม่กล้าแสดงออกอะไร เพียงแค่หันหน้าไปยิ้มและพูดติดตลกไปว่า:“ ฮ่า ถ้าหากว่ามี ฉันก็จะต้องหวังแบบนั้นอยู่แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่ผู้ชายของฉันยังไม่ปรากฎตัวออกมา”

“วางใจเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ความฝันเธอจะต้องเป็นจริงแน่นอน”

เซี่ยอันน่าเหลือบมองไปที่รุ่นพี่อย่างเงียบๆ และพบว่าเขาก็กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ แววตาของเขาใสราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ใสสะอาด

ในทางตรงกันข้ามกับความบิรสุทธิ์นี้ ทำให้การโจมตีของเซี่ยอันน่า กลายเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจไปเล็กน้อย

หลังจากอาหารเช้า เซี่ยอันน่าก็ออกจากบ้านของฉีฉี

ฉีฉีลังเลมาก จับมือของเธอและพูดคุยที่หน้าประตูอยู่เป็นเวลานาน

เมื่อเห็นดวงตาที่ตกตะลึงของฉีฉี เซี่ยอันน่าก็กุมมือของเธอกลับและพูดว่า:“ เมื่อเจอปัญหา อย่าเก็บมันไว้คนเดียว ให้โทรศัพท์หาฉัน ”

ฉีฉีร็ูสึกซาบซึ้งเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า:“ อืม ฉันจะทำ”

“ถ้าเจอผู้ชายที่ดี ก็ควรพิจารณาให้ดี อย่ากังวลกับมู่ยู่วฉีอีกเลย”

ปัญหานี้มันไม่ค่อยตรงประเด็น แต่ฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและพูดว่า:“ รู้แล้ว”

“นอกจากนี้ รุ่นพี่ที่อยู่ด้านในคนนั้น มองออกนะว่าเขาสนใจเธอ ถ้าหากเธอรู้สึกว่าเขาไม่เลว ก็สามารถลองกระชับความสัมพันธ์กับเขาได้นะ”

ครั้งนี้ ฉีฉีทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ฉีฉีหน้าบึ้งตึงและพูดว่า:“ ไอ่หย่า เป็นอะไรไป ความสัมพันธ์ของฉันกับรุ่นพี่มันเรียบง่ายมาก”

เรียบง่าย ? หึหึ !

“เอาล่ะ ฉันจะดู ความสัมพันธ์เรียบง่ายของพวกเธอ จะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“โอเค เธออย่าไม่ต้องเป็นห่วง ระหว่างพวกเรา เธอเป็นคนที่น่ากังวลกว่า ทำงานหนักขนาดนั้น ร่างกายจะทรุดโทรมลงได้ เย็นชากับสามีตัวเอง ถึงแม้ว่าสามีจะไม่พูด แต่คนที่บ้านเขาล่ะ ? ตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว จะทำตามอำเภอใจมากนักไม่ได้แล้วนะ”

เธอเอื้อมมือไปจับหน้ารูปไข่ของฉีฉี เซี่ยอันน่ายิ้มบางๆและพูดว่า:“ ไอ่หยา นี่ไม่ใช่เด็กน้อยที่ฉันรู้จักเหรอ

รู้จักสอนคนอื่นอย่างเหมาะสมเป็นแล้วด้วย”

จับมือของเซี่ยอันน่าไว้ และฉีฉีพูดว่า:“ ไอ่หยา ฉันจริงจังนะ ”

“ฉันรู้ ฉันรู้สึกได้ เธออย่ากังวลเลย แต่คนที่อยู่ข้างใน......เธอจับตามองให้ดี”

“รู้แล้วรู้แล้ว ”

แม้ว่าฉีฉีจะแสดงท่าทีที่เบื่อหน่าย แต่ในใจของเธอ กลับอบอุ่น

เซี่ยอันน่าก็เข้าใจ และไม่ได้สนใจ เธอยิ้มและพูดว่า:“ ยัยเด็กขี้แย ! เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว เธอดูแลตัวเองดีๆนะ

อย่ากินจนกลายเป็นหมูอ้วนล่ะ ”

พูดจบ เซี่ยอันน่าก็หันกลับไป นั่งบนรถที่พี่เลี้ยงที่บริษัทส่งมา

เมื่อนั่งอยู่บนรถ เซี่ยอันน่าก็เก็บรอยยิ้ม สีหน้าของเธอแสดงความกังวลออกมา

เธอเป็นห่วงฉีฉีมาก แต่มีถนนบางสาย ที่มีแต่ฉีฉีเท่านั้นที่เดินไปได้ ทางเลือกบางอย่าง มีเพียงฉีฉีเท่านั้นที่เลือกได้

หวังว่าฉีฉี จะไม่เลือกสิ่งที่ทำให้ผิดหวังเสียใจ

เซี่ยอันน่าพิงหลังกับเก้าอี้ เธอถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หลับตาพักผ่อน

ผ่านไปซักพัก รถก็หยุดกะทันหัน

ในตอนแรก เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอแค่คิดว่ากำลังรอไฟแดงอยู่เท่านั้น

แต่เมื่อประตูรถเปิด และมีเสียงฝีเท้าดังเล็กน้อย เซี่ยอันน่าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

เมื่อลืมตาขึ้นมา เซี่ยอันน่าเห็นชายชุดดำสองคน เธอเอ่ยปากถามว่า:“ พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไร..........”

ยังไม่ทันพูดจบ เซี่ยอันน่าก็มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ทำให้เธอตกตะลึงไป

“พวกคุณมาได้อย่างไร ?!”

ในขณะนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยอันน่าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสี่ยวอวี้หลินกับมู่ยู่วฉีสองพี่น้องนี้

เสี่ยวอวี้หลินดูผ่อนคลาย เขายิ้มและพูดว่า:“ คุณภรรยา นี่เป็นสิ่งที่ผมเตรียมเซอร์ไพรส์คุณ เป็นยังไง ชอบไหม ?”

เฮ้ ถ้าหากเห็นแค่เสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็คงอาจจะยังมีความสุข แต่เมื่อมองไปเห็นมู่ยู่วฉีที่อยู่ข้างๆ

เธอก็เหลือแต่เพียงการตกตะลึง

ถ้าหากให้มู่ยู่วฉีและรุ่นพี่เจอกัน ผลที่ตามมานี้ ไม่อยากจะจินตนาการเลย

แววตาของมู่ยู่วฉีไร้อารมณ์ ริมฝีปากของเขาแน่น มองไม่เห็นความสุขหรือความโกรธ ดังนั้นเซี่ยอันน่าจึงไม่รู้ว่าเขากำลังยิ้มเหมือนรุ่นพี่หรือไม่

ตอนนี้ หวังแค่ว่าทั้งสองคนจะไม่เจอกัน ไม่อย่างนั้นคนที่โชคร้ายที่สุด จะต้องเป็นฉีฉีแน่นอน

มู่ยู่วฉีบอกว่า มันเกี่ยวข้องกับฉีฉี

“เพิ่งออกมาจากบ้านของฉีฉี ?”

“อืม”

“พาผมไปหาเธอ”

เซี่ยอันน่ารีบส่ายหัว แสดงท่าทีปฎิเสธ

ดวงตาของมู่ยู่วฉีมืดมนลงและพูดว่า:“ เธอสามารถหาเธอเจอ ฉันก็ทำได้

เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเท่านั้นเอง”

เสี่ยวอวี้หลินก็พูดกล่อมเธออยู่ใกล้ๆว่า:“ อันน่า คุณบอกเขาไปเถอะ ยังไงไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องรู้อยู่ดี ทำไมต้องเสียเวลา ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขล่ะ ”

ในขณะเดียวกัน เซี่ยอันน่าตอบสนองกลับไปว่า:“ ให้เขาไปอยู่รอบๆฉีฉี ฉีฉีจะมีความสุขไหม ?”

“ฉันก็แค่ไปหาคำตอบก็เท่านั้น”

“ถ้างั้นคุณไม่ต้องไปหาฉีฉีแล้ว เพราะฉันก็รู้คำตอบ”เซี่ยอันน่ารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่นี่คือการตัดสินใจของฉีฉี “คุณ วางมือเถอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ มู่ยู่วฉีก็สำลักออกมา แขนขาทั้งตัวของเขาดูเหมือนจะเจ็บไปหมด

เขากำหมัดแน่น เสียงของเขาราวกับลอดออกมาจากฟันด้วยความโกรธและพูดว่า:“ ฉันต้องการได้ยินจากปากของฉีฉีเอง”

“ทำไมล่ะ ในเมื่อฉีฉีหลีกเลี่ยงคุณอยู่ คุณเองก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว”

“วันนี้เหล่าหลี่มีธุระ จึงออกไปก่อนแล้ว ”

แม่ของฉีฉีรับเสื้อคลุมของพ่อฉีฉีมาแขวน และเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเขาจึงถามว่า:“ คุณเป็นอะไร แพ้ให้เหล่าหลี่แล้ว ?”

“ในระดับของเหล่าหลี่ ผมจะแพ้เขาได้อย่างไร ผมน่ะ เจอวัยรุ่นคนหนึ่งที่หน้าประตู ไม่มีจริยธรรม เป็นคนใจร้อน พูดสองประโยคก็รำคาญ ถ้าหากว่าทุกคนเป็นคนไร้จริยธรรมเหมือนเขา ถ้างั้นสังคมนี้ก็คงสิ้นหวังแล้ว”

“ไอ่หย่า ไม่ใช่ว่าทุกคน จะสุภาพเหมือนรุ่นพี่ของฉีฉี”

เมื่อถูกแม่ของฉีฉีพูดถึง รุ่นพี่ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน

แม่ของฉีฉียังพูดอะไรต่ออีก เสียงกริ่งก็ดังขึ้นมา

“ตอนนี้ยังจะมีใครมาอีก”

“เดี๋ยวหนูไปเปิดประตู”

ฉีฉีเดินไปอย่างรวดเร็วและเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก เธอก็ตกตะลึง

“ฉีฉี ใครน่ะ ?”

“ห๊ะ คนขายประกันน่ะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็ปิดประตู

มู่ยู่วฉีที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูเอามือดันประตู ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ฉีฉีไม่มีทางเลือก จึงต้องออกมาข้างนอกประตูกับมู่ยู่วฉี

ปิดประตูอย่างแน่นหนา ฉีฉีขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า:“ มู่ยู่ฉี คุณอย่ามาหาฉันเลย เรื่องที่คุณถามฉันในตอนนั้น

ฉันคิดได้แล้ว ตอนนี้ฉันสามารถให้คำตอบคุณได้แล้ว”

การแสดงออกของมู่ยู่วฉีดูโทรมลงเล็กน้อย เขามองตรงไปที่ฉีฉี และพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า:“ ก่อนที่คุณจะตอบ คุณฟังผมพูดสักสองสามประโยคได้ไหม ?”

การแสดงออกของมู่ยู่วฉี ทำให้ฉีฉีไม่สบายใจ

เธอยังไม่ทันได้ตอบกลับ ก็มีคนเดินออกมาจากห้อง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า:“ ฉีฉี ทำไมถึงยังไม่เข้าไปล่ะ ?”

ทันทีที่เห็นรุ่นพี่ ท่าทีของมู่ยู่วฉีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ด้วยความไม่เชื่อ มีออร่าสังหารแผ่ออกมา และถามว่า:“ ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ ?”

ฉีฉีกังวลว่าพ่อแม่จะออกมาเห็น จึงพูดอย่างไม่อดทนว่า:“ รุ่นพี่มาเที่ยวที่นี่ และฉันก็มีหน้าที่รับผิดชอบเขา”

“งั้นผมก็มาเที่ยวด้วย ถ้างั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบผมด้วย ”

“คุณอย่าไร้สาระ แล้วรีบกลับไปเถอะ”

“ผมไม่ได้ไร้สาระ ผมจริงจัง พอดีเลย วันนี่พ่อแม่ของคุณก็อยู่ ผมไปไหว้ทักทายคุณลุงคุณป้าหน่อยดีกว่า”

“เฮ้ คุณ..........”

พูดจบ มู่ยู่วฉีก็เดินผ่านฉีฉี เปิดประตูเข้าไปในห้อง

“คุณลุงคุณป้า สวัสดีครับ”

มู่ยู่วฉีเกิดมาพร้อมกับความร่ำรวย เขายืนอยู่ในห้อง มีกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

จนทำให้คนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

แม่ของฉีฉีถึงกับผงะ เธอมองฉีฉี และมองมู่ยู่วฉี และพูดด้วยอารมณ์ว่า:“ เอ๊ะ คนขายประกันเดี๋ยวนี้ ล้วนเป็นคนที่มีความออร่าขนาดนี้เลยเหรอ ? เหมือนกับดาราเลย หล่อมาก !”

แม่ของฉีฉีอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบชายหนุ่มตรงหน้ากับรุ่นพี่ และจากรูปลักษณ์ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหล่อกว่า ดูดีกว่า และมีออร่าที่เป็นราชาอย่างธรรมชาติเลย

แต่ถ้ามองจากการใช้ชีวิต ก็ยังคงต้องเลือกแบบรุ่นพี่เอาไว้ก่อน มีความมั่นคงปลอดภัยมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สามารถเห็นวัยรุ่นที่ดูดีขนาดนี้ ตลอดชีวิตนี้ของเธอยังไม่เคยเห็นคนที่หล่อขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ !

พ่อของฉีฉีเพิ่งรินชา เตรียมจะดื่ม เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมู่ยู่วฉี

เป็นเขานี่เอง !

วางถ้วยชาไว้ข้างๆ พ่อของฉีฉีพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า:“ ขอโทษ บ้านเราไม่ต้องการประกัน คุณออกไปได้แล้ว”

ความรู้สึกที่เหนือกว่าของมู่ยู่วฉีที่สะสมไว้หายไปในทันที เมื่อเห็นพ่อของฉีฉี

คนๆนี้ ทำไมถึงกลายเป็นพ่อของฉีฉีไปได้ล่ะ !?

มู่ยู่วฉีรู้สึกอับอายใจในของเขา ใบหน้าของเขายังคงแสดงรอยยิ้ม และพูดอย่างใจเย็นว่า:“ คุณลุง เรื่องเมื่อครู่ ขอโทษด้วยจริงๆครับ ที่จริง.......”

“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ เป็นฉันที่ยุ่งมากไป คุณไม่ต้องสนใจคำพูดของชายชราอย่างฉันหรอก”

ไม่รอให้มู่ยู่วฉีพูดจบ พ่อของฉีฉีก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมา จากนั้นก็ยกชาขึ้นมาจิบ

เมื่อฟังคำพูดของพ่อฉีฉี แม่ของฉีฉีก็ถามว่า:“ หรือว่า เขาก็เป็นคนที่คุณพูดถึงเมื่อครู่ ชายหนุ่มผู้ไม่มีมารยาทคนนั้น ?”

พ่อของฉีฉีพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับมู่ยู่วฉีว่า:“ ชายหนุ่ม ไม่ใช่ว่าฉันว่าเธอนะ ถึงแม้ว่าคุณจะดูหล่อเหลา แต่นิสัยก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะนั่นคือรากฐานที่สำคัญของความมั่นคงในอนาคตของคุณ”

เมื่อเปิดปากพูดแล้ว พ่อของฉีฉีก็เริ่มพูดไม่รู้จบ โดยสั่งสอนคนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

จากเรื่องนี้ มู่ยู่วฉีก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ในอนาคตจะต้องไม่ขัดแย้งกับผู้อาวุโสไปเรื่อยๆ เพราะไม่แน่ว่า คนๆนั้นอาจจะเป็นพ่อตาของคุณในอนาคต........

ในใจของมู่ยู่วฉีแตกสลาย ฉีฉีล่ะ ยืนยิ้มอยู่ข้างๆเขา และไม่คิดที่จะช่วยเลย

ในที่สุด ก็เป็นรุ่นพี่ที่พูดอย่างใจดีว่า:“ คุณลุงคุณป้า ผมคิดว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้ว คนนี้ไม่ใชพนักงานขายประกัน แต่คือมู่ยู่วฉี”

สีหน้าของแม่ฉีฉีเต็มไปด้วยความงุนงงและถามว่า:“ มู่ยู่วฉีคือใคร ? เหมือนกับคุณเซี่ย เป็นนักแสดงเหมือนกันเหรอ ?”

“ไม่ครับ เขาก็คือประธานบริษัทมู่ซื่อ”

“บริษัทมู่ซื่อ........”พ่อของฉีฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “โอ้ ฉันคิดออกแล้ว นักเรียนคนหนึ่งที่ฉันเคยสอน ก็ไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่อ เขาบอกว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่โต สภาพแวดล้อมดี และศักยภาพในการพัฒนาก็ครบถ้วน”

ที่แท้ชายหนุ่งตรงหน้าก็คือประธานบริษัท ไม่แปลกใจเลยที่เขาดูมีออร่าขนาดนั้น

แต่พ่อแม่ของฉีฉีก็ไม่ได้เห็นแก่สถานะของฝ่ายตรงข้าม และเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อมู่ยู่วฉี

พ่อของฉีฉีขมวดคิ้วมองไปที่มู่ยู่วฉีและถามว่า:“ ในฐานะที่คุณเป็นประธาน คุณมาที่นี่ทำไม ?”

ฉีฉีกำลังหลบสายตาของมู่ยู่วฉี แต่มู่ยู่วฉีกลับจ้องมองมาที่เธอ โดยไม่ปล่อยให้เธอหนีไป

“ผมมาหาฉีฉี”

“ฉีฉี เธอเป็นหนี้เขาเหรอ ?”

นี่ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของฉีฉีจะเข้าใจผิด เพราะว่าการแสดงออกของมู่ยู่วฉีที่ดูฉีฉี มันราวกับว่าเธอติดหนี้เขาอยู่จริงๆ

หลังจากที่ได้ยิน ฉีฉีก็ปฎิเสธอย่างหนักแน่นว่า:“ แม่ ฉันไม่ได้.......”

“ใช่เธอเป็นหนี้ผม”

ฉีฉียังไม่ทันพูดจบ มู่ยู่วฉีก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมา และยอมรับอย่างหนักแน่น

สิ่งนี้ทำให้ฉีฉีตกตะลึง หันไปมองมู่ยู่วฉี และดุว่า:“ มู่ยู่วฉี คุณอย่าบ้วยมาให้ฉันได้ไหม ฉันไปติดหนี้คุณตอนไหน !?”

“ในตอนที่คุณป่วย ก็เป็นผมที่ออกค่ารักษาพยาบาลให้คุณก่อน !”

มู่ยู่วฉีพูดอย่างไม่เร่งรีบว่า ให้ฉีฉีสาปแช่งมู่ยู่วฉีอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ

ไอ่สารเลวนี่ เขาจับเธอไว้อยู่หมัด เธอไม่กล้าบอกเรื่องที่ตัวเองป่วยให้พ่อแม่รู้ แต่เขากลับเอาเรื่องนี้มาคุกคามเธอ !

ไม่ได้ จะปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จไม่ได้ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