วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 90

การแสดงออกของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด และพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย " เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่คุยกับคุณ? คุณคิดว่าหลังจากที่คุณทำเรื่องเลวเลวพวกนั้นกับฉันลงไปแล้ว แล้วฉันยังจะพูดกับคุณเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้อยู่อีกหรอ?"

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า " เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์จะปฎิเสธงั้นหรือ? "

มู่เวยเวยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยล้ามากและไม่อยากมองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวจากนั้นพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น " ฉันเหนื่อยแล้ว ตอนนี้คุณออกไปก่อน "

" เหอะเหอะ......" เย่ฉ่าวเฉินหัวเราอย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้นว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็น่าเสียดายจริงๆเลย ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปดูฉากเด็ดๆสักหน่อย "

มู่เวยเวยหันหลังแล้วไม่สนใจเขาอีกเลย

เย่ฉ่าวเฉินมองแผ่นหลังของมู่เวยเวย ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็ค่อยๆออกจากห้องไป

เย่ฉ่าวฉินปิดประตูเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินของเขาแผ่รังสีอำมหิตออกมา แล้วเดินลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่งพุดขึ้นเสียงเข้มว่า " จางเห่อ "

เสียงพูดพึ่งจบไป จางเห่อก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูแล้วเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า " คุณชาย "

" เรื่องที่ฉันสั่งให้นายไปทำไปถึงไหนแล้ว? "สีหน้าท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก

" ผมให้คนไปจับตัวมู่จางรุ่ยมาเรียบร้อยแล้วครับนาย ตอนนี้รอเพียงคำสั่งท่าน "

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นพูดว่า " เอาตัวมามา ฉันจะสอบปากคำมันเอง"

" ครับ "

ผ้าปิดตาสีดำถูกถอดออก มู่จางรุ่ยมองไปรอบรอบด้วยความหวาดกลัว เขาพบว่าที่นี่เป็นที่ที่แปลกมาก ในห้องมีเพียงเตียงหนึ่งเตียงและเก้าอี้หนึ่งตัวเท่านั้น

ความรู้สึกแรกของเขาก็คือโดนลักพาตัว!

เป็นใครกันแน่? ทำไมต้องลักพาตัวเขา?

เขาดิ้นสุดแรง แต่ว่าแขนขาของเขาถูกมัดไว้แน่นมาก เขาจึงไม่สามารถหลุดออกมาได้!

ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีปรากฎตรงหน้า มู่จางรุ่ยตกใจมาก

เย่ฉ่าวเฉิน! ทำไมถึงเป็นเขา?

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา สังเกตุได้ถึงความกลัวของเขาแล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งว่า " คุณมู่ เห็นหน้าฉันแล้วตกใจมากเลยหรอ? "

มู่จางรุ่นอึ้งไปเลย เขาเรียกว่าคุณมู่งั้นหรอไม่ใช่คุณลุง ดูแล้วเรื่องราวในห้องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะ

" ฉ่าวเฉิน นี่มันหมายความว่าอะไร? แล้วที่นี่ที่ไหน? ทำไมต้องให้คนพาฉันมาที่นี่ด้วย? "

เมื่อเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของมู่จางรุ่ยลุ่มลึก และน้ำเสียงของเขากระวนกระวาย

ผู้ชายบึกบึนที่เดินตามหลังเข้ามา ในมือของเขาถือเบาะหนังไว้แล้วเอามาวางไว้ข้างหลังของเย่ฉ่าวเฉิน

นั่งลงบนโซฟาอย่างช้าๆแล้วจ้องไปที่เขาอย่างไม่แยแส ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมีรังสีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นมาก " มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน? "

มู่จางรุ่ยหน้าตาอึ้งไปเลย สติเขาหลุดออกจากตัว แล้วค่อยๆคิดอย่างถี่ถ้วนว่าที่ให้คนไปพาตัวเขามาที่แท้ก้เป็นเรื่องมู่เทียนเย่งั้นหรอ?

