……….
ซั่งกวนจิ้งเบิกตากว้าง
“ชุด…ชุดเกราะ? นั่นต้องใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬจำนวนเท่าไรกัน?”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น หากสามารถทำให้เสร็จก่อนไปถึงสุสานสังหารเทพได้ ก็เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง”
ซั่งกวนจิ้งตกใจจนพูดอันใดไม่ออกแล้ว
เรื่อง นี้ ไม่ ใช่ ปัญหา ?
หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬชิ้นเล็กๆ ก็นับว่าเป็นของวิเศษที่หาได้ยากยิ่งแล้ว!
เดิมทีเขาคิดว่าหรงซิวจะหลอมมีดสั้นหรือว่าอาวุธอย่างอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะหลอมชุดเกราะแล้วมอบให้กับเยว่เออร์!
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ผจญอันตรายที่เขาหมื่นเมรัย เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงที่อยู่บนร่างกายของนางก็ถูกทำลายจนเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
ซั่งกวนจิ้งเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีโอกาส
ตอนที่เขารออยู่ด้านนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล เดิมทีก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้วหลอมอาวุธได้
คิดไม่ถึงเลยว่าหรงซิวจะแย่งโอกาสนี้ไป
อีกทั้ง… เขายังใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ซั่งกวนจิ้งจึงรู้สึกว่าของที่เขามีอยู่ในมือ ไม่ควรค่าแก่การนำออกมาแสดง
เมื่อเปรียบเทียบกับหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬที่อยู่ในมือของหรงซิวแล้ว มันก็ด้อยกว่าจริงๆ
ซั่งกวนจิ้งสงบจิตใจของตัวเองลง
อย่างใดก็ตามเมื่อมอบให้กับนังหนูเยว่เออร์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี! เรื่องดีอย่างยิ่ง!
“เจ้าใส่ใจนางมากเลยทีเดียว”
ซั่งกวนจิ้งกระแอมไอหนึ่งเสียง
“แต่ในตอนนี้มันจะยังทันหรือ?”
เดิมทีการเดินทางของพวกเขาก็กระชั้นชิดมากพออยู่แล้ว เวลาที่หรงซิวหลอมอาวุธนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
และถ้าต้องการใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬหลอมเป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นมันควรจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา
เมื่อถึงเวลาจะต้องมีปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
หากต้องการทำเสร็จก่อนที่จะไปถึงสุสานสังหารเทพ… ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
ริมฝีปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น
“ข้าจะพยายามให้เต็มที่”
ซั่งกวนจิ้งอ้าปากค้าง ก่อนจะกวาดสายตามองลำแสงสีทองที่เปล่งประกายออกจากหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬ สุดท้ายก็พยักหน้าออกมา
เดิมทีเขาคิดจะช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นว่าหรงซิวขัดหินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเขาจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปอีก แต่มันก็ไม่เหมาะสมอยู่เล็กน้อย ถ้าจะเข้าไปแทรกแซงในเวลานี้
จึงทำได้เพียงหวังว่าหรงซิวจะสามารถหลอมอาวุธได้อย่างราบรื่น
หรงซิวก้มหน้าจัดการงานในมือของตนเองต่อไป
เขามีสมาธิจดจ่อเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าเขาถือมีดแกะสลักและค่อยๆ แกะสลักไปทีละส่วนโดยไม่ส่งเสียงใดๆ หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬก้อนนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างไป
ซั่งกวนจิ้งที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง ก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองอย่างกะทันหัน
… ท่าทางของหรงซิวในตอนนี้ เหตุใดถึงคุ้นตาเขายิ่งนัก
เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…
แต่ความคิดนี้ก็อยู่ภายในสมองของซั่งกวนจิ้งเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกเขาสลัดออกไปอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจจะเป็นเขาที่คิดมากไป
…
ราตรีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่แสงแรกส่องลงมา หรงซิวก็หยุดการกระทำในมือ
เขาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็หันมองทางฉู่หลิวเยว่ พร้อมเก็บของที่อยู่ในมือลงไปแล้ว
ในที่สุดตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจออกมา
หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน พลังกายและพลังจิตของนางก็ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว
ความเหนื่อยล้าถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น แม้กระทั่งดวงตายังสว่างกระจ่างใส
นางบิดตัวขึ้น จากนั้นก็มีเสียงลั่นออกมาจากร่างกายของนาง
ถวนจื่อที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านข้าง ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตา จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่ในทันที
“อาเยว่…”
นางพูดพึมพำเหมือนกับกำลังสะลึมสะลือ นางกางแขนขึ้นแล้วโอบรอบคอของฉู่หลิวเยว่
แต่อย่างใดก็ตามขณะที่นางกำลังโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่ ในตอนนั้นเองนางก็รู้สึกเสียววาบที่หลังคอ
ร่างกายของถวนจื่อแข็งทื่อไป จากนั้นก็รีบหันคอไปมองด้านข้างทันที
ทางนั้นคือโอรสสวรรค์ที่กำลังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนดุจวสันต์ฤดู
ถวนจื่อรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาในทันที!
นางชะงักตัวอย่างกะทันหันแล้วหดแขนของตนเองลงอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังรอจะกอดนางอยู่นั้น ก็เห็นว่าถวนจื่อชะงักตัวไป จากนั้นก็ยังหดแขนตัวเองลง
“ถวนจื่อ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เหมือนว่าเด็กคนนี้จะมีอันใดผิดปกติไป…
“อาเยว่วันนี้ถวนจื่อเหนื่อยมาก ข้าสามารถกลับลงไปได้หรือไม่?”
ถวนจื่อพูดตะโกนออกมาเป็นชุดราวกับประทัด
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...