ถ้าในตอนนั้นมีคนอื่นอยู่ข้างๆ และได้ยินคำพูดนี้เข้า คงจะต้องอึ้งอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก แต่จักรพรรดิจยาเหวินเอ่ยปากถามออกมาโต้งๆ เช่นนี้! เห็นได้ถึงความเชื่อใจที่มีต่อหรงซิว!
หรงซิวค่อยๆ ลืมตาขึ้น และมีความตกใจแวบผ่านไป
“เสด็จพ่อเรียกลูกมา เพื่อถามเรื่องนี้รึ?”
จักรพรรดิจยาเหวินมองเขาด้วยแววตาเศร้าโศกและไม่ได้พูดอันใด
มุมปากของหรงซิวค่อยๆ ยกขึ้น และเลิกคิ้วเหมือนคิดอันใดออก
“เสด็จพ่อสงสัยเยว่เอ๋อรึ?”
จักรพรรดิจยาเหวินถึงกับนวดหว่างคิ้วตัวเอง
“หรงซิว เจ้าฉลาดมาตลอดอยู่แล้ว”
เขาต้องยอมรับว่าคำพูดที่ผู้อาวุโสจงเยี่ยพูดนั้นทำให้เขารู้สึกเอะใจ
เมื่อคืนนี้เขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะเอาแต่คิดเรื่องนี้ทั้งคืน
มีคนมากมายขนาดนั้น เหตุใดต้องบอกว่าเป็นฉู่หลิวเยว่?
อีกอย่าง ดูจากการแสดงออกในช่วงนี้ที่ผ่านมาที่ทำให้ผู้คนตกใจแล้ว ก็ดูเหมือนว่านางต้องซ่อนความลับเอาไว้แน่นอน
ในเมื่อผู้อาวุโสเยี่ยรับปากแล้วว่าจะไปถามฉู่หลิวเยว่ด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วในใจของเขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นมีสถานะตัวตนที่พิเศษ เขาไม่สามารถและไม่อยากจะยุ่งกับนางสุ่มสี่สุ่มห้า
ฉะนั้นจึงทำได้เพียงเรียกหรงซิวมา
หรงซิวครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยปากอย่างกะทันหัน
“มีเรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะยังไม่รู้”
จักรพรรดิจยาเหวินค่อยๆยืดตัวนั่งตรง
มุมปากของหรงซิวยังคงยิ้มอยู่ และมีความขี้เล่นอยู่บนหว่างคิ้วของเขาอยู่
“ซือถูซิงเฉิน…ชอบลูกมาหลายปีแล้ว”
จักรพรรดิจยาเหวินนิ่งอึ้งไปทันที
นาน เขาก็เข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
หรือว่าที่ซือถูซิงเฉินมองฉู่หลิวเยว่เป็นศัตรูก็เพราะเหตุผลนี้รึ?
จักรพรรดิจยาเหวินค่อยๆ ขมวดคิ้ว
“ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ไม่เห็นต้องตั้งใจกล่าวหาเช่นนี้…ในเมื่อก่อนหน้านี้นางได้หมั้นหมายกับหรงจิ้นแล้ว…การหาเรื่องฉู่หลิวเยว่แบบนี้ มีประโยชน์อันใดต่อนางรึ?”
รอยยิ้มที่มุมปากของหรงซิวลึกขึ้น แต่กลับมีควมเย็นชาพิ่มมาด้วย
“การอภิเษกระหว่างนางและพี่ชายเป็นอย่างใดนั้น เสด็จพ่อคงจะรู้ดีที่สุด”
จักรพรรดิจยาเหวินเข้าสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะยังจำได้หรือไม่ว่าลูกได้ไปเข้าร่วมในคืนสุดท้ายของงานสมาคมเยาวชนด้วย”
จักรพรรดิจยาเหวินพยักหน้า
“จำได้อยู่แล้วล่ะ”
“วันนั้นเดิมทีลูกอยากไปขอความช่วยเหลือจากหลิวเยว่สักหน่อย จึงได้เจอกับซือถูซิงเฉินที่นอกสนาม และลูกก็เห็นว่าที่แขนเสื้อของนางปักลวดลายที่เหมือนกับบนเสื้อของลูกอยู่
น้ำเสียงของหรงซิวเย็นชา
ในใจของจักพรรดิจยาเหวินรู้สึกอึ้งทันที
เมื่อก่อนหรงซิวรู้สึกชอบลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์และประหลาดเช่นนั้น บนเสื้อผ้าส่วนมากจึงตั้งใจปักลวดลายนี้เอาไว้
“…หรือว่า…อาจจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น?”
“หลังจากกลับไปวันนั้น ลูกคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ จึงสั่งให้บ่าวในตำหนักนำเสื้อผ้าที่มีลวดลายแบบนั้นไปเผาทิ้งให้หมด”
จักรพรรดิจยาเหวินเอะใจ
เขาพอจะจำเรื่องนี้ได้บ้าง แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ เพียงแต่คิดว่าหรงซิวคงเพราะเพิ่งหายจากการป่วยจึงอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศและอารมณ์ จึงได้ทิ้งเสื้อผ้าเหล่านั้นไป
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีสาเหตุนี้อยู่ในเรื่องนั้น
“และวันนั้น ซือถูซิงเฉินก็ได้อยู่มายังนอกตำหนักองค์ชายหลีหวัน เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว หลังจากกลับไปแล้ว นางจึงไปอยู่ในตรอกซอยในพื้นที่ห่างไกล นางได้ฆ่านักฝึกต่อสู้หลายคนด้วยตัวเอง และได้หั่นศพเป็นชิ้นๆถึงจะยอมหยุด”
หรงซิวพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่เนื้อหาข้างในกลับทำให้คนรู้สึกตกใจจนขนลุก!
“เสด็จพ่อรู้สึกว่า นี่…ยังเป็นเรื่องบังเอิญอยู่อีกรึ?”
ในที่สุดจักรพรรดิจยาเหวินก็นั่งไม่ติดแล้ว ก่อนจะยืนขึ้นทันที
“เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากที่ใด?”
หรงซิวยิ้มด้วยสีหน้าสงบ
“เสด็จพ่อ ลูกอยู่ในเมืองหลวง ถ้าแม้แต่เรื่องที่ใครมาที่ตำหนักหลีหวันหรือว่าใครจะมาทำอันใดกับข้าแล้วข้ายังไม่รู้เรื่องอันใด แล้วข้าจะอยู่ต่อไปได้อย่างใด?”
จักรพรรดิจยาเหวินมองเขาด้วยแววตาซับซ้อนและไม่พูดไม่จาอยู่สักพัก
“…นั่นสิ!ข้าเกือบจะลืมไปแล้ว…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...