ระหว่างเขาและเทียนเย่มีเรื่องอะไรกันกันแน่? เป็นเรื่องที่ดีหรอเรื่องร้าย?

มู่จางรุ่ยคิดไปต่างๆนาๆ สีหน้าของเขาจริงจังแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย " ฉ่าวเฉิน คุณรู้จักกับเทียนเย่หรอ?มู่เวยเวยบอกให้นายมาหาฉันงั้นหรอ? "

เย่ฉ่าวเฉินยังคงนิ่ง ท่าทีของเขาดูออกว่าเขาหมดความอดทนแล้ว พูดขึ้นน้ำเสียงที่เย็นชาเชิงบังคับ " ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด คุณรีบบอกมาดีกว่า ไม่งั้นฉันจะไม่ใจดีกับคุณเพราะมู่เวยเวยหรอกเนอะ! "

เสียงของเขานั่นเย็นชามาก ทำให้มู่จางรุ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว เขาพอจะรู้ข่าวลือขิงเย่ฉ่าวเฉินมาบ้าง ถึงแม้ว่าต่อหน้าเขาจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จแต่เบื้องหลังตัวตนของเขานั้นก็ไม่ธรรมดา ถึงว่าเขาจะไม่รู้อย่างถ่องแท้แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าจะทำให้เขาโกรธ

" ฉันไม่รู้การเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่จริงๆ ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วอย่าพูดถึงว่าเขาอยู่ที่ไหนเลย " มู่จางรุ่ยสีหน้าไม่ดีแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ

" คนในตระกูลมู่นี่สร้างเรื่องโกหกกันเก่งจริงๆ "เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขายกมือขึ้นแล้วพยายามข่มความโกรธของขาไว้

" ฉันจะให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย "

เย่ฉ่าวเฉินทวีความโกรธขึ้นไปอีกแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา " ต้องให้ฉันเตือนความจำหน่อยมั้ย? เงินหนึ่งล้านที่มู่เวยเวยให้กับคุณ คุณเอาไปใช้ที่ไหน? "

สีหน้าของมู่จางรุ่ยตกใจมาก มองไปที่ผู้ชายที่อันตรายอย่างยิ่งตรงหน้าเขา ทำให้เขาไม่กล้าสบตาเขา

"เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้รีบร้อนอะไร แล้วพูดขึ้นอย่างสบายๆว่า " ถ้าดูจากมุมมองอื่นๆแล้ว เราก็มีเป้าหมายเดียวกันนะ "

มู่จางรุ่ยถามขึ้นด้วยความสับสน " หมายความว่าไง? "

" บริษัทมู่ซื่อเป็นบริษัทของน้องชายคุณ ถึงแม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่ว่ามู่เทียนเย่มีตำแหน่งเป็นทายาทสืบทอดสมบัติ คุณเองก็กลัวการกลับมาของมู่เทียนเย่กลัวว่าเขาจะกลับมาแย่งของที่เป็นของพ่อเขาคืนไม่ใช่หรอ?

มู่จางรุ่ยตกใจสุด ผู้ชายคนนี้เดาใจเขาได้อย่างง่ายดาย ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ!

" ที่ท่านพูดว่าเป้าหมายเดียวกันมันหมายความว่ายังไง? "มู่จางรุ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยมาก

" ฉันกับมู่เทียนเย่มีเรื่องบาดหมางกันอยู่ ขอแค่คุณพูดมาว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ฉันรับรองได้ว่าตำแหน่งประธานบริษัทมู่ซื่อจะเป็นของคุณ " เย่ฉ่าวเฉินอย่างนิ่งๆแต่น้ำเสียงเขาชัดเจนมาก

มู่จางรุ่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเข้าใจความหมายของเขา และดูจากความสามารถเย่ฉ่าวเฉินแล้วมู่จางรุ่ยเชื่อในสิ่งที่เขาพูด

แต่นี่แหละปัญหา เขาไม่รู้จริงๆว่ามู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน จริงๆเงินหนึ่งล้านนั้น......

" ยังคิดไม่ได้งั้นหรอ? " สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเยือกเย็น พูดขึ้นเสียงเข้ม "อย่ามาท้าทายกับความอดทนของฉัน เชื่อฉันเถอะ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถต้านทานได้! "

มู่จางรุ่ตัวสั่นไปหมด เขารู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขาลดลงในทันที จากนั้นก็ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างหมดหนทางว่า " ฉ่าวเฉิน จริงๆแล้วฉันไม่ได้รู้กานเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่หรอก เงินหนึ่งล้านนั้นฉันเก็บไว้ที่บัญชีส่วนตัว "

เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย แล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแสแล้วพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า " คุณจะเป็นศัตรูกับฉันจริงๆใช่มั้ย? "

มู่จางรุ่ยกลัวจนคอหดแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรนว่า " คุณเชื่อฉันเถอะ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณให้คนไปสืบดูได้ฉันไม่กล้าโกหกคุณหรอก! "

เย่ฉ่าวเฉินเงียบไม่พูดอะไร และลองพิจารณาคำพูดของเขาว่าเป็นความจริงหรือไม่

โล่งอกไปทีแล้วมู่จางชั่วก็พูดต่อว่า " ฉ่าวเฉิน ฉันไม่กล้าเป็นศัตรูกับคุณหรอก คุณให้คนไปสืบดูได้เลย ถ้าฉันโกหกยังไงฉันก็หนีไปไหนไม่รอด คุณจะจัดการกับฉันยังไงก็ได้! "

ไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาจะเป็นอะไร มู่จางรุ่ยในตอนนี้ไม่กล้าปิดบังอะไรเขาเลย สัญชาตญาณของเขาบอกมาอย่างชัดเจนว่าที่ตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเพราะอะไร

ต่อหน้าผู้ชายที่น่ากลัวอย่างปีศาจชั่วร้ายคนนี้ การพูดโกหกหลอกลวงเป็นวิธีที่โง่มากที่สุด

" เย่ฉ่าวเฉินจ้องเขาตาเป็นมัน เห็นถึงท่าทางกระวนกระวายของเขา ก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาแล้วพูดนิ่งๆว่า " ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง ช่วงนี้คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันแล้วฉันจะให้คนส่งข้าวส่งน้ำมาให้ "

มู่จางรุ่ยขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาได้แต่พูดว่า " โอเค "

เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองสักนิด สองคนที่ยืนข้างนั้นก็ค่อยปิดประตูแล้วล็อคกุญแจไว้

มู่จางรุ่ยนั่งลงบนเตียงแข็งๆนั้น

......

เธอไม่อยากให้หนานกงเฮ่าเป็นห่วง ความเจ็บปวดของเธอก็คงมีเพียงเธอที่ต้องรับความเจ็บปวดนั้น

มองดูเธอที่พยายามทำตัวเข้มแข็ง หนานกงเฮ่าก็ขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปกอดเธอไว้แน่นๆเขารับรู้ได้ถึงความอ่อนแอของเธอ ใจของหนานกงเฮ่าเหมือนโดนอะไรต่อยเขขารู้สึกเจ็บแทนเธอ

" เธอจะทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ครั้งก่อนคุณหมอหลิวเตือนฉันแล้วว่าเธอไม่ควรบาดเจ็บอีก ไม่อย่างนั้น......" หนานกงเฮ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า " เธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้! "

มู่เวยเวยรู้สึกอบอุ่น

พอพูดจบเขาก็ไม่รอช้าดึงมือมู่เวยเวยเดินออกไปทางประตูทันที แต่ในขณะนั้นเองเย่ฉ่าวเฉินก็ปรากฏตัวตรงหน้าทั้งสอง

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้านิ่งๆและสังเกตเห็นเขาทั้งสองคนจับมือกันอยู่สีหน้าก็เย็นชาขึ้นทันทีแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า " เฮ่า นายดึงมือเมียฉันไว้แบบนี้ นี่กำลังจะไปไหน? "

หนานกงเฮ่าหน้าตาจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธมาก " นานเคยคิดว่าเวยเวยเป็นภรรยาด้วยหรอ? ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉ่าวเฉินนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึป่าว? "

วันวันก็เอาแต่ทำร้ายผู้หญิงมีปัญญาแค่นี้หรอ?

