สำหรับเขาแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่นางเอาติดตัวมาด้วยสมควรจะเป็นของเขา!
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เขาเป็นคนเสนอยกนางให้แต่งงานกับจิ่งโม่เยี่ย เพราะการตายของนางจะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อเขา แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมให้นางย้ายออกจากจวนสกุลหลินล่ะ?
เขาจึงรีบกล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ?
“เจ้าลงมือทำร้ายคนในจวนแท้ๆ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?”
เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วกล่าวว่า “ขอถามท่านลุง โจรที่บุกเข้าไปในเรือนของข้าเมื่อคืน จับตัวได้หรือยังเจ้าคะ?”
หลินชูเจิ้ง “...ยังจับตัวไม่ได้หรอก เขาหนีไปแล้ว”
เฟิ่งชูอิ่งแสยะยิ้ม “ข้าจะบอกความลับอะไรให้ท่านลุงฟังอย่างหนึ่ง เมื่อคืนตอนที่โจรคนนั้นบุกเข้ามาในห้องของข้า ข้ามองเห็นใบหน้าของเขาเจ้าค่ะ”
หลินชูเจิ้ง “!!!!!”
สีหน้าของเขาแข็งค้างอย่างฉับพลัน จนรู้สึกปวดใบหน้าเล็กน้อย
เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอีกว่า “ท่านลุง ข้าเชื่อมาตลอดว่าท่านเป็นคนยุติธรรม ดังนั้นถึงได้เชื่อใจว่าท่านจะจับตัวโจรที่แอบลอบเข้ามาในห้องของข้ากลางดึกได้
“ท่านลุงช่วยตอบข้าที ตอนนี้ลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูอยู่ที่ไหน?”
ใบหน้าหลินชูเจิ้งบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม หลังนางเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาก็ตระหนักได้ว่านางเห็นหน้าคนที่บุกเข้าไปในห้องเมื่อคืนจริงๆ
เฟิ่งชูอิ่งยังกล่าวอีกว่า “รบกวนท่านลุงบอกให้บ่าวหญิงแซ่จูเรียกตัวลูกชายคนโตของนางมาที่นี่หน่อย ดูสิว่าดวงตาของเขาบาดเจ็บจากผงปูนขาวหรือไม่
“ผงปูนขาวเมื่อเข้าตาแล้ว ต่อให้ใช้น้ำมันพืชล้างออกทันที ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวันถึงจะหายเป็นปกติดี”
หลินชูเจิ้งมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์มากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้นางยังขี้ขลาดไม่เอาไหนอยู่แท้ๆ แต่หลังจากกลับจวนมาเมื่อวานก็ราวกับผีบ้าเข้าสิง
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา เพราะเห็นว่านางเป็นคนขี้ขลาดตาขาว อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัวไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี