ฉีฉีกำลังกินอย่างมีความสุขหลังจากที่่ยุ่งมาทั้งวันและไม่ได้สนใจสิ่งที่คนสองสามคนนั้นว่ากำลังคุยอะไรกัน
ทันใดนั้นชื่อของเธอก็ถูกเรียกขึ้น ฉีฉีงงงันและพูดว่า "ฉัน ...... "
"ไม่ทราบว่าฉันมีเกียรติที่จะนั่งกินข้าวด้วยกันไหม"
ฉีฉีถูกขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดจบ
คุณเวินในชุดสีแดงมีความสง่างามและหรูหรา พร้อมกับการแต่งหน้าปราณีตบนใบหน้าของเธอ
คุณเวินช่างสง่างาม แต่มันไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่
คนที่มาพร้อมกับเธอคือหญิงสาวผมแดงยืนอยู่ข้างๆเธอ
เย่ชูวเสวียพูดแบบไม่เกรงใจและปฏิเสธไปตรงๆว่า: "ต้องขอโทษจริงๆนะคะ นี่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัวอาจไม่สะดวกค่ะ"
"ฉันก็รู้สึกไม่ดีค่ะ แต่ฉันชื่นชอบผลงานของคุณเซี่ยอันน่ามาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสได้นั่งคุยกับพวกคุณหรือไม่"
คุณเวินพูดไปยิ้มไปแล้วมองไปที่เซี่ยอันน่า
ผู้หญิงคนนี้ฉลาด เมื่อเธอรู้ว่าเย่ชูวเสวียไม่ต้อนรับจึงมุ่งเป้าไปที่เซี่ยอันน่า
ถ้าเธอคิดว่าเซี่ยอันน่ามีบุคลิกที่อ่อนโยนและง่ายต่อการพูดคุยเธอก็คิดผิดแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นจะตาย
เย่ชูวเสวี่ยคิดในใจว่าเซี่ยอันน่าจัต้องปฏิเสธเธอเหมือนกัน แต่เซี่ยอันน่ากลับเปลี่ยนน้ำเสียงของเธอและพูดว่า "ในเมื่อมาแล้ว ก็มานั่งดื่มสักแก้วก็ได้ค่ะ"
เย่ชูวเสวียแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
มู่ยู่วฉีขมวดคิ้วแล้วกินอาหารต่อ
ส่วนฉีฉีดูเหมือนจะไม่เป็นไรจึงหันหน้าไปมองทิวทัศน์ด้านนอก
เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดว่า "ไม่ทราบว่าคุณเวินต้องการคุยเรื่องอะไรคะ"
“ จริงๆแล้วฉันสนใจในอุตสาหกรรมบันเทิงมาโดยตลอดและต้องการลงทุนในบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ แต่พ่อของฉันไม่เห็นด้วยคิดว่าบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์มีการลงทุนที่สูงและอัตราผลตอบแทนที่ต่ำ ฉัน ไม่ทราบว่าคุณเซี่ยอันน่าสามารถให้คำแนะนำแก่ฉันได้หรือไม่”
"เอ่อ มันขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรมันก็มีทั้งขาดทุนและได้กำไร ไม่ใช่ว่าจะได้กำไรไปตลอดใช่ไหมล่ะ ฉันเชื่อว่าคุณเวินมีความสามารถมากที่จะเข้าสู่การลงทุนในด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ หากคุณพ่อของคุณกังวลคุณสามารถลงทุนในบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ขนาดเล็กไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป คุณจะมีประสบการณ์และความสัมพันธภาพกับหลายๆคน"
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยอันน่าหน้าคุณเวินก็แดงและพูดด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณคุณเซี่ยอันน่ามากนะคะสำหรับคำแนะนำและกำลังใจฉันจะพยายามค่ะ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณก็เกรงใจเกินไป มาดื่มเพื่ออนาคตที่สดใสของคุณ เดี๋ยวฉันเริ่มดื่มก่อน"
หลังจากพูดจบเซี่ยอันน่าก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
คุณเวินแสดงสีหน้าที่ยินดีและรีบหยิบแก้วเหล้าตรงหน้าดื่มหมดในรวดเดียว
คุณเวินเหมือนกำลังจะเข้ามาพูดคุยกับมู่ยู่วฉี แต่เย่ชูวเสวียซึ่งนั่งอยู่ข้างๆได้จ้องมองเธอราวกับว่าเธอทำอะไรผิด
คุณเวินยิ้มมุมปากและลุกขึ้นยืนเอ่ยคำลาเซี่ยอันน่า "ฉันได้คำตอบที่ต้องการแลัว งั้นไม่รบกวนทุกคนแล้วค่ะ ขอตัวกลับก่อนนะคะ"
หลังจากพูดจบคุณเวินและหญิงสาวผมแดงก็หันหลังเดินออกไป
เมื่อมองคุณเวินเดินพ้นไปเย่ชูวเสวียจึงรีบถามทันที"อันน่า ทำไมเธอถึงใจดีกับผู้หญิงคนนั้น เธอก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีกับฉีฉี"
เซี่ยอันน่าพูดเสียงต่ำ"เป็นเพราะความเจตนาไม่ดีของเขาไงล่ะ ฉันถึงต้องให้โอกาสเขา"
คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่ชูวเสวียตกใจ"จริงๆแล้วเธอกำลังล่อลวงงูพิษออกมาจากถ้ำเหรอ"
เมื่อมองไปที่สองคนตรงนั้นเซี่ยอันน่าก็พูดว่่า "เราไม่มีเวลามากนักและทั้งสองคนเสียเวลามานานเกินไปแล้ว เราต้องรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว"
"ใช่ เธอพูดถูกฉันต้องการมอบช่อดอกไม้ให้กับฉีฉี ทำให้เธอเป็นเจ้าสาวคนต่อไป"
เซี่ยอันน่าและเย่ชูวเเสวียพูดคุยกันเบาๆ ขณะที่มู่ยู่วฉีกำลังจ้องมองฉีฉีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
สายตาแบบนี้ทำให้ฉีฉีรู้สึกอึดอัดจึงเดินไปนั่งที่ข้างๆของเซี่ยอันน่าและเย่ชูวเเสวีย
"เฮ้อ สองคนนี้อย่ามาแอบคุยกัน มาดื่มกันดีกว่า"
เย่ชูวเเสวียยกแก้วเหล้าขึ้นและพูดว่า "โอเค งั้นเธอเริ่มดื่มก่อน"
"ทำไมฉันถึงต้องดื่มก่อน?"
"งั้นช่วยบอกทีว่าพวกเรามาแล้วช่วยเหลือเธอไปเยอะไหม ช่วยเธอบังกระสุนไปกี่นัดแล้ว เธอจะไม่ควรขอบคุณพวกเราสักนิดเหรอ?"
“ เออ มันก็จริง"
"งั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ เธอเริ่มดื่มก่อนสักแก้วได้ไม่ได้?"
"อันนี้……"
ถ้าต้องดื่มจริงๆ ฉันดื่มแทนเธอเอง ฉีฉีดื่มเยอะแล้วทำให้ปวดหัว
มู่ยู่วฉีลุกขึ้นยืนต่อหน้าฉีฉีแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
แม้ว่าการกระทำของมู่ยู่วฉีจะดูเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่เย่ชูวเสวียก็ไม่ได้ชื่นชมเขาเลยสักน้อย"ฉีฉีบอกให้นายดื่มแทนแล้วเหรอ ถ้าไม่ก็เปล่าประโยชน์"
"เธอให้พวกเราดื่มและพวกเราก็ดื่มแล้ว แต่เธอไม่ยอมรับมัน เธอพูดไม่มีเหตุผลเลย"
"ฉันพูดมีเหตุผลมาก อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับฉีฉีแล้ว"
ฉีฉีแค่อยากดื่มเหล้าและกินกับแกล้มอย่างเงียบๆ แต่เธอมักจะถูกขัดจังหวะอยู่เสมอซึ่งทำให้เธอหงุดหงิดเล็กน้อย เธอจึงตบโต๊ะและพูดว่า "มันก็แค่เรื่องดื่มเหล้า พวกเธอจะพูดมากไปทำไม!"