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองคนที่อยู่ข้างหลังเขา แต่กลับเห็นเธอจ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ในใจของเขาก็รู้สึกหวิวหวิวแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า " นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน นานอย่ามายุ่ง "

หนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดอย่างเฉนเมยว่า " เรื่องของนานฉันไม่อยากยุ่งหรอ แต่นี่มันเกี่ยวกับเวยเวยฉันเลยต้องยุ่ง! "

ท่าทางของหนานกงเฮ่าคือยังไงก็ต้องยุ่งให้ได้

" นายอยากจะยุ่งนักใช่มั้ย? อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน! "

" นี่ฉันก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน! "

ทั้งสองคนจ้องกันตามันมัน คนรอบข้างเองก็รู้สึกว่าความกดอากาศต่ำลงเรื่อยๆจนทำให้ทุกคนรุ้สึกจะขาดอากาศหายใจ

มู่เวยเวยรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่อยากให้หนานกงเฮ่าต้องลำบากเพราะตัวเธอ เธอไม่ต้องการให้หนานกงเฮ่าโดนทำร้าย

บรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆชายสองคนที่ไม่มีใครยอมใคร มู่เวยเวยรีบเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่อยากเห็นคนทำร้ายกันอีกแล้ว! เย่ฉ่าวเฉิน นายจะยอมทำร้ายเพื่อนสนิทตัวเองเพื่อนผู้หญิงอย่างฉันงั้นหรอ? "

ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความโกรธ เหมือนธอจะพูดว่า "ในใจของเขาเธอสำคัญขนาดนั้นเชียวหรอ?

มู่เวยเวยหันหลังไปมองหนานกงเฮ่าด้วยท่าทีที่อ่อนโยวแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า "หนานกง ขอบคุณมากที่ออกหน้าแทนฉัน แต่ว่าฉันไม่ต้องการให้คุณใช้วิธีแบบนี้ "

ถ้าหากว่าเขาต้องบาดเจ็บเพราะเธอ เธอต้องเสียใจมากแน่ๆ

หนานกงเฮ่ารู้ว่าเธอต้องการจะสื่อถึงอะไร แล้วค่อยๆฉีกยิ้มอกแล้วพูดอย่างนิ่งว่า " เธอสบายใจได้ ฉันไม่ทำให้เธอเสียใจหรอก "

พอได้ยินคำพูดของเขา มู่เวยวยก็รู้สึกซาบซึ้งมากแล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่นว่า " ขอบคุณนะ"

ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณที่เข้าใจ

หนานกงเฮ่าส่ายหัวเบาๆด้วยท่าทีที่นุ่มนวลแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า " เพื่อเธอ ฉันเต็มใจ "

มองดูทั้งสองที่กำลังพลอดรักกันต่อหน้า ในสายตาของเย่ฉ่าวเฉินก็มีรังสีอำมหิตอะไรบางอย่าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฮ่าจะชอบมู่เวยเวย เพื่อเธอ ถึงขั้นกล้าเป็นศัตรูกับเขา!

มู่เวยเวยมีเสน่ห์มากขนาดนั้นเลยหรอ?

เมื่อฟังคำอธิบายของจางเห่อแล้ว คนที่รักความสนุกสนานอย่างเขา ตอนนี้กลับไม่เข้าผับเลย ถึงนานๆไปทีแต่ก็ไม่มีสาวๆนั่งข้างกายเหมือนแต่ก่อน สำหรับเขาแล้วนี่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เยฉ่าวเฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจ

เขาชอบอะไรในตัวมู่เวยเวยกันนะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