ผู้อาวุโสเริ่นหรานพูดและกำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโส ศิษย์มีเรื่องที่ต้องการคำชี้แนะจากท่านขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจกับคำพูดของเขาเล็กน้อย แต่นางยังไม่ยอมแพ้ในทันที หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยอมพูดออกมา
นางมิใช่พวกระดับครึ่งเทพ
แต่นางมีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในกายนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้นางเคยหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดมาแล้ว
แม้ว่าในตอนนั้นทัณฑ์สวรรค์จะถูกชักนำโดยองค์ไท่จู่ แต่ทว่า…
ต่อมาทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น ก็ถูกอันเชิญออกมาโดยฝีมือของนางเองล้วนๆ…
ผู้อาวุโสเริ่นหรานค่อยๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่นางอย่างช้าๆ
“ว่า”
“หากศักยภาพของบุคคลหนึ่งไม่ถึงระดับกึ่งเทพ เช่นนั้นก็ไม่มีทางวัดได้แล้วหรือ ว่าเขามีพรสวรรค์ในด้านการหลอมอาวุธหรือไม่?”
“เจ้าหนู…เจ้าจักยึดติดอยู่กับเรื่องเช่นนี้ไปไย?”
ผู้อาวุโสเริ่นหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และจ้องมองเข้าไปในแววตาของนาง เหมือนกับว่าเขากำลังเฝ้ามองเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กำลังงอแงอยู่
เขาชี้ไปด้านข้าง
“ถ้าหากเจ้าต้องการเข้าร่วมงานประลองชิงอวิ๋นจริงๆ ล่ะก็ กลับไปศึกษาวิธีการการปรุงยาให้ชำนาญดีกว่า บางทีเจ้าอาจจะทะลวงขั้นได้เร็วกว่านี้ก็ได้! ส่วนช่างหลอมอาวุธนั้น…เจ้าถอดใจเสียเถอะ!”
ผู้อาวุโสเริ่นหรานไม่คิดว่าการเจรจากับหนุ่มน้อยที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดนั้นจะมีประโยชน์อันใด
จากมุมมองของเขา การที่ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ อาจเป็นเพราะอยากลองอันใดแปลกใหม่ก็เท่านั้นเอง
แต่ความเป็นจริง การจะเป็นช่างหลอมอาวุธนั้นง่ายเสียที่ไหนกันล่ะ?
มีผู้ฝึกตนมากมายที่สามารถบรรลุถึงระดับกึ่งเทพ แต่อย่างใดก็มิอาจเป็นช่างหลอมอาวุธ แล้วนับประสาอันใดกับเจ้าหนูคนนี้?
ฉู่หลิวเยว่แน่นิ่งไปชั่วขณะ
“ศิษย์ได้ยินมาว่า ช่างหลอมอาวุธนั้นใช้พลังจากทัณฑ์สวรรค์เพื่อหล่อหลอมอาวุธโบราณ หากศิษย์สามารถทำได้ ท่านจะนับศิษย์เป็นช่างหลอมอาวุธได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่า…อันใดนะ!?”
ผู้อาวุโสเริ่นหรานถึงกับสำลัก แล้วหันมองไปที่ฉู่หลิวเยว่อย่างฉับพลัน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยระคนตกใจ
“เมื่อครู่เจ้าพูดกระไรนะ? เจ้าสามารถควบคุมทัณฑ์สวรรค์และยังหลอมอาวุธโบราณได้อีกงั้นหรือ!?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้! เว้นแต่ว่า…”
แต่จู่ๆ ผู้อาวุโสเริ่นหรานก็หยุดชะงัก
“เจ้าทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้วงั้นหรือ?”
ในความเห็นของผู้อาวุโสเริ่นหรานนั้น การที่อีกฝ่ายยังไม่บรรลุถึงผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพ แต่กลับสามารถควบคุมทัณฑ์สวรรค์ได้นั้น มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้
นั่นก็คือ ผู้ฝึกตนได้ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
เมื่อมนุษย์ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ พลังปราณแห่งสวรรค์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์จะถ่ายเทเข้าสู่ร่างของผู้ฝึกตน
เมื่ออาศัยสิ่งนี้แล้ว การควบคุมทัณฑ์สวรรค์จะมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป…
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย นางรีบพยักหน้าตอบทันที
“ขอรับ”
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของฉู่หลิวเยว่เช่นนี้ ผู้อาวุโสเริ่นหรานก็หมดหนทางหนี และได้แต่บ่นพึมพำออกมาว่า
“หากเจ้าต้องการเช่นนี้ ก็ลองดูได้…แต่ ถ้าหากเจ้าได้รับบาดเจ็บในภายหลัง ข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะด้วยความพอใจ
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสอย่างยิ่ง”
…
“ฉู่เยว่ นี่เจ้าคิดจะทำอันใด?”
หลัวซือซือเดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าอยากประลองช่างหลอมอาวุธหรือ?”
งานปะลองเซียนหมอดีๆ มีไม่แข่ง มาแข่งช่างหลอมอาวุธพวกนี้เหตุใดกัน?
ฉู่หลิวเยว่ พยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เดิมทีหลัวซือซือต้องการเกลี้ยกล่อมเพียงไม่กี่ประโยค แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งสงบของชายหนุ่มผู้นั้น จู่ๆ คำพูดที่เตรียมเอ่ยออกมากลับจุกอยู่ในลำคอเสียอย่างนั้น
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปยืนข้างๆ
ขณะนี้ ความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในการประลองอีกสามรายการที่เหลือ
แม้ว่าบางคนจะสังเกตเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ในการประลองช่างหลอมอาวุธ กี่ปีมาแล้วที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ แล้วน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักได้ไม่นาน จะสามารถพลิกปรากฎการณ์คลื่นลูกใหม่ที่เงียบสงบมาเป็นเวลานานได้จริงหรือ?
ผู้อาวุโสเริ่นหรานหยิบตราหยกสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นออกมา
“นี่คือไข่มุกมนตราศักดิ์สิทธิ์ มันกักเก็บทัณฑ์สวรรค์จำนวนหนึ่งไว้ภายใน เพียงแค่เจ้าสามารถอัญเชิญมันออกมาได้ ก็จะถือว่าเจ้าทำสำเร็จ”
การประเมินผลช่างหลอมอาวุธนั้น เมื่อเปรียบเทียบดูแล้วค่อนข้างง่ายดายนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...