ซือถูเหยียนตาโตด้วยความตกใจ
“หรงเซียว นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
จักรพรรดินีนั้นเปรียบเสมือนมารดาของแคว้น และการไว้ทุกข์อย่างยิ่งใหญ่จะจัดขึ้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ของนาง
ส่วนหรงจิ้นที่มีศักดิ์เป็นบุตรชายของนาง ก็ควรต้องอยู่ไว้ทุกข์ให้นางสามปี!
ถึงแม้จะมีเหตุผลเร่งด่วนอย่างใด แต่อย่างน้อยก็ควรไว้ทุกข์ให้ถึงหนึ่งปีเสียก่อน
แต่นี่อันใดกัน หนึ่งเดือนเองหรือ?
เช่นนั้นก็ไม่ต่างกับเหยียบหลุมศพจักรพรรดินีแทนปะรำพิธีสมรสเลยสิ!
เขาไม่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์เลยหรือ ไหนจะชื่อเสียงเกียร์ติยศอีก
หากทำเช่นนี้ทั้งหรงจิ้นและซือถูซิงเฉินจะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏทันที แม้แต่ชื่อเสียงของราชวงศ์ทั้งหมดแห่งแคว้นเย่าเฉินเองก็จะได้รับผลกระทบด้วย!
“เจ้ามันหน้าไม่อาย แต่ข้าไม่ได้หน้าด้านเช่นเจ้า!”
ในเมื่อเขารู้แล้วว่าหรงจิ้นไม่ใช่บุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริง มีหรือเขาจะยอมทำตามสัญญาสมรสต่อไป
ซือถูซิงเฉินคือไข่มุกล้ำค่าของเขา บุตรสาวที่ภาคภูมิใจและเป็นที่รักยิ่งของเขาแล้วเขาจะให้นางสมรสกับองค์รัชทายาทที่ถูกปลดอย่างหรงจิ้นได้อย่างใด
นั่นไม่ใช่ชีวิตสมรสที่นางควรได้รับ!
เมื่อเห็นซือถูเหยียนโกรธจัด จักรพรรดิจยาเหวินก็ยิ่งได้ใจ
ไอ้เฒ่านี้คิดร้ายกับผู้อื่นก่อน สุดท้ายผลกรรมนั้นก็ย้อนกลับมาหาตัวเอง
ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น เขาจะต้องแก้เกมเอาคืนอย่างสาสม
“แต่เดิมเจ้าคือผู้ที่เสนอเรื่องสมรส แต่ตอนนี้เจ้าคิดจะผิดสัญญาหรือ?”
ซือถูเหยียนโกรธเกรี้ยวเสียจนสะเทือนถึงอวัยวะภายใน
“ผิดสัญญาแล้วอย่างใด”
หากพวกเขายกเลิกการงามสมรสหลังจากเพิ่งเกิดเรื่องของหรงจิ้นไปละก็ จักต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังดีกว่าให้ซือถูซิงเฉินอยู่ร่วมกับเขาไปตลอดชีวิต
จักรพรรดิจยาเหวินเอนหลังพิงเก้าอี้
มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน จนส่งผลให้เขาเหนื่อยล้า ทว่ายามนี้เมื่อเห็นซือถูเหยียนกำลังเกรี้ยวกราด เขาก็พลอยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“เรื่องนี้ไม่สามารถต่อรองได้ และสัญญาการสมรสจะยังคงเหมือนเดิม อีกหนึ่งเดือนให้หลังซือถูซิงเฉินจะต้องแต่งงานในเมืองหลวงของข้า เจ้าวางใจได้อย่างใดเสียหรงจิ้นก็เป็นบุตรชายของข้า ส่วนงานสมรสครั้งใหญ่นี้ ข้าจะสั่งให้คนจัดงานให้ยิ่งใหญ่อลังการสมศักดิ์ศรีแน่นอน”
แววตาของซือถูเหยียนหม่นแสงลง จนเขาเกือบจะเป็นลม
“หรงเซียวนี่เจ้า! เจ้า…”
เขาตัดสินใจเก็บซือถูซิงเฉินไว้ที่นี่ จนกว่างานสมรสของนางกับหรงจิ้นจะเสร็จสิ้น
“หรงเซียว อย่าได้ใจไปนัก! เจ้าอย่าคิดว่าแคว้นซิงหลัวของข้ากลัวเจ้านะ” ซือถูเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางสงบสติอารมณ์ลงแล้วพูดด้วยใบหน้ามืดมน
“ผู้อาวุโสจงเยี่ย ยังอยู่ในแค้วนซิงหลัว ถ้าเขารู้ว่าเจ้าทำเช่นนี้…”
“เจ้ากำลังขู่ผู้ใดอยู่กัน?” พลันสีหน้าเย้ยหยันก็ปรากฏบนใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวิน
“ผู้อาวุโสจงเยี่ยแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่เจ้าคิดว่ามันคุ้มที่เขาจะยอมออกหน้าแทนเจ้าหรือ?”
“เจ้าอย่าลืมนะ ว่าผู้อาวุโสจงเยี่ยเป็นตัวแทนของหมิงเยว่เทียนชาน!” ดวงตาของซือถูเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“เจ้าพึ่งคนจากหมิงเยว่เทียนชานได้ แล้วคิดหรือว่าพวกข้าจะทำไม่ได้?”
ซือถูเหยียนตกตะลึง และจากนั้นเขาก็จำได้ว่าหรงซิวเองก็เคยไปฝึกตนที่หมิงเยว่เทียนชานมาอยู่หลายปี
แม้ว่าคนนอกจะคิดว่าหรงซิวนั้นเป็นเพียงคนป่วยออดๆ แอดๆ แต่เขาเคยได้ยินซือถูซิงเฉินพูดว่า ร่างกายของหรงซิวนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ลือกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หรงซิวอยู่ที่หมิงเยว่เทียนชานมานานแล้ว ถ้าเขายินดี เขาก็สามารถดึงปรามาจารย์ระดับสูงให้มาช่วยสนับสนุนตนได้ และผู้อาวุโสเหล่านั้นอาจจะมีพลังมากกว่าผู้อาวุโสจงเยี่ยเสียอีก!
ดังนั้นการใช้วิธีนี้คุกคามอีกฝ่ายย่อมไร้ผล
เส้นเลือดสีน้ำเงินแผ่กระจายไปทั่วหน้าผากของซือถูเหยียน
เขาไม่เคยถูกดูหมิ่นและอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน!
“หรงเซียว เจ้าต้องการทำสงครามระหว่างสองแคว้นอย่างนั้นหรือ?”
ซือถูเหยียนพูดเน้นคำต่อคำด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
จักรพรรดิจยาเหวินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะประกบมือไว้หน้าตักและยิ้มบาง
“เจ้ากล้าหรือไม่ล่ะ ซือถูเหยียน?”
…
“องค์ชาย น้ำชาได้แล้วขอรับ”
“เข้ามา”
แกร่ก…
บานประตูถูกผลักให้เปิดออก จากนั้นเด็กชายในชุดสีเทาก็ก้มโค้งลง และเดินเข้าไปพร้อมกับชา เขาวางชาไว้ข้างๆ อีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...