จักรพรรดิจยาเหวินหยุดชะงัก พลันหันกลับไปมองต้นเสียง!
ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน!
เขาก้าวเท้าเข้ามาช้า พร้อมรอยยิ้มบางบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมคู่นั้นลึกซึ้งและดูแพรวพราวราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรัศมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ เสมือนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์โลกเฉกเช่นทุกคน ณ ที่นี้
ชายผู้นั้นคือองค์ชายหลีหวัน หรือ หรงซิว!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ
เพราะทุกครั้งที่หรงซิวก้าวไปข้างหน้า รัศมีในร่างกายของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างตกตะลึง
“นั่นมัน…องค์ชายหลีหวันหรือ!?”
“องค์ชายหลีหวันทรงมีพระวรกายที่อ่อนแอ และป่วยซมอยู่ตลอดเวลามิใช่หรือ? เหตุใดยามนี้ถึง…”
“เขาทะลวงผ่านนักรบระดับสามแล้วหนิ ไม่สิ! หรือว่าผ่านระดับสี่แล้ว?!”
เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เกือบทุกคนในที่นี้ตะลึงกันสุดขีด
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระรัว
อย่าบอกนะว่าตอนนี้ หรงซิวกำลังวางแผน…เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมาอย่างนั้นหรือ?!
“เจ้า เจ้า…”
จักรพรรดิจยาเหวินจ้องหรงซิวตาเขม็ง พร้อมสีหน้าที่สลับเปลี่ยนไปมา
“หรงซิว! เจ้าไม่ได้ป่วยติดเตียงหรอกหรือ!?”
หรงซิวไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันที แต่กลับเดินตรงไปที่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่ และหยุดยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น
ดวงตาคมหลุบต่ำ พลางจับมือบางนั่น และใช้ปลายนิ้วมือสัมผัสลูบคล่ำไปตามข้อมือที่หักของนาง
เพียงพริบตา พลังปราณอันอบอุ่นและทรงพลัง ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางทันที!
“องค์ชาย ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นจะต้อง…”
ในใจฉู่หลิวเยว่อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวลกับอาการบาดเจ็บนี้ เพราะนางเองก็เป็นเซียนหมอเช่นกัน
ทว่าเมื่อสบเข้ากับแววตาที่ลึกซึ้งและอ่อนโยนของหรงซิว ก็พลันอุ่นวาบและรู้สึกวาบหวามในใจ จนต้องกล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นลงลำคอไปตามเดิม
“ขอโทษที่มาช้า”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ
แววตาของชีหานที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเย็นยะเยือก
“ที่เหลือจากนี้ ให้ข้าจัดการเองเถอะนะ”
พอได้ยินน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เปล่งออกมาเช่นนั้น ฉู่หลิวเย่วก็พลอยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ท่าน…ท่านคิดจะทำเช่นไรหรือ?”
เขาจงใจซ่อนทักษะของตัวเองมาตั้งหลายปี แล้วเหตุใดวันนี้ถึงคิดจะเปิดเผยพลังทั้งหมดนั่นออกมากัน?
หรงซิวยกยิ้มเล็กน้อย
“ข้าแค่จะจบเรื่องนี้”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่วูบไหว และเผลอเงยหน้ามองเขาโดยไม่รู้ตัว พลันเหลือบมองจักรพรรดิจยาเหวินที่ลอยตัวอยู่เหนือท้องนภา
จากนั้นนางก็ค่อยๆ พลิกฝ่ามือ และจับมือเขาตอบ
“ตกลงค่ะ”
ครั้นจบการสนทนาระหว่างสองคู่รัก ลมปราณบนร่างของหรงซิวก็ได้ทะลุทะลวงยังขอบเขตนักรบ และขึ้นสู่ระดับห้าแล้ว!
หลังจากแน่ใจว่าฉู่หลิวเยว่ปลอดภัยดี หรงซิวก็หันไปมองจักรพรรดิจยาเหวิน
จนถึงตอนนี้ หากจักรพรรดิจยาเหวินยังเดาสถานการณ์ไม่ออกอีกล่ะก็ นั่นหมายความว่าหลายปีที่ผ่านมานั้นเขาเป็นเพียงคนโง่ที่ครอบครองบัลลังค์มังกรไปวันๆ อย่างเปล่าประโยชน์
“หรงซิว! เจ้า เจ้าหลอกข้ามาตั้งแต่ต้นเลยหรือ!?”
ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ป่วย แต่กลับมีทักษะของผู้ฝึกตนอยู่เต็มเปี่ยมอีกด้วย!
มิเช่นนั้น ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขาจะไม่มีวันทะลวงได้ถึงระดับนี้แน่นอน!
ไม่สิ!
เขาอาจจะทะลวงได้สูงกว่านี้อีก!
เพราะตอนนี้เท่าที่ดู เด็กนั่นก็ทะลวงผ่านระดับห้าขั้นกลางแล้วด้วย!
หรงซิวหัวเราะเบาๆ
“ลูกก็แค่เรียนรู้จากท่านพ่อทั้งนั้น ถึงจะผ่านมาหลายปี แต่ท่านก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดมิใช่หรือ?”
จักรพรรดิจยาเหวินตกตะลึงครู่หนึ่ง พลันนึกอันใดบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาของเขาเบิกโพล่งอย่างตกใจ
“เจ้า…เจ้ารู้ตั้งนานแล้วหรือ!?”
หรงซิวยิ้มรับทว่ามิได้เอื้อนเอ่ย แต่นั่นก็คือคำตอบแล้ว
จักรพรรดิจยาเหวินตื่นตระหนกทันที ลมปราณของเขากระจัดกระจายไร้ทิศทาง และแม้แต่เขตพรมแดนม่านฟ้าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมก็กลายเป็นภาพลวงตา
“ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วเจ้ารู้อันใดบ้าง!?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...