………………..
ทั่วทั้งจัตุรัสเงียบกริบ!
ทันใดนั้นเองเสียงหวีดแหลมก็ทำลายบรรยากาศที่เย็นยะเยือก
“เป็นไปไม่ได้! จะต้องมีเงื่อนงำอันใดบางอย่างแน่นอน!”
หรงซิวหันไปมองด้านข้าง สายตาราบเรียบ
“ผู้อาวุโสโหมวเหยา สุขภาพร่างกายของท่านย่ำแย่แล้ว แต่ก็อย่าตื่นตระหนกมากเกินไปสิขอรับ? ไม่ระวังแล้วเป็นลมสลบลงไป นี่จะนับว่าเป็นความผิดของใครได้?”
โหมวเหยาโมโหอย่างมาก
เขามองออก
ทั้งสองคนนี้ วาจาเราะร้ายกันอย่างมาก!
พูดกับพวกเขาแค่ไม่กี่ประโยคก็อาจจะทำให้โมโหจนตายได้แล้ว!
โหมวเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็ตระหนักอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
ในสงครามคำพูด เดิมทีเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนทั้งสองนี้เลยด้วยซ้ำ!
เขาไม่โต้เถียงกับหรงซิวอีกแล้ว แต่หันกลับไปมองโหมวหยาง
“ท่านประมุข! คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ท่านเป็นคนที่รู้ดีชัดเจนที่สุด! แผ่นจานหยกนี้เป็นของล้ำค่าของเผ่าเรา หากมันแตกไปแล้วไม่มีทางซ่อมแซมได้ภายในครึ่งชั่วยามแน่นอน! หรงซิวจะต้องใช้วิธีหลอกตาอันใดบางอย่างที่ทำให้ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันกลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว! ท่านต้องอย่าปล่อยให้เขาหลอกลวงเอาเด็ดขาด!”
ฉู่หลิวเยว่พูดด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“อ่า? ผู้อาวุโสโหมวเหยาหมายความว่า…ที่ท่านประมุขโหมวหยางออกเงื่อนไขมาเช่นนี้ เพื่อต้องการทำให้พวกเราลำบากใจอย่างนั้นหรือ?”
โหมวเหยาพูดไม่ออกในทันที
“เจ้า!”
เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปทางโหมวเหยา
“เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ข้าจะเป็นคนตรวจสอบเอง ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสโหมวเหยามากังวลใจหรอก”
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าโหมวเหยาเป็นอันใดกันแน่
หลังจากกลับมาพร้อมความล้มเหลวเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ดูเหมือนจะหุนหันพลันแล่นและโมโหง่ายมากกว่าเดิม
มือไม่พายกลับเอาเท้าราน้ำ!
โหมวเหยารู้สึกเหมือนตัวเองถูกวิญญาณร้ายครอบงำ
เหมือนกับว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสองคนนี้ เขาก็จะกลายเป็นคนไร้เหตุผล และสามารถทำผิดได้อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ในเผ่าของเขาตอนนี้ก็อยู่อย่างยากลำบากอยู่แล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป…เขาก็ไม่สามารถอยู่ในเผ่าต่อไปได้อีกแล้ว ซึ่งทั้งหมดมันเป็นปัญหาส่วนตัว!
ใบหน้าของเขาซีดขาว พร้อมกลืนคำพูดที่เหลือลงคออย่างยากลำบาก
…
โหมวหยางหันมองทางหรงซิว
“ไม่ทราบว่าเจ้าจะสามารถนำของชิ้นนั้นให้ข้าดูได้หรือไม่?”
หรงซิวพยักหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ขณะที่พูดเขาก็สะบัดมือออก
แผ่นจานหยกนั้นก็ลอยมาทางโหมวหยาง
โหมวหยางหยิบแผ่นจานหยกแผ่นนั้นไว้ที่กลางฝ่ามือ แล้วเหลือบสายตามองหรงซิวอีกครั้ง
ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดขาวราวกับหิมะทั้งร่าง รูปร่างสูงสง่าราวต้นสน สีหน้าราบเรียบ
ดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจอย่างยิ่ง…
โหมวหยางขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็มองไปทางแผ่นจานหยกที่อยู่กลางฝ่ามืออย่างละเอียด
ทุกคนมุ่งความสนใจทั้งหมดไปทางโหมวหยาง เพื่อรอคอยคำตอบจากเขา
ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร
พวกเขามีความคิดแบบเดียวกับโหมวเหยา ซึ่งพวกเขาคิดว่าหรงซิวน่าจะใช้เล่ห์กลอันใดสักอย่าง ที่ทำให้ดูเหมือนซ่อมแซมสมบูรณ์แล้ว และมีลักษณะคล้ายกับในตอนแรกทุกประการ
เหมือนว่าหรงซิวจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ จากนั้นก็เอากระดูกส่วนนั้นส่งคืนให้กับฉู่หลิวเยว่ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ขอบคุณเยว่เออร์มาก”
ฉู่หลิวเยว่รับของชิ้นนั้นมา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้น
นางช้อนตามองขึ้นเล็กน้อย ภายในดวงตาของนางมีแสงสว่างเล็กๆ ปรากฏขึ้น
ความจริงแล้ว นอกจากมอบกระดูกชิ้นนี้ให้ นางก็ไม่ได้ช่วยอันใดอย่างอื่นเลย
เมื่อพูดไปแล้ว แค่หรงซิวเพียงคนเดียวก็น่าจะมีพลังเพียงพอแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงไม่สามารถทำได้
หลังจากผ่านไปสักพัก โหมวหยางก็เงยหน้าขึ้นมอง เขาหันไปมองทางหรงซิวด้วยสายตาซับซ้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...