ฉีฉีพูดจบก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด
เย่ชูวเสวียตะโกนเสียงดัง"ดูสิ ฉีฉีช่างเป็นคนที่เด็ดขาดจริงๆ เดี๋ยวฉันดื่มแก้วนี้เป็นเพื่อนฉีฉั"
ผู้หญิงสองคนดื่มเหล้าอย่างบ้าคลั่ง แก้วแล้วแก้วเล่าจนทำให้เหล้าขวดใหญ่เหลือเพียงครึ่งขวด
เซี่ยอันน่าอึ้งจนพูดไม่ออก"พวกเธอควรกินกับแกล้มด้วยสิ ดื่มรวดเดียวแบบนี้เดี๋ยวก็เมาหัวราน้ำเอาหรอก"
เย่ชูวเสวียผลักมือของเซี่ยอันน่าออกไป แล้วพูดอย่างไม่สนใจ "วันนี้ไม่เมาไม่เลิก อย่าพะว้าพะวังเกินไป พรุ่งนี้ไม่ใช่ไม่มีประกาศออกมาเหรอ ไม่ต้องกลัวบวมน้ำ มาดื่มกันให้เต็มที่เถอะ
หลังจากพูดจบเย่ชูวเสวียก็เอาแก้วเหล้าอีกแก้วไปไว้ในมือของเซี่ยอันน่าและให้เธอดื่ม
"พวกเธอมันเป็นผู้หญิงบ้า"
"ผู้หญิงบ้าให้เธอดื่ม เธอจะดื่มไหม”
"ฉันกลัวเธอจริงๆ ฉันดื่มก็ได้ยัไม่พอใจอีกหรือ"
เซี่ยอันน่าไม่อยากให้เสียบรรยากาศจึงดื่มไปอีกแก้ว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าเชื่อฟังมาก เย่ชูวเสวียจึงยิ้มและพยักหน้าพูดว่า "มันต้องอย่างนี้สิ จะมัวพูดมากไปทำไม"
ผู้หญิงทั้งสามคนดื่มอย่างมีความสุข แต่มู่ยู่วฉีกลับถูกละเลยความสนใจ
แต่เขาก็ไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เพราะเขาเห็นว่าฉีฉีกำลังมีความสุขมากในขณะนี้
เป็นเรื่องยากที่เธอจะมีความสุขดังนั้นจึงปล่อยให้เธอมีความสุขอย่างเต็มที่ แม้ว่าเธอจะดื่มมากเกินไป แต่ก็ยังมีตัวเขาที่คอยดูแลอยู่
สายตาท่มู่ยู่วฉีใช้มองฉีฉีเต็มไปด้วยความอบอุ่น
แม้ว่าจะนั่งห่างกัน แต่สายตาของมู่่วยูฉีก็เหมือนตาข่ายฝ้ายนุ่มๆ พันรอบตัวฉีฉีที่ไม่สามารถมองเห็นได้และเงียบงันราวกับเงา
ฉีฉีหันหลังให้กับมู่ยู่วฉีโดยแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้อะไรเลย
แต่เย่ชูวเสวียไม่ให้โอกาสเธอแสร้งโง่
"เฮ้ ฉีฉีช่วงนี้ทำงานหนักไหม?"
"ทุกอย่างปกติดี."
"งั้นมู่ยู่วฉีเขายังกินไม่อิ่มอีกเหรอ?"
"ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง"
"แล้วทำไมมู่ยู่วฉีถึงมองเธอราวกับว่ากำลังมองไปที่น่องไก่ชิ้นใหญ่?"
คำอุปมาดังกล่าวทำให้ฉีฉีทำอะไรไม่ถูกจึงพูดว่า "น่องไก่ชิ้นใหญ่อะไรกัน ฉันมันเยิ้มขนาดนี้เลยหรือ!"
"อย่าเปลี่ยนเรื่อง สรุประหว่างเธอกับมู่ยู่วฉีมันเป็นยังไง?"
ฉีฉีหลบตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า "อะไรเป็นยังไง ก็เป็นอย่างนั้นแหละ"
เซี่ยอันน่าก็เข้าร่วมในหัวข้อที่สองคนกำลังคุยกันด้วย"มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ ดูเหมือนว่าเธอมีความสำคัญมากสำหรับมู่ยู่วฉี"
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคน ฉีฉีก็รีบเบรกพวกเธอทันที "พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม"
ถ้าไม่พูดตอนนี้จะพูดตอนไหน มู่ยู่วฉีกลายเป็นบ้าเป็นหลังเพราะเธอ ดูสิว่าตอนนี้มู่ยู่วฉีกลายเป็นยังไง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ลองเต็มที่กับเขาดูสักตั้งเถอะ”
ฉีฉีลังเลและหันไปมองที่มู่ยู่วฉี
รูปลักษณ์ของเขายังคงหล่อเหลาและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความสง่าราศี
แต่เสื้อผ้าการแต่งตัวของเขาเรียบง่ายและดูสบายๆ ใบหน้าของเขามีเคราเล็กน้อย ดวงตาของเขาดูมีความเมื่อยล้า
มู่ยู่วฉีมีความสง่างดงาม เขาไม่ควรอยู่ในภูเขาลึกนี้แล้วปล่อยให้ป่าปกคลุมความสง่างดงามของเขา
ฉีฉีกล่าวว่า"ฉันไม่ได้ให้เขามาและแต่เขายืนยันที่จะอยู่ ฉันก็เลยปล่อยตามนั้น เดิมทีฉันจะมาพักผ่อนที่นี่ในช่วงวันหยุดของฉัน เพราะเขาเลยกลายเป็นคนทำงานหนัก "
"แล้วมีความสุขไหม?"
มีความสุข?
ฉีฉีไม่ได้ตรึกตรองถึงสิ่งนี้ แต่ตอนนี้มาคิดดูฉีฉีอยู่ที่นี่ก็รู้สึกผ่อนคลายมาก ที่นี่มีเรื่องยุ่งทุกวัน จากนั้นก็ทะเลาะกับกับมู่ยู่วฉีทุกวันชีวิตก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เธอคิดว่านี่น่าจะเป็นความสุข
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาปากของฉีฉ๊ไม่สามารถยับยั้งได้
"ก็ดีนะ"
เมื่อเห็นท่าทีของฉีฉี เซี่ยอันน่ารู้ว่าเธอปากไม่ตรงกับใจ
แต่คำพูดของเซี่ยอันน่า ทำให้ท่าทีที่มีความสุขของฉีฉีหายไป
"แต่ในช่วงที่เธอไม่อยู่มู่ยูวฉีไม่มีความสุขมาก"
ฉีฉีเงียบและไม่พูดอะไร
"ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามู่ยู่วฉีดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว เขาไปสถานที่ที่เธอเคยไป ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ร้านขนมหวาน โรงเรียนกวดวิชา ร้านหม้อไฟและอีกหลายๆที่ เขานั่งอยู่ที่นั่นและไม่ทำอะไรเลยดูเหมือนว่จะทำเพื่อซึมซับกลิ่นอายของเธอ"
"ในช่วงเวลานั้นมู่ยู่วฉีดูเงียบและซึมเศร้าไปมาก พวกฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่และไม่สามารถช่วยเขาได้ อยากจะช่วยเขาแต่ก็ไม่มีวิธีไหน จนกระทั่งฉันทราบข่าวของเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทุกวันเขาจะถามถึงข่าวคราวของเธอ
"เธอต้องการคิดทบทวนตัวเอง เขาก็ให้เวลาและช่องว่างเพื่อปล่อยให้เธอคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด เธอไม่อยากให้เขามารบกวนชีวิตของเธอเขาก็ซ่อนตัวเองอย่างระมัดระวังและคิดถึงอดีตเรื่องราวของคุณอย่างเงียบๆ มู่ยู่วฉีเป็นแบบนี้เธอไม่ทุกข์ใจหรือสงสารเขาหน่อยเหรอ? "
แน่นอนว่าทุกข์ใจ
ฉีฉีไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามู่ยู่วฉีจะเป็นอย่างไรเมื่อเขานิ่งเงียบ
มู่ยู่วฉีที่เธอรู้จักเป็นเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ามันควรจะสว่างรุ่งโรจน์ให้ผู้คนมากมายได้รู้จักและชื่นชม เขาไม่ควรมาอยู่ในที่แบบนี้ อยู่ในภูเขาลึกที่ไม่มีใครรู้จัก
เมื่อเห็นว่าฉีฉีไม่ได้พูด เย่ชูวเสวียกล่าวเสริม "ถ้ามู่ยู่วฉีสามารถลืมคุณได้ในสองเดือนนี้พวกเราจะไม่มาพูดอะไรแทนเขา แต่ความเป็นจริงเขาดูเหมือนกลายเป็นคนละคน งานเลี้ยงงานปาร์ตี้เขาก็ไม่ไปเข้าร่วม เขาไม่สนใจอะไรเลยนอกจากงาน พูดตามฐานะของเขามักจะมีผู้หญิงสวยๆเข้าหาอยู่ไม่ขาดสาย แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของมู่ยู่วฉี เขารอคอยแต่เธอเพียงผู้เดียว"
หลังจากหายใจเข้าเบาๆ ฉีฉีก็หลับตาและพูดว่า: "ฉันเป็นคนทำร้ายเขา"
คำพูดของฉีฉีทำให้เย่ชูวเสวียส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดว่า "จนถึงเวลานี้แล้วถ้าเธอยังไม่เข้าใจหัวใจของมู่ยู่วฉี งั้นเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อเธอโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ"
"อะไร?"
"มู่ยู่วฉีสามารถทนต่อความเหงาได้ แต่เขาไม่สามารถทนกับการละเลยของคุณได้ เขาทุ่มเทให้เธอมากมาย เธอรู้ดีที่สุดว่าเขาต้องการอะไร
ฉีฉีก้มศีรษะลงและพูดอย่างขมขื่น "แต่ฉันสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้"
"ถ้าเธอยินยอมที่จะให้ พวกเธอจะกลายเป็นคู่รักที่มีความสุขที่สุด "
ฉีฉีถือแก้วเหล้าในมือแล้วขมวดคิ้ว "แต่ฉันกลัวฉันกลัวว่าจะให้มู่ยู่วฉีในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้”
"ใครเขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวทั้งนั้นแหละ ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนเธอต้องเรียนรู้และแก้ไขอย่างช้าๆการเดินทางของชีวิตยาวนานมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นจุดจบในพริบตา หากเธอแค่เพราะไม่แน่ใจก็ทิ้งคนคนหนึ่ง ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมเลย"
"ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีเขาอยู่ในหัวใจ ทำไมเธอไม่ลองให้โอกาสกันสักครั้ง ถ้าพลาดคนอย่างเขาไปบางทีเธออาจจะไม่มีวันเจอคนที่ดีกับเธอในชีวิตอีกเลย เธอจะไม่เสียใจภายหลังเหรอ"
เสียใจ จะเสียใจภายหลังไหม?
ฉีฉีหลับตาลงเบาๆ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
ในขณะที่ฉีฉีกำลังลังเลเสียงแตรของรถตำรวจก็ดังขึ้นจากด้านนอกของที่พัก ทำให้ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
เย่ชูวเสวียลุกขึ้นและพูดพึมพำกับตัวเอง "มีอะไรทำไมตำรวจมาที่นี่?"
ตำรวจเดินเข้ามาในที่พัก เจ้าของจึงรีบทักทายต้อนรับเขาทันทีแล้วถามด้วยความหวาดกลัวว่า "สวัสดี มีอะไรหรือเปล่า"
"เราได้รับรายงานว่ามีคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเสพยา!"
"อะไรนะ?"
เจ้าของที่พักดูไม่เชื่อ
"ให้แขกทั้งหมดในที่พักของคุณออกมาข้างนอกเราต้องทำการตรวจสอบ"
"โอเค เข้าใจแล้ว"
เจ้าของหันมาประกาศต่อแขกทุกคน หลังจากนั้นไม่นานแขกทุกคนก็เดินออกมารวมตัวกันที่ห้องโถง
ในขณะนี้ทุกคนพร้อมที่จะพักผ่อน แต่ก็มารวมตัวกันที่นี่และอดไม่ได้ที่จะบ่น
"ใครที่่มันทำสิ่งนี้ก็ยอมรับออกมาเถอะ ทำไมต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย!"
"นั่นสิ มาพักร้อนดีๆกลับมาเจอเรื่องอะไรไม่รู้"
เสียงบ่นดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วตำรวจก็เตือนว่า "เงียบๆ !"
ทุกคนทำอะไรไม่ถูกจึงหยุดพูด
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการตรวจสอบก็ออกมาส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่พบอะไร"
ตำตรวจขมวดคิ้ว "หรือว่าจะมีคนโทรแจ้งความเท็จ?"
หลังจากได้ยินดังนั้นเจ้าของที่พักก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า "น่าจะเป็นแบบนี้แหละ ลูกค้าที่นี่มีแต่ผู้ดีจะทำแบบนั้นได้อย่างไร"
ตำรวจขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินไปรอบๆฝูงชน
ทันใดนั้นดวงตาของตำรวจก็แสดงความสงสัยออกมา
เขามองไปที่เซี่ยอันน่าและถามเธอว่า "คุณคือดาราที่ชื่อเซี่ยอันน่าใช่ไหม?"
เซี่ยอันน่าพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง "ใช่"
"รบกวนคุณนำทรัพย์สินส่วนตัวของคุณออกมาให้พวกเราตรวจสอบด้วย"
"เธอคิดให้ดีๆค่อยพูดออกมา เธอไม่มีทุนที่จะล้มเหลว "
ในเวลานี้คุณเวินยังคงข่มขู่หญิงสาวผมแดงและพยายามที่จะควบคุมเธอ
แต่แผนได้หยุดชะงักและหญิงสาวผมแดงได้พบกับการสนับสนุนที่ใหญ่กว่า คุณเวินไม่ได้อยู่ในสายตาเธออีกต่อไป
"ฉันจะบอกคุณทุกอย่างที่ฉันรู้" หญิงสาวผมแดงชี้ไปที่คุณเวินแล้วพูดว่า "อาเวินสั่งให้ฉันทำสิ่งนี้ เธอเกลียดฉีฉีและต้องการให้ฉีฉีออกไปจากชีวิตของมู่ยูวฉี เพื่อให้ตัวเธอเองมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับมู่ยู่วฉี! "
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงใจ
"ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องขโมยสร้อยเพชร อาเวินขอให้ฉันแอบซ่อนมันไว้ในกล่องของฉีฉีจากนั้นก็ตะโกนให้จับขโมยเพื่อที่จะทำลายชื่อเสียงของฉีฉี!"
เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้จริงๆสาวสวยอย่างคุณเวินจะมีความคิดเลวร้ายซ่อนอยู่นั้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอันตราย
เมื่อต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาจากทุกคน คุณเวินจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
"สิ่งนี้เป็นเรื่องโกหก!" คุณเวินมองไปที่หญิงสาวผมแดงด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดแล้วพูดว่า "ฉันปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน ทำไมเธอถึงทำร้ายฉันแบบนี้ โอ้ฉันรู้แล้วเธอต้องชอบมู่ยู่วฉีแน่ๆเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องโง่ๆพวกนี้ หลังจากเหตุการณ์ก็ปัดความรับผิดชอบและความผิดทั้งหมดให้กับฉันใช่มั้ย? "
หญิงสาวผมแดงตะโกนอย่างเย็นชาว่า "เพื่อนที่ดีงั้นหรือ อาเวินอย่างคิดว่าฉันไม่รู้เธอแค่ต้องการหลอกใช้ฉันเป็นเครื่องมือ สำหรับเธอแม้แต่สุนัขตัวหนึ่งฉันก็เทียบไม่ได้! ใครกันแน่ที่มันแอบชอบมู่ยู่วฉีแค่ดูในโทรศัพท์ของเธอก็รู้ เธอเก็บภาพของมู่ยู่วฉีไว้มากมาย!"
คำพูดของหญิงสาวผมแดงทำให้คุณเวินหน้าซีดเผือดเธอจ้องมองไปที่หญิงสาวผมแดงอยากใช้มีดสับเธอให้ละเอียด!
เย่ชูวเสวียกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า "คุณตำรวจได้ยินทั้งหมดแล้วฉันเชื่อว่าคุณรู้ว่าใครควรถูกจับ"
"คุณผู้หญิงคนนี้ รบกวนคุณไปกับพวกเราด้วยครับ"
คุณเวินก็สั่นสะท้านเล็กน้อย
เมื่อเธอเดินผ่านเย่ชูวเสวียจึงพูดเบาๆ "อย่าคิดว่าตำรวจสอบสวนเสร็จแล้วเรื่องทั้งหมดจะจบง่ายๆ คนที่ต้องการคิดบัญชีคุณจริงๆคือมู่ยูวฉี
หลังจากได้ยินสิ่งนี้คุณเวินก็หันศีรษะของเธอไปเห็นดวงตาที่เย็นชาของมู่ยู่วฉีจ้องมองมาที่เธอ
คุณวินตกตะลึงไปทั่วร่างราวกับว่าเธอถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง
ในตอนนี้จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอคิดผิด เธอไม่ควรยุแหย่ผู้ชายที่น่ากลัวแบบนี้
ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเธอหรือคนในครอบครัวของเธอพวกเขาจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นจากมู่ยู่วฉี
การรับรู้นี้ทำให้คุณเวินรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
เธอมองไปที่ฉีฉีด้วยสายตาที่ขมขื่นแบบทำอะไรไม่ถูก "ฉันยอมรับความผิดนี้ของฉันตอนนี้มันสายเกินไปหรือเปล่า?"
ฉีฉีแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง"แล้วคุณคิดว่ายังไง"
คำตอบของฉีฉีทำให้คุณเวินมีความหวังที่ริบหรี่เธอกล่าวว่า"ฉันขอโทษ คุณช่วยขอร้องมู่ยู่วฉีอย่างเอาผิดได้ไหม"
"ขอร้องงั้นเหรอ คุณทำอะไรผิดคุณควรรับผิดชอบตามนั้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นในอนาคต คำพูดเหล่านี้คุณเวินเคยบอกฉัน"
คุณเวินพูดอย่างโกรธเคือง: "ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ!"
"เฮ้อ แต่คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคด!"
คุณเวินยังมีอะไรจะพูดอีกแต่ตำรวจผลักเธอไป"โอเคหยุดพูดได้แล้ว รีบไปเถอะ"
ละครตลกจบลงที่นี่
ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นนั้นต่างก็แยกย้ายไปหมดแล้ว เย่ชูวเสวียยืดเอวของเธอและพูดว่า "เอาล่ะคนที่น่ารังเกียจถูกกำจัดไปแล้ว พวกเราจะสนุกกับวันหยุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ฉีฉีดื่มเหล้าไปเยอะมากและเธอก็เวียนหัวเล็กน้อย
หลังจากเรื่องตลกมะกี้จบลงเธอรู้สึกเวียนหัวและเจ็บปวด ตอนนี้แค่อยากกลับห้องและนอนหลับให้สบาย
"ฉันไม่แรงแล้ว พวกเธอตามสบายเลย ฉันจะกลับห้องไปพักผ่อน"
“ โอ้ย อย่าทำให้หมดสนุกสิ”
"ฉันเหนื่อยจริงๆ หนังตาฉันกำลังจะปิด"
ด้วยเหตุนี้ ฉีฉีจึงเหล่ตาไปที่เย่ชูวเสวีย
เย่ชูวเสวียยิ้มและตบไหล่ฉีฉีเบาๆ"ไม่เป็นไร สภาพเธอน่าเกลียดมาก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ"
เมื่อฉีฉีเดินกลับห้อง มู่ยู่วฉีก็เดินตามหลังเธอไป
เมื่อเห็นเช่นนี้เย่ชูวเสวียจึงก้าวขาเดินกลับห้อง แต่โดนเซี่ยอันน่ารั้งไว้
"เอาล่ะปล่อยให้ทั้งสองคนพูดคุยกันเถอะ ฉันคิดว่าตอนนี้ฉีฉีต้องมีเรื่องอยากพูดกับมู่ยู่วฉีมากมาย"
"อย่างไรก็ตามฉันกังวลว่าฉีฉีจะเสียเปรียบ"
"เฮ้อ เธอไม่สังเกตใช่ไหมต่อหน้าฉีฉีคนที่เสียเปรียบก็คือมู่ยู่วฉี"
"ฮ่าๆ มันก็ใช่ เมื่อก่อนเขาเที่ยวเล่นอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็มีใครบางคนสามารถกุมหัวใจเขาได้แล้ว"
"แล้วเราจะดื่มต่อหรือกลับไปพักผ่อนกันดี?”
"แน่นอนว่าฉันต้องดื่มต่อไป ยังเหลือเหล้าดีๆและอาหารดีๆอีกมากมาย"
เย่ชูวเสวียและเซี่ยอันน่าดื่มเหล้าอย่างงชิวๆ
แต่ในตอนนี้ฉีฉีไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลย
เธอรู้ว่ามู่ยู่วฉีเดินตามหลังเธอมาและเธอควรจะคุยกับเขา
แต่จะเริ่มพูดอย่างไร?
เมื่อนึกถึงคำถามนี้จังหวะหัวใจของฉีฉีก็เต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
"ฉีฉี ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ!"
ในท้ายที่สุดก็เป็นมู่ยู่วฉีที่ริเริ่มพูดก่อน
ฉีฉีรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเพราะดื่มเหล้ามากไป เธอมองไปที่มู่ยู่วฉีที่อยู่ข้างหลังของเธอ
"คุณต้องการจะพูดอะไร?"
เมื่อมองไปที่ฉีฉีอย่างตั้งใจ มู่ยู่วฉีก็พูดว่า "ฉีฉี พวกเราหนีไปด้วยกันเถอะ!"
อะไรนะ! ?
ฉีฉีตกตะลึงใจแล้วพูดตำหนิ“ มู่ยู่วฉีคุณกำลังเล่นตลกอะไรอีก?”
มู่ยู่วฉีดูจริงจังและพูดว่า"ผมพูดจริงนะ เดิมทีผมต้องการอยู่กับคุณในภูเขาลึกและใช้ชีวิตอยู่ในนั้น แต่อยู่ที่นี่ก็มีคนมารบกวนพวกเรา หนีไปอยุ่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักมู่ยู่วมีแค่เราสองคนโอเคไหม?”
เมื่อมองไปที่ดวงตาสีเข้มของมู่ยู่วฉี ฉีฉีจึงถามว่า "คุณเต็มใจที่จะสละทุกอย่างเพื่อฉันจริงๆหรือ?"
"ใช่และผมก็ทำมันแล้ว"
"คุณไม่เสียใจทีหลังเหรอ โลกที่ไม่มีแสงสีเสียงมันน่าเบื่อมากนะ"
"มีคุณอยู่เคียงข้างผมไม่รู้สึกเบื่อเลย"
"ตอนนี้คุณรู้สึกแบบนี้ เมื่อวันหนึ่งเมื่อคุณเหนื่อจะรู้สึกน่าเบื่อทันที่"
มู่ยูวฉีเหล่ตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า "มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายรอเราอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ผมจะรู้สึกเบื่อได้อย่างไร ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาดีพอแล้ว เราสามารถไปแอฟริกาเพื่อดูช้างและยีราฟได้ ไปออสเตรเลียชมจิงโจ้ ไปยุโรปเพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมแปลกตา ไปละตินอเมริกาเพื่อดูฟุตบอล มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายในโลกไม่มีเวลาที่น่าเบื่อ "
"ถ้าไม่มีเงินแล้วเราจะใช้สิ่งที่เรียนมาเพื่อสร้างรายได้ ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการเมื่อคุณเหนื่อยและหมดแรงเราจะย้ายไปอาศัยในเมืองที่เราชอบตั้งถิ่นฐานที่นั่นแต่งงานและมีลูก ผู้ชายก็หล่อเหมือนผมและผู้หญิงก็น่ารักเหมือนคุณ "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...