จักรพรรดิจยาเหวินต้องการหลบหลีก แต่ความเร็วของลมปราณกระบี่นั้นเร็วเกินไป!
ชิ้ง!
ลมเย็นพัดผ่านลำคอเขาวูบหนึ่ง!
กึก!
พลันสิ่งที่ห้อยอยู่ตรงคอเขาก็หลุดออก แล้วลอยไปหาหรงซิว!
จักรพรรดิจยาเหวินตกใจ แล้วเอื้อมมือไปจับไว้ทันที แต่ก็พลาดท่าจนได้!
และในขณะที่เขากำลังพุ่งไปหาหรงซิว มังกรเพลิงโลกันต์ก็พุ่งตัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วสะบัดหางมังกรของมัน ฟาดใส่จักรพรรดิจยาเหวินอย่างแรง!
ส่งผลให้จักรพรรดิจยาเหวินที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก โดยหางมังกรนั่นตบลงที่แผ่นหลังเต็มๆ!
ร่างของเขากระเด็นออกไปอย่างควบคุมไม่ได้!
และตอนนี้ สิ่งนั้นก็ตกอยู่ในมือของหรงซิวแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นเพ่งมอง ก่อนจะพบว่ามันคือสร้อยสีดำเส้นหนึ่ง พร้อมอันใดบางอย่างที่ห้อยติดกับมัน…แหวนหรือ?
มันคือแหวนทองสัมฤทธิ์ที่ถูกสลักด้วยอักขระสีดำประหลาดๆ ชวนให้ดูลึกลับชอบกล
หรงซิวหลุบตาลงและเหลือบมองไปที่แหวน แพขนตายาวสีดำเหล่านั้น ปิดบังแววตาของเขาไว้เสียมิด
เขาเม้มริมฝีปากเบาๆ เสริมให้สันกรามของเขานูนเด่นชัดขึ้นมา
สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่นั่นกลับทำให้ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระรัวด้วยความกังวล
“หรงซิว! คืนมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
จักรพรรดิจยาเหวินที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ตวัดตามองหรงซิวทันที
หรงซิวชักสีหน้าเล็กน้อย พลันสะบัดข้อมือ แล้วกระชากแหวนออกมาจากสร้อย
“ถ้าท่านแม่ยังอยู่ ท่านแม่จะยอมคืนมันให้ท่านแน่นอน”
“เจ้า!”
จักรพรรดิจยาเหวินต้องการโต้เถียงสักสองสามคำ แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ลึกล้ำและทะลุทะลวงของหรงซิว เขาก็ไม่สามารถพูดอันใดได้อีก
เพราะหากเขาพูดอันใดออกไป อีกฝ่ายก็จะยิ่งเยาะเย้ยเขามากขึ้นเท่านั้น!
และในขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีอื่น มังกรเพลิงโลกันต์ก็บินโฉบเข้ามาอีกครั้ง!
หนึ่งคนและหนึ่งสัตว์ร้าย จำต้องปะทะกัน!
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิจยาเหวินอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับหกแล้ว และมังกรเพลิงโลกันต์นั้นเป็นสัตว์อสูรระดับเจ็ด ดังนั้นผลการต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่น่าจะเหลื่อมล้ำกันมากเท่าไหร่
แต่ไม่นาน จักรพรรดิจยาเหวินก็เสียเปรียบและเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
และที่สำคัญกว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าพลังดั้งเดิมในร่างกายของเขาจะเริ่มกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง รวมทั้งลมปราณที่ค่อยๆ ลดความรุนแรงลง!
หลังจากนั้น ขอบเขตการทะลวงของเขาก็ค่อยๆ ลดระดับลงทีละนิด!
แต่นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป รอยแผลที่มังกรเพลิงโลกันต์ทิ้งไว้บนร่างกายของเขา ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุด จักรพรรดิจยาเหวินก็แทบสิ้นฤทธิ์! ความสามารถของเขาถดถอยลงไปอยู่ที่ระดับสี่ เป็นที่เรียบร้อย!
โครม!
และสุดท้ายจักรพรรดิจยาเหวินก็ทนไม่ไหว และล้มลงกับพื้นอย่างแรง!
ฝุ่นควันที่เกิดจากการปะทะฟุ้งกระจายไปทั่ว!
เขายกมือกุมหน้าอกและไอโขลกออกมาสองสามครั้ง ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด และลมหายใจที่เริ่มแผ่วเบาลงทีละน้อยราวใกล้สิ้นใจ
ซึ่งหรงซิวแทบไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เขาหมุนตัวแล้วเดินไปหาฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่พลันเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“มังกรเพลิงโลกันต์นั่น…ไม่พอใจจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวยิ้มเบาๆ และพูดอย่างเฉยเมย
“ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสัตว์อสูรตัวโปรดของท่านแม่”
เช่นนี้นี่เอง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างรู้เท่าทัน พลางมองไปที่หรงซิวอย่างระมัดระวัง และแอบถอนหายใจ
นางไม่เคยถามหรงซิวว่าเหตุใดเขาถึงแกล้งป่วย และนางเคยคิดว่าเขาทำเช่นนี้ เพราะต้องการบัลลังก์ แต่กลับคาดไม่ถึงว่า…เป้าหมายคือคนที่ครองบัลลังก์นั่นต่างหาก
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาหลายปี กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาต้องการคือปลิดชีพจักรพรรดิจยาเหวิน!
แต่ในขณะที่นางจะพูดอันใดบางอย่าง จู่ๆ กลับสัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองมาจากด้านข้าง
นางหันไปมองทันที
ก่อนจะเห็นหรงจิ่วที่กำลังมองหรงซิวด้ายสีหน้าซับซ้อน
อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่ การที่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเพียงนี้ เขาย่อมคาดเดาอันใดบางอย่างได้
“น้องเจ็ด ข้าอยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว เจ้าพอจะมีเวลาให้ข้าหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...