ผู้อาวุโสจงเยี่ยไม่ค่อยมีสมาธิ
เขาคือนักรบระดับหก โดยปกติจะรู้สึกถึงลมปราณของลำแสงนั้น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้มันจะมิเป็นที่น่าพอใจเสียเท่าไร
และยิ่งเห็นเยี่ยเหล่าพูดในลักษณะนี้ ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้น
แต่ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาพูดไปอย่างนั้นแล้ว มันคงมิดีหากมากลับคำพูดในภายหลัง
เมื่อคิดถึงซือถูซิงเฉินที่เมื่อทำสิ่งใดจะรู้จักบันยะบันยัง จิตใจของเขาก็สงบลงเล็กน้อย พลันชี้แจงออกไปอย่างไม่หนักแน่น
“เรื่องระดับนี้ มิต้องให้คนนอกอย่างพวกเจ้ามาพะวักพะวงหรอก!”
กล่าวเสร็จ ก็มองไปยังลำแสงนั่น
ในเวลานี้ ลมปราณบนเรือนร่างของซือถูซิงเฉิน บุกทะลวงผ่านนักรบระดับสี่แล้ว! ทั้งยังมิหยุดที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้เพิ่มขึ้น
ส่วนลึกในจิตใจของผู้อาวุโสจงเยี่ย ครึ่งหนึ่งรู้สึกฮึกเหิม อีกครึ่งหนึ่งรู้สึกกังวล
ทว่าเขากลับมองไม่เห็นท่าทีของเยี่ยเหล่าที่อยู่ข้างกาย แต่หลังจากเห็นอักขระบนลำแสงนั้นถูกแบ่งแยกออกจนเป็นร่อง เขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมา
อัตราความเร็วในการฝ่าทะลวงของซือถูซิงเฉิน เร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เสียอีก!
พละกำลังในหม้อไฟสัมฤทธิ์นั้นยังหลั่งทะลักออกมาไม่หยุด!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้อีก
ใช่สิ!
ยังมีจักรพรรดิจยาเหวินอยู่!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเหล่าก็หันหลัง และกำลังจะเดินไป
ทว่าผู้อาวุโสจงเยี่ยที่มือไวตีนไว กลับขัดขวางเขาตรงหน้าอีกครั้ง และถามด้วยความระแวดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าจะไปที่ใด!?”
แววตาของเยี่ยเหล่าดูหนักอึ้ง
“จงเยี่ย ข้าพูดไปแล้ว อย่าไปขัดขวางซือถูซิงเฉินอีก แต่ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงไปเสียดีกว่า!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยไม่เชื่อคำพูดของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ใครจะรู้ว่าเยี่ยจือถิงคนนี้จะคิดกลอุบายอันใดออกมาเพื่อรับมือกับเขาและซิงเฉิน!
“อย่างใดก็ตาม เจ้าต้องรออยู่ตรงนี้ ก่อนที่มันจะสิ้นสุดลง เจ้าห้ามไปแห่งหนใดทั้งนั้น!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยยิ้มหยัน
“เราทั้งสองคนมีฝีมือพอกัน แม้ว่าข้าจะไม่สามารถปราบเจ้าได้ แต่ถ้าเจ้าคิดอยากจะไป ก็มิได้ง่ายถึงเพียงนั้น!”
เยี่ยเหล่าโมโหจนเกือบพลั้งพูดคำที่รุนแรงออกไป เขาอยากจะนำหัวสมองของจงเยี่ยไปทุบให้แหลกเสียใจจะขาด ข้างในนั้นมันมีเพียงน้ำหรืออย่างใดกัน!
“จงเยี่ย! เจ้าอย่าคิดได้คืบจะเอาศอก!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยยักไหล่ แสดงออกให้เห็นว่าอยากเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาเสียเต็มที
…
ต่างกันกับภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดในพระราชวัง ณ บริเวณพื้นที่ห่างไกลจากเขตวังในขณะนี้ กลับมีเพียงความเงียบสงบ
หรงซิวหยุดนิ่งอยู่ที่ลานตำหนัก มือสองข้างประสานไขว้หลัง พลางมองไปยังพระราชวังที่อยู่ไกลลิบ
ทว่าเมื่อเห็นอักขระที่ลอยอยู่ข้างบนนั้นเริ่มแยกปริ ปลายคิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย
อวี๋มั่วที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเขา อดมิได้ที่จะถามออกมา
“องค์ชาย ดูแล้วความทะเยอทะยานของซือถูซิงเฉินจะแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้นะขอรับ ใช้เวลาเพียงนิดเดียว นางก็ไต่เต้าได้ถึงระดับนี้…”
“มือเท้าถูกทำให้พิการ พละกำลังถูกปิดกั้น ประกอบกับความอัปยศอดสูทุกด้านในช่วงสองสามวันนี้…หากเป็นผู้อื่น ก็คงทำเช่นนี้…ไม่ใช่หรือ?”
หรงซิวยิ้มบาง
อวี๋มั่วเองก็พอจะเข้าใจเช่นกัน
ซือถูซิงเฉินผู้นี้มิได้มีจิตใจที่งดงามอันใดถึงเพียงนั้น ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้แล้ว สตรีผู้นี้เด่นชัดในเรื่องการยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ตนก้าวไปสู่จุดหมายได้สำเร็จ โดยไม่คิดถึงสิ่งรอบตัว
อย่าบอกว่านางไม่รู้ว่าในโอ่งทองสัมฤทธิ์นั้นมีความลับอีกอย่างซ่อนอยู่ และแม้จะนางรู้ นางก็ยังจะโอบอุ้มความโชคดีที่มีนั้นไปลองเสี่ยงดูสักครา
“พี่สามวางแผนไว้ว่าอย่างใดบ้าง?” หรงซิวเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...