“ไม่!!” มู่เวยเวยพยายามปฏิเสธเสียงแข็ง และพูดสวนทันทีว่า ฉันต้องไปหาปากกาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ฉันไม่อยากทำเรื่องพรรณ์นั้นกับคุณ!”
เย่ฉ๋าวเฉินไม่สนใจ ยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดว่า “ ตราบใดที่ฉันต้องการ เธอก็ไม่มีสิทธ์ปฎิเสธ !”
พูดจบ เขาก็จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ
" อื้อ อื้อ…..เย่ฉ่าวเฉินคนบ้า ตอนนี้ฉันป่วยอยู่ นายไม่กลัวฉันแพร่เชื้อใส่เหรอ? " มู่เวยเวยพูดพลางดิ้นรน
ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเรื่องหาปากกา เธอไม่มีแรงที่จะสู้กับเขา จึงพูดหาเหตุผลที่จะถอยหนีแทน
เย่ฉ๋าวเฉินเหนือมนุษย์มาก แค่เห็นดวงตาสีฟ้ามองเธอ นัยน์ตาสีฟ้าแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย " ป่วยก็ดี แบบนี้เธอจะได้ไม่มีแรงสู้ฉัน !"
“ คุณ ….. ”
ในขณะเดียวกัน จู่ๆเธอก็รู้สึกเย็นๆที่หน้า มู่เวยเวยจ้องมองดู ที่แท้มันเป็นบัตรธนาคาร !
หันไปมองรุปร่างที่หล่อเหลาของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า " นี่มันหมายความว่ายังไง ? "
" นี่เป็นรางวัลของคุณ ! " เย่ฉ่าวเฉินพูดกระแทกเสียง
มู่เวยเวยสะดุ้ง ตัวสั่นไปทั้งตัว จ้องมองเขาอย่างดุดัน เกลียดจนอยากจะพุ่งไปฆ่าเขา !
" มากเกินไปแล้วนะ ! เย่ฉ่าวเฉิน คุณทำฉันอับอายแบบนี้ได้อย่างไร ? มู่เวยเวยโกรธและตะโกนถามออกไป แต่เพราะว่าเธอกำลังป่วยอยู่ จึงรู้สึกเวียนหัว
เมื่อเผชิญกับท่าทีเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดอย่างเย็นชาว่า " ถ้าเธอไม่ต้องการก็คืนมาให้ฉัน !"
มู่เวยเวยโยนกลับไปให้เขาด้วยท่าทีหนักแน่น แต่เมื่อฟังเขาพูดประโยคถัดไปจบ เข่าเธอแทบทรุดลงทันที !
แค่ฟังเขาพูดว่า " เดิมเห็นเธอไปกินน้ำบนสระด้วยความลำบาก ดังนั้นจึงเอาเงินหนึ่งล้านให้เธอ ไม่คิดเลยว่าเธอจะโยนมันกลับมา !มู่เวยเวย เธอนี่เปิดโลกฉันจริงๆ !"
มู่เวยเวยกระตุกปากพูดอย่างเร็วว่า " ทำไมคุณไม่พูดให้เร็วกว่านี้ ? คุณรีบเอาเงินมาคืนฉัน !"
เมื่อเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็กระตุกยิ้มมุมปาก “ คืนให้เธอก็ได้ แต่ว่าเธอจะให้อะไรเป็นข้อต่อรองฉัน ? "
ไม่รอมู่เวยเวยตอบสนองก็ถูกเย่ฉ่าวฉินควบคุมอีกครั้ง เธอตะโกนออกมาด้วยความโกรธ " อ๊ะ เย่ฉ่าวเฉิน ไอ้คนน่ารังเกียจ !"
เมื่อเธอพูดจบ มู่เวยเวยก็รู้สึกร่างกายแทบแหลกสลาย เก็บบัตรธนาคารที่เย่ฉ่าวเฉินทิ้งไว้ เธอเหนื่อยล้าจนหลับไป
หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มู่เวยเวยก็จำเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ทั้งหมด ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
มู่เวยเวย เธอมันบ้า !
เมื่อนึกถึงเจ้าคนใจร้ายเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เจ้าคนหน้าด้าน !ไร้ยางอาย !ไอ้คนหยิ่งยโส !
......
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยก็มาที่บ้านตระกูลมู่ มาพบกับมู่จางรุ่ยและเอาบัตรธนาคารที่เย่ฉ่าวเฉินมายืนให้เขา
มู่จางรุ่ยมองไปที่การ์ดบนมือ กระตุกยิ้มมุมปากและพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า " เวยเวย ครั้งนี้เธอทำได้ดี เธอวางใจเถอะ ฉันจะรีบส่งเงินนี้ไปอเมริกา ถ้าพี่เธอได้เงินจำนวนนี้ไป เชื่อว่าเขาจะต้องหายในเร็ววันแน่ !"
มู่เวยเวยพยักหน้า เธอรู้ลึกโล่งใจและพูดออกมาอย่างจริงใจว่า “ คุณลุง ขอบคุณจริงๆค่ะ “
" คนกันเองทั้งนั้น เธอจะเกรงใจทำไม ? " มู่จางรุ่ยพูดพลางแสร้งยิ้มออกมา
มู่เวยเวยมองไปที่เขา และเอ่ยถามเบาๆว่า " คุณลุง พอจะมีรูปพี่ชายไหมคะ ? ฉันคิดถึงเขา ถ้าหากว่ามี ขอให้ฉันใบหนึ่งเถอะค่ะ หรือว่าจะเป็นวิดิโอของเขาก็ได้ค่ะ !"
ใบหน้าของมู่จางรุ่ยดูบึ้งตึงก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ เขาถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า " ตอนนี้พี่ชายของเธออาการโคม่า นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เอาแบบนี้ ถ้าหากว่าพี่ชายเธอฟื้นขึ้นมา ฉันจะส่งคนไปถ่ายรูปพี่ชายเธอ และเอามาให้เธอตกลงไหม ? "
เมื่อฟังแบบนั้น มู่เวยเวยก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ งั้นเรื่องนี้ก็รบกวนคุณด้วยนะคะ “
” ไม่มีปัญหา "
เมื่อลามู่จางรุ่ยเสร็จ มู่เวยเวยก็เรียกรถตรงไปที่มหาลัย
วันนี้เป็นวันที่ทางมหาวิทยาลัยจัดงาน 'ออกแบบแฟชั่นโชว์' สถานที่จัดงานคือโรงดนตรีขนาดใหญ่ที่จุคนได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคน
" เวยเวย เธอเร็วหน่อย การแข่งกำลังจะเริ่มแล้ว !" เฉียวซินโยวแสดงท่าทีที่เร่งรีบ
มู่เวยเวยเดินไปข้างหลัง เธอใจเย็นและพูดว่า " ซินโยว ไม่ต้องรีบหรอก ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนการแข่งขัน ไม่สายหรอก "
เฉียวซินโยวมุ่ยริมฝีปากของเธอด้วยความเกลียดชัง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “ เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันแค่อยากพาเธอไปเร็วหน่อย เพื่อทำความเข้าใจกับกรรมการรับเชิญในครั้งนี้ เรื่องนี้สำคัญมากนะ !”
" ทำไมล่ะ ? " มู่เวยเวยไม่เข้าใจที่เธอพูด
เฉียวซินโยวเคาะหัวเธอ และเอนตัวกระซิบข้างหูเธอว่า แน่นอนว่าต้องไปสร้างปฏิสัมพันธ์ก่อนสิ " สร้างความสัมพันธ์ในเรื่องนี้สำคัญกว่าผลงานอีกนะ !"
มู่เวยเวยตกตะลึง เธอหยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
เมื่อเห็นท่าทางที่งงงวยของมู่เวยเวย ในใจเฉียวซินโยวจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเธอ และรู้สึกว่าเธอมีดีก็แค่ออกแบบเก่งกว่าเธอแต่อย่างอื่นนั้นเธอแทบสู้ไม่ได้เลย !
มันไม่ยุติธรรมเลย แค่การสร้างความสัมพันธ์กับคนเธอยังไม่รู้เลย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงเลือกเธอ !
ในใจของเฉียวซินโยวรู้สึกตื่นเต้น เธอดึงแขนของมู่เวยเวยจะบอกว่า " เวยเวย คุณชายเย่ มาแล้ว !"
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมา พอดีกับที่เย่ฉ่าวเฉินเดินมาทางนี้พอดี ข้างๆเขายังมีหนานกงเฮ่า !
" ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? " เมื่อรอให้ทั้งสี่คนยืนพร้อมหน้ากัน มู่เวยเวยมองไปที่พวกเขา และเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีที่สงบและพูดอย่างเย็นชาว่า “ ผู้ดูแลหนานฮวา เชิญฉันและเฮ่ามาเป็นกรรมการรับเชิญในการแข่งขันครั้งนี้ "
มู่เวยเวยรู้สึกประหลาดใจ ได้ยินหนานกงเฮ่าที่อยู่ข้างๆ ยิ้มมุมปากและพูดว่า " เวยเวย ฉันได้ยินว่าผลงานของพวกคุณได้รับเลือกแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะไปเยี่ยมชมดูนะ !"
มู่เวยเวยยิ้มและพูดเบาๆว่า “ ไม่ใช่มีแค่ผลงานของพวกเราเสองคนที่ได้รับเลือกนะ ผลงานของนักเรียนคนอื่นๆก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน "
เมื่อเฉียวซินโยวเห็นทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุข ในใจก็เกิดความหึงหวง และพูดออกไปว่า " เมื่อครู่ฉันบอกว่าจะไปพบกรรมการผู้ทรงเกียรติ ที่แท้ก็เป็นคนคุ้นเคยกันนี่เอง ถ้าอย่างนั้นคุณชายเย่และคุณชายหนานกง ได้โปรดดูแลพวกเราด้วย !"
เย่ฉ่าวเฉินหันมามองเธอ พลางนึกถึงเรื่องเนื้อหาการแข่งขันในใจ ผลการตรวจสอบจากจางเห่อก็ออกมาแล้วว่า ผู้เขียนผลงานชิ้นนี้ก็คือ เฉียวซินโยว !
จนถึงตอนนี้ เขาถึงเชื่อจริงๆแล้วว่า ผู้หญิงในคืนนั้นก็คือเฉียวซินโยว
เมื่อมู่เวยเวยได้ยินคำพูดของเฉียวซินโยว ก็รู้สึกอายเล็กน้อยและหัวเราะว่า " ซินโยวเธอล้อเล่นอะไรกัน อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจเลย ผลจะเป็นยังไงก็ให้เป็นตามนั้น ไม่ต้องใช้สิทธิพิเศษอะไรหรอก ทำแบบนี้มันจะไม่ยุติธรรมกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ !"
เมื่อได้ยินมู่เวยเวยพูดแบบนั้น เฉียวซินโยวก็แทบจะฉีกปากเธอทิ้ง !
ครั้งแรกเธอไม่รู้ว่ากรรมการเป็นใคร ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะคุยกับเขาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่ากรรมการจะเป็นเย่ฉ่าวเฉินกับหนานกงเฮ่า เพียงแค่อาศัยความเป็นเพื่อนของมู่เวยเวย เธอก็รู้สึกถึงแสงสว่างของตัวเอง ไม่นึกเลยว่าจะถูกนังมู่เวยเวยสารเลวคนนี้ทำลาย !
เย่ฉ่าวเฉินสังเกตว่าเฉียวซินโยวไม่ค่อยดีใจ เขาหยุดคิดและพูดออกไปเบาๆ ว่า “ฉันได้เห็นผลงานของคุณหนูเฉียวแล้ว ไม่เลวเลย !”
มู่เวยเวยสะดุ้ง ไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะพูดแบบนั้นออกมา ในใจเธอรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในใจของเฉียวซินโยวมีความสุขมาก เธอไม่คิดเลยว่า จะได้รับคำชมจากเย่ฉ่าวเฉิน !
เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เฉียวซินโยวพูดอย่างมีความสุขว่า “ ขอบคุณคุณชายเย่ ที่ชื่นชมฉัน “
” อืม “ เย่ฉ่าวเฉินหยักหน้า
รอยยิ้มบนใหน้าของเฉียวซินโยวดีขึ้น ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนสร้างผลงาน แต่บนผลงานนั้นก็เขียนชื่อของเธอ !
มู่เวยเวยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่าเขาชมเฉียวซินโยว แต่เป็นเพราะนับตั้งแต่แต่งงานกันมา นอกจากจะทะเลาะกันอย่างไม่รู้จบแล้ว เขาไม่เคยแสดงสีหน้าที่ดีกับเธอ และตอนนี้เขายังชมคนอื่นอีก ทั้งๆที่มันเป็นผลงานของเธอ มันทำให้เธอไม่มีความสุขแม้แต่น้อย
ที่แท้เขาเป็นคนอ่อนโยนกับคนอื่นจะเป็นใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เธอคนเดียว
" ฉันกลับชอบผลงานของมู่เวยเวยนะ ไม่เพียงแต่ความคิด ยังน่าสนใจทีเดียว ! " ทันใดนั้น หนานกงเฮ่าที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความขอบคุณ ก่อนจะพูดเบาๆว่า “ หนานกง ขอบคุณสำหรับคำยืนยันค่ะ !”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่รอยยิ้มของเธอที่ให้หนานกงเฮ่า หน้าของเขาก็ดูมืดมนทันทีและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เราไปสถานที่จัดงานกันเถอะ !”
.......
พวกเขากังวลว่าจะถูกคนนินทา ทั้งสี่คนจึงแยกกันไปสถานที่จัดการแข่งขัน
เย่ฉ่าวเฉินและหนานกงเฮ่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเชิญให้ไปนั่งที่อันทรงเกียรติ ในขณะที่มู่เวยเวยและเฉียวซินโยวนั่งเก้าอี้ผู้เข้าแข่งขันทางด้านทิศตะวันตกร่วมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอีกแปดคน
ทางใต้ของเวทีเป็นที่ให้ผู้เข้าชมเข้ามาดู ในตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้ชม พวกเขาล้วนเป็นนักเรียนของโรงเรียน ทยอยเข้ามาดูการแข่งขัน
ทางทิศตะวันออกของเวทีเป็นที่สำหรับกรรมการอันทรงเกียรติ นอกจากเย่ฉ่าวเฉินและหนานกงเฮ่าแล้วยังมีบริษัทที่มีชื่อเสียงอีกสองแห่ง ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการตัดสินด้วย
ครูใหญ่กล่าวเปิดงานสั้นๆและอธิบายเกี่ยวกับกฏการแข่งขัน และให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบคนมาจับฉลากเพื่อกำหนดลำดับการแข่งขัน จากนั้นก็ให้ผู้เข้าแข่งขันขึ้นเวทีเพื่อบอกเล่าแรงบันดาลใจและความคิดผลงานของพวกเขา
สุดท้ายตัดสินคะแนนโดยกรรมการทั้งสี่ท่าน แต่ละท่านมี 10 คะแนนรวมเป็น 40 คะแนนเต็ม
" เวยเวย ไม่คิดว่าเธอจะจับได้เป็นคนสุดท้าย ! " เฉียวซินโยวพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ดีใจ
ยิ่งได้ลำดับหน้าเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะทำให้ง่ายต่อการดึงดูดความสนใจของกรรมการ ถ้าลำดับอยู่ท้ายมากเท่าไหร่ กรรมการก็จะรู้สึกล้าในการดูผลงาน ทำให้คะแนนออกมาไม่ดีนัก
มู่เวยเวยเพียงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เข้าแข่งขันคนแรกเป็นผู้ชาย เขาได้คะแนนรวมไป 34 คะแนน
ถ้าตามลำดับ อีกแปปก็จะถึงคิวของเฉียวซินโยวแล้ว เธอยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางมั่นใจและพูดอย่างอ่อนโยนว่า " สวัสดีทุกท่าน ฉันชื่อ เฉียวซินโยว แนวคิดในการทำงานของฉันมาจากธรรมชาติ เพราะธรรมชาติสร้างเราและบ้านของเรา มันเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงเรามาหลายชั่วอายุคน ฉันคิดว่าทรัพยากรก็คือจิตวิญญาณของพวกเรา ผสมผสานเข้ากับแฟนชั่นในปัจจุบัน....."
เฉียวซินโยวพูดไปประมาณ 10 นาที แต่ได้รับเสียงปรบมือนานถึง 5 นาที เมื่อกรรมการให้คะแนน เขาต่างชื่นชมในแนวคิดของเธอ แม้แต่เย่ฉ่าวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากเขา
" ฮู่ว.....บนเวทีเมื่อกี้ฉันตื่นเต้นแทบแย่ เวยเวยเธอได้ยินไหม ? กรรมการให้คะแนนฉันตั้ง 38 คะแนน เยี่ยมไปเลย !" เฉียวซินโยวกลับมาที่นั่งของเธอ และพูดอย่างตื่นเต้น
มู่เวยเวยแสดงสีหน้าที่พอใจบนหน้าเธอ เธอไม่ได้คาดหวังว่าผลงานของเธอจะได้คะแนนสูงขนาดนี้ อันที่จริงแนวคิดการออกแบบที่เฉียวซินโยวได้พูดไปนั้น มันเป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มทำผลงานชิ้นนี้ เธอเคยพูดกับเฉียวซินโยวไว้
เวลาค่อยๆผ่านไป จนถึงเวลาที่มู่เวยเวยจะขึ้นเวที ตอนนี้คนที่ได้รับคะแนนสูงสุดคือ เฉียวซินโยวคือ 38 คะแนน
ลุกขึ้นยืน มู่เวยเวยเตรียมขึ้นเวที ในขณะนี้เฉียวซินโยวพูดว่า “ เวยเวย ไม่ต้องเครียด สู้ๆนะ !”
” ฉันรู้แล้ว “ มู่เวยเวยพยักหน้า เดินขึ้นเวทีไป
เมื่ออยู่บนเวที มู่เวยเวยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ขณะนี้ดวงตานับพันคู่กำลังจ้องมองเธออยู่
เธอก้มลงไปมองที่ผลงานของเธอ พลังงานสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเธอ เธอค่อยๆสงบสติ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมว่า “ สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อมู่เวยเวย “
มู่เวยเวยจ้องมองผลงานของตัวเอง " ฉันตั้งชื่อผลงานนี้ว่า Linghai โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งที่ดูลึกราวกับทะเลลึก พวกเรามองว่าดวงตาคือหน้าต่างของจิตวิญญาณ มันสะท้อนให้เห็นถึงความดีความชั่วในจิตใจของมนุษย์ ราวกับกระจกที่สะท้อนแก่นแท้ของจิตวิญญาณ...... "
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอด้วยแววตาที่ดูลึกลับส่องแสงสะท้อนในดวงตาสีฟ้า
หลังจากกล่าวจบ มีเสียงปรบมือดังก้องจากผู้ชมเสียงปรบมือดังไปทั่วชั้นล่าง มู่เวยเวยรู้สึกไม่น่าเชื่อกับแรงผลักดันของผลงานเธอจะดังก้องขนาดนี้
ใช้เวลากว่า 10 นาทีก่อนที่เสียงปรมมือจะเงียบลง เฉียวซินโยวที่มองอยู่ในกลุ่มผู้ชม เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อด้วยความโกรธจนแทบบ้า เธอโดนบดบังอีกแล้ว !
อย่างไรก็ตามเสียงปรบมือของผู้ชม ก็ไม่ได้แสดงถึงผลตัดสินของกรรมการ ดังนั้นเธอจึงยังมีโอกาส ขอเพียงแค่คะแนนของมู่เวยเวยน้อยกว่าเธอ เธอก็จะกลายเป็นผู้ชนะในวันนี้ !
มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก และมองไปที่กรรมการทั้งสี่คนที่จะตัดสินชะตากรรมของเธอ
แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ยังไม่มีกรรมการคนใดยกป้ายคะแนนเลย !
ประตูห้องเปิดออก เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นเห็นหนานกงเฮ่า เขารู้สึกอายเล็กน้อยที่ผมของเขายุ่งมีเหงื่อไหลออกมา ผิดจากภาพลักษณ์ที่ดูสง่างามของเขา
เย่ฉ่าวเฉินวางปากกาลงด้วยท่าทางที่สง่า และพูดอย่างเกียจคร้านว่า “แกเพิ่งออกมาจากฟิตเนสรึไง? ต้องการยืมห้องอาบน้ำฉันอาบน้ำไหม? "
เมื่อได้ยินเขาเยาะเย้ย หนานกงเฮ่าก็เปลี่ยนอารมณ์เพราะว่ากลัวเขาจับพิรุธได้ ใบหน้าเขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดอย่างสบายใจว่า ไม่จำเป็น แกไม่คิดว่าตอนนี้ฉันมีเสน่ห์กว่าเหรอ ?
" ฮ่าฮ่า....." เย่ฉ่าวเฉินคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ตลก " คำถามนี้ แกเก็บไว้ถามสาวๆของแกเถอะ !"
" น่าเบื่อ " เมื่อเผชิญกับคำตอบของเขา หนานกงเฮ่าก็พูดด้วยความเซ็ง
ริมฝีปากของเย่ฉ่าวเฉินกระตุกขึ้นเล็กน้อย พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า " พวกเรามีเวลาแค่สิบนาที รีบหน่อย อีกเดี๋ยวฉันต้องเข้าประชุม "
ดวงตาของหนานกงเฮ่าดูจริงจังขึ้นมา และถามด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาว่า " ฉันแค่อยากมาถามว่า คืนวันนั้นนายกับหญิงนักออกแบบคนนั้น เรื่องคืนนั้นมันเกิดขึ้นที่ไหน ? "
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปสักพัก ดวงตาสีฟ้าแสดงความไม่เข้าใจ และถามเขาด้วยความไม่เข้าใจว่า " ทำไมจู่ๆนายก็มาถามเรื่องนี้ ? "
หนานกงเฮ่ายักไหล่ พูดด้วยน้ำเสียงงุนงงว่า " เร็วๆนี้ฉันคิดว่านอกจากร้านกาแฟ ร้านอาหารแล้วก็ไม่มีสถานที่จะจีบหญิงแล้ว ดังนั้นจึงคิดถึงโรงแรม....."
" โรงแรมนานาชาติ CK ห้อง 1026 " เย่ฉ่าวเฉินตอบโดยไม่คิดอะไร
ทำไมถึงเป็นที่นั่น ! !
หนานกงเฮ่าพูดไม่ออก ใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร่างกายของเขาเหมือนจมอยู่ในทะเลลึก
" แกจำลักษณะของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลยเหรอ ? " หนานกงเฮ่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ริมฝีปากของเย่ฉ่าวเฉินกระตุก “ เฮ่า “ แกสนใจชีวิตฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ? "
ถ้าหากเขาอยู่ที่นั่นในคืนนั้น ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป !
หนานกงเฮ่าโกรธและหงุดหงิดมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เย่ฉ่าวเฉินเดินไปข้างหน้าตบไหล่เขา และพูดเบาๆว่า " แกไม่ต้องโทษตัวเองหรอก อันที่จริงสถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด แค่ชั่วพริบตาที่ไม่ได้ตรวจสอบ ก็ถูกคนวางยาก็แค่นั้น !"
" งั้นแกเข้าไปในห้อง 1026 ได้ยังไง ? "
ห้องมีตั้งมากมายไม่เข้า ทำไมต้องเข้าไปในห้องนั้น !!
เย่ฉ่าวเฉินคิดกลับไปฉากในคืนนั้น พูดอย่างช้าๆว่า " ตอนนั้นฉันถูกแก๊งมังกรฟ้าไล่ล่า ฉันเห็น......ประตูห้องนั้นเปิดเลยเข้าไป "
หนานกงเฮ่ากำหมัดแน่น แต่ก็ยังรักษาหน้าให้เป็นปกติ “ หลังจากตื่นขึ้นมา นอกจากภาพแบบร่างนั่น ยังมีของอะไรอีกไหม ? "
เย่ฉ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหญิงคนนั้น และพูดว่า “ ไม่มี "
หลังจากทั้งสองพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็เหลือบมองนาฬิกา และพูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน " อีกเดี๋ยวฉันต้องเข้าประชุมแล้ว แกรอฉันอยู่ที่นี่ ? "
หนานกงเฮ่าส่ายหน้า พูดอย่างช้าๆว่า " อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระ กลับก่อนนะ "
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า และพูดติดตลกว่า คงไม่ใช่นัดสาวใช่ไหม ? เฉียวอันหรือลีน่าล่ะ ?
หนานกงเฮ่าอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก เขาพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “ ฉันไปก่อนนะ "
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าท่าทีเขาแปลกไป แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
หนานกงเฮ่าออกจากเย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ป ขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องการกลับบ้านและหาที่ระบายด่วน !
เมื่อเข้ามาในบ้าน หนานกงเฮ่าเดินตรงไปที่ห้องเก็บวิสกี้ หยิบขวดวิสกี้ที่สะสมออกมา เปิดยกกระดกใส่ปาก
ของเหลวที่มีกลิ่นฉุนไหลเข้าปากของเขาอย่างคนสิ้นหวัง ทำให้เขาสำลักออกมา
เขาอยากเมา อยากเมาจนสิ้นสติ มันยังดีกว่าความเจ็บปวดในตอนนี้....
เขานึกถึงเรื่องในคืนวันนั้นอีกครั้ง เมื่อเข้าได้รับโทรศัพท์จากลู่จื่อหางว่าทุกอย่างถูกเตรียการเรียบร้อย สถานที่ก็แชร์โลเคชั่นไปให้ในโทรศัพท์แล้ว
โรงแรมนานาชาติ CK ห้อง 1026
เขาจำได้ชัดเลยว่าตัวเองขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะไปยังสถานที่นัดหมายให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากผ่านแยกไฟแดงเยอะ เดิมทีเขาอยากเติมน้ำมันให้เต็มและไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีรถบรรทุกโผล่มากลางถนน เพื่อหลบหลีก เขาหักพวงมาลัยรถเฟอร์รารี่หลบเข้าขอบทาง
รถเขาได้รับความเสียหายมาก เขาอยู่ในอาการโคม่าเพราะหัวของเขากระแทกกับพวงมาลัยรถ เขาตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้นในโรงพยาบาล โดยคนที่ผ่านไปผ่านมาพาเขามาส่ง
เขาคิดว่า เมื่อมู่เวยเวยไม่เจอลู่จื่อหางก็คงจะรีบออกจากที่นั่น แต่ไม่คิดเลยว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเข้ามา !
” อ๊าค----! " หนานกงเฮ่าตะโกนออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ พลางพูดขึ้นว่า “ ทำไม ? ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ ? "
ถ้าหากว่าเขาไม่อยากรีบพบมู่เวยเวย เขาคงไม่เหยียบรถฝ่าไฟแดง ถ้าเขาไม่ฝ่าไฟแดง เขาก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ ถ้าเขาไม่เกิดอุบัติเหตุ คนที่ได้เวยเวยในคืนนั้นก็คงจะเป็นเขาหนานกงเฮ่า !
โดยปกติแล้ว ต้องโทษที่เขาไม่ระวัง จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ในเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขาเพียงแต่ต้องยอมรับมัน.....
เขาทำได้เพียงแค่ยอมรับมัน.....
" ยังดีที่เรื่องทุกอย่างยังไม่สายเกินไป หนานกงเฮ่ายังคงปลอบใจตัวเอง เขาพึมพำกับตัวเองว่า มันผิดพลาดไป เฉียวซินโยวกลายเป็นผู้ออกแบบ ทำให้เย่ฉ่าวเฉินคิดว่าเฉียวซินโยวคือผู้หญิงคนนั้น ขอเพียงแค่เย่ฉ่าวเฉินอยู่กับเฉียวซินโยว และหย่ากับมู่เวยเวย สุดท้ายมู่เวยเวยก็จะกลายเป็นของเขาอยู่ดี !"
เพียงแต่ เย่ฉ่าวเฉินจะยอมหย่ากับมู่เวยเวยไหม ?
เขาคงต้องจัดการอะไรบางอย่างแล้ว !
หลังจากคิดอย่างหนัก หนานกงเฮ่าก็รู้สึกว่าเขาต้องไปพบกับเฉียวซินโยว.....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...