ฉู่หลิวเยว่กับเยี่ยเหล่าหันขวับไปมองอย่างพร้อมเพรียง!
ก่อนจะเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา กำลังส่งสายตามองมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย!
ชายคนหนึ่งเดินนำออกมาก่อน
ซึ่งก็คือหรงซิว
ในตอนนี้ใบหน้าที่เย็นชาและสง่างามของเขาดูสงบ และไม่มีอารมณ์อื่นปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อย
แต่สองคู่หูอาจารย์ศิษย์ที่รออยู่ข้างนอก กลับแสดงความเกรงกลัวออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ พวกเขาย่อมไม่กล้าปฏิบัติต่อหรงซิวด้วยทัศนคติแบบเดิมได้อีก
คนทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ
ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะเป็นฝ่ายก้าวออกไป
“เป็นอย่างใดบ้าง องค์ชาย?”
หรงซิวสบสายตาที่ดูกังวลเล็กน้อยของนาง แล้วพลันรู้สึกอบอุ่นในใจ
และความเหนื่อยล้า บวกกับความเหนื่อยหน่ายจากเหตุการณ์ในวันนี้ ก็ดูเหมือนจะมลายหายไปในทันที
ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ก็ยังมีคนคนหนึ่งที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
“กลับบ้านเรากันเถอะ”
หรงซิวเอื้อมมือไปจับมือบาง พลางเอ่ยเสียงเบา
…
มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นในแคว้นเย่าเฉินภายในชั่วข้ามคืน
เหตุการณ์แรกคือหรงจิ่วตั้งตนก่อกบฏยึดเมืองหลวง และยึดอำนาจในวังทั้งหมด
และหลังจากนั้น ก็เป็นเหตุการณ์ขององค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นซิงหลัว อย่างซือถูซิงเฉิน ที่จู่ๆ ก็ดูดกลืนพลังแปลกๆ และทะลวงผ่านขอบเขตนักรบ อีกทั้งยังพยายามฆ่าฉู่หลิวเยว่ แต่ในที่สุดนางก็ถูกจับและถูกสังหาร
ส่วนเหตุการณ์สุดท้ายก็เป็น ฉากที่องค์ชายหลีหวัน หรือหรงซิว ต่อสู้กับจักรพรรดิจยาเหวิน เพื่อทวงคืนสมบัติของมารดาผู้ให้