ศพที่เห็นก่อนหน้านี้ยังคงถูกแขวนอยู่กลางอากาศ แต่ด้านล่างกลับว่างเปล่า
ในสำนักมีร่องรอยการต่อสู้ และยังมีศพขององครักษ์อยู่หลายศพอีกทั้งอาณาเขตของตรอกซีเจี่ยวยังถูกทำลาย ชัดเจนว่าถูกทลายเพื่อบุกเข้าไป
ฉู่หลิวเยว่รีบค้นหารอบลานสำนักทันที แต่ก็ไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์อันใด
สิ่งเดียวที่ทราบได้นั่นคือเวลาเสียชีวิตของคนเหล่านี้ ไม่น่าจะเกินหนึ่งวัน
ไม่ว่าข้างนอกหรือข้างใน องครักษเหล่านี้มิได้มีบาดแผลมากมาย ทว่าล้วนแต่ถูกบีบคอจนตายคาที่ เห็นได้ชัดว่านี่คือการจู่โจมสังหารหมู่จากฝ่ายเดียว!
ฉู่หลิวเยว่ตรวจสอบศพของพวกเขาอย่างละเอียดแล้วค่อยๆ ขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่าฝ่ายองครักษ์จะไม่มีเวลาป้องกันตัวเสียด้วยซ้ำ
แม้ว่าคนพวกนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ แต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกมาอย่างดี ผู้ที่สามารถสังหารคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันโดยไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ป้องกันตัวเลยนั้น หากมิใช่กลุ่มคนจำนวนมาก… ก็ต้องเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งมาก!
ความคิดของฉู่หลิวเยว่หนักไปอย่างหลังมากกว่า
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการคุ้มครองเมืองหลวงเป็นอย่างแน่นหนา หากมีคนจำนวนมากบุกเข้ามาแล้วสองฝ่ายมีการต่อสู้กัน ก็น่าจะมีการกระจายข่าวไปนานแล้ว มิใช่เป็นอย่างตอนนี้ที่ลานตรอกชีเจี่ยวนี่เต็มไปด้วยศพ แต่หาได้มีผู้ใดรู้เรื่องไม่
หากมิใช่ว่านางบังเอิญมาที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนพบเจอเรื่องนี้เมื่อใด
ฉู่หลิวเยว่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปยังตำหนักหลวง
…
ราชวังได้รับการอารักขาอย่างแน่นหนา แต่โชคดีที่บัดนี้ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวจะสมรสกัน ดังนั้นในฐานะพระชายาในอนาคตนางจึงสามารถเข้าไปได้
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ไปหาจักรพรรดิจยาเหวิน แต่ตรงไปที่ตำหนักของจักรพรรดินี
ในขณะที่เดินไปนางก็รู้สึกถึงบรรยากาศเย็นชา และแปลกประหลาดในตำหนักนั้น ทุกคนล้วนดูหวาดระแวงและระมัดระวัง
ชัดเจนว่าเรื่องของจักรพรรดินีและหรงจิ้น ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความหวาดผวา
ทว่าเดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก็จักประจันหน้าเข้ากับคนผู้หนึ่ง
คนตรงหน้านางคือฉู่หนิง!
ไม่พบหน้าเพียงไม่กี่วันเขาดูซีดเซียว และเหนื่อยล้าไปมาก เห็นได้ว่าเขากังวลไม่น้อยเลยในช่วงเวลานี้
“ท่านพ่อ!” ฉู่หลิวเยว่รีบเดินไปหา
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ฉู่หนิงจึงเงยหน้าขึ้นในทันทีแล้วมองเห็นฉู่หลิวเยว่
แววตาของเขาฉายชัดถึงความประหลาดใจพลันขมวดคิ้ว
“เยว่เอ๋อ เจ้ามาได้อย่างใด?” ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปใกล้เขา
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องด่วนต้องรีบรายงานท่าน”
เมื่อฉู่หนิงเห็นแววตาของนางดังนั้นในใจก็เริ่มปรากฏความกังวล
เยว่เอ๋อเป็นคนมีเหตุผลมาโดยตลอด เขารู้ดีว่าหากไม่มีเรื่องด่วนนางไม่มีทางเข้ามาหาเขาในวังในเวลานี้ เขากระซิบกับคนข้างหลังเล็กน้อย ก่อนพาฉู่หลิวเยว่ไปอีกฝั่ง
“เกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
ฉู่หลิวเยว่มองริมฝีปากของเขา
“ท่านพ่อ องครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่ที่ตรอกชีเจี่ยว ล้วนโดนคนสังหารหมดทุกนาย! ซ้ำหม้อไฟสีชาดของตรอกซีเจี่ยวก็ถูกขโมยไปอย่างไร้ร่องรอย!”
“อะ…อันใดนะ!” สีหน้าของฉู่หนิงเกิดความตกใจขึ้น
เขาคาดการณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า…
“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อใดกัน?” ฉู่หลิวเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ อีกรอบ
สีหน้าของฉู่หนิงยิ่งดูแย่ไปกันใหญ่
“…ก็หมายความว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ? อีกอย่างฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้เลยสักนิด?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ข้ารู้ว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตรวกชีเจี่ยว และช่วงนี้ท่านเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ดังนั้นทันทีที่เกิดเรื่องท่านก็ต้องรีบไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...