ก่อนจะมาหานาง บ่าวหญิงแซ่จูคนนี้ก็นับว่าได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีเลยล่ะ
พวกเขาตั้งใจจะใช้ผงปูนขาวทำลายดวงตาของนางก่อน จากนั้นก็จะรุมทุบตีนางอย่างโหดเหี้ยม แล้วค่อยขโมยทรัพย์สินเงินทองของนางไป
บ่าวหญิงแซ่จูคงคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชูอิ่งจะมีแผนรับมือรอเอาไว้แล้ว นอกจากพวกเขาจะขโมยของไม่สำเร็จ ยังเป็นฝ่ายถูกนางทุบตีอย่างหนักแทน
ลูกชายคนโตของนางถูกฮว๋าซื่อสั่งให้บุกเข้ามาขโมยเงินที่ห้องของเฟิ่งชูอิ่งกลางดึกเมื่อคืน ทว่านอกจากจะไม่ได้เงินไปแล้ว ยังถูกผลปูนขาวเล่นงานจนตาบอดอีก
ทว่าเฟิ่งชูอิ่งกลับไปฟ้องหลินชูเจิ้งว่าลูกชายคนโตของนางขโมยตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงไป เมื่อคืนหลินชูเจิ้งก็เลยจับตัวลูกชายคนโตของนางไปเพื่อบีบคั้นให้เขาส่งมอบตั๋วเงินออกมา
ลูกชายคนโตของนางไม่ได้ขโมยตั๋วเงินไปตั้งแต่แรกแล้ว จึงถูกหลินชูเจิ้งลากตัวเข้าห้องทรมาน ตอนที่ส่งตัวกลับออกมาเนื้อตัวเขาก็มีแผลเหวอะหวะเต็มไปหมดแล้ว
นางจึงเกลียดเฟิงชูอิ่งเข้ากระดูกดำ!
นางกัดฟันเอ่ยว่า “พวกเราสาดผงปูนขาวเพราะว่าห้องนี้อับชื้นมากเกินไป ก็เลยมาช่วยคุณหนูต่างสกุลกำจัดความชื้น”
เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะยกไม้กระบองเคาะข้อพับขาของบ่าวหญิงแซ่จู บ่าวหญิงแซ่จูเจ็บจนร้องเสียงแหลมก่อนจะล้มไปกองกับพื้น “คุณหนูต่างสกุล ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เฟิ่งชูอิ่งไม่สนใจนาง หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปหยิบห่อผงปูนขาว แล้วเขวี้ยงใส่ศีรษะของบ่าวหญิงแซ่จูอย่างแม่นยำ
นางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าเจ้าก็เหม็นอับอยู่เหมือนกัน ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้าลดความชื้นเอง”
เหตุผลกับข้ออ้างแบบนี้มันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด!
เมื่อก่อนพวกบ่าวรับใช้ในจวนสกุลหลินจะเคยรังแกร่างเดิมอย่างไรบ้าง นางก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่อย่าหวังว่าจะมารังแกนางในตอนนี้ได้!
เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นวุ่นวายไปทั่ว ข้ารับใช้จำนวนมากในจวนสกุลหลินพากันมาสอดส่องเพราะได้ยินข่าว
ตอนที่พวกเขามาถึงก็ได้เห็นฉากที่เฟิ่งชูอิ่งใช้ไม้กระบองฟาดบ่าวหญิงแซ่จูพอดี ทำเอาพวกเขาตกใจจนแทบผงะ
เพราะในสายตาของพวกเขา เฟิ่งชูอิ่งเป็นคนหัวอ่อนว่าง่าย ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็อ่อนแอปวกเปียกไปหมด ต่อให้ถูกพวกเขากลั่นแกล้งรังแก นางก็ไม่ปริปากบ่นเลยสักครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี