พ่อบ้านโจวมีภาพลักษณ์เหมือนคนใจดีมีเมตตา ทว่าความจริงแล้วเป็นคนใจดำอำมหิตยิ่งนัก เมื่อก่อนที่ร่างเดิมถูกบ่าวในจวนสกุลหลินกลั่นแกล้งอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เพราะมีพ่อบ้านโจวคอยยุยงส่งเสริมนี่แหละ
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เอาแค่บ่าวหญิงแซ่จูคนนี้เลย สาเหตุที่นางกล้าเอะอะโวยวายเช่นนี้ คงเพราะได้รับอนุญาตจากพ่อบ้านโจวแล้วน่ะสิ
ลัทธิเต๋าให้ความสำคัญกับเรื่องกงกรรมกงเกวียน พ่อบ้านโจวคนนี้ทำเรื่องชั่วร้ายเอาไว้มาก แล้วยังพรากชีวิตคนไปอีก
หลังจากเขาได้พบกับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็สมควรจะโดนกรรมตามสนองเสียที
พ่อบ้านโจวได้ยินคำถามของนางก็ขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ดวงของผู้อื่นเป็นอย่างไรข้าไม่อาจทราบ แต่ว่าดวงชะตาของคุณหนูต่างสกุลเห็นชัดเลยว่าลำบากยากเข็ญ”
“นายท่านให้ข้ามาเชิญคุณหนูต่างสกุลไปที่ห้องหนังสือ เชิญคุณหนูตามข้ามาทางนี้เถอะ!”
เฟิ่งชูอิ่งมองเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าว “พักหลังมานี้ข้าศึกษาเกี่ยวกับการดูโหงวเฮ้งของคน จนพอจะมีความรู้อยู่บ้าง”
“ข้าเห็นว่าพ่อบ้านโจวหน้าตาหมองหม่น คิ้วขมวดเป็นปม คางมีรอยน้ำลากผ่าน มีโอกาสจะจมน้ำได้นะ”
“แม้การศึกษาศาสตร์ลี้ลับพวกนี้จะฟังดูงมงามไปสักหน่อย แต่พ่อบ้านโจวระวังตัวเอาไว้บ้างก็ดี”
นางกล่าวจบก็ตบไหล่ของพ่อบ้านโจวเบาๆ ปัดตะเกียงชีวิตที่อยู่บนไหล่ของเขาจนมอดดับ
วิญญาณร้ายที่วนเวียนตามติดพ่อบ้านโจวเห็นนางเข้ามาใกล้ ก็หวาดกลัวจนถอยไปหลบอยู่ด้านหลังเขา
หลังจากนางดับตะเกียงชีวิตบนบ่าของพ่อบ้านโจวแล้ว วิญญาณร้ายก็มองนางด้วยท่าทางประหลาดใจ
นางหันไปยิ้มให้วิญญาณร้ายเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มของนางกลับดูเป็นการท้าทายในมุมมองของพ่อบ้านโจว
พ่อบ้านโจวคิดว่าการกระทำในช่วงสองวันที่ผ่านมาของนาง เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนมากจริงๆ
นางก็เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรคนหนึ่ง หากถูกคนในจวนสกุลหลินรังแกก็สมควรจะอดทนไปเงียบๆ การต่อต้านขัดขืนเช่นนี้ มิต่างอะไรกับการรนหาที่ตายสักนิด!
เขาเอ่ยเสียงเย็นชา “ขอบพระคุณคุณหนูต่างสกุลที่หวังดี แต่ไม่จำเป็นหรอก ปกติข้าไม่เคยเข้าใกล้น้ำอยู่แล้ว”
เฟิ่งชูอิ่งที่บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้วก็ไม่คิดจะพูดให้มากความ นางเดินตามเขาไปที่ห้องหนังสือของหลินชูเจิ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี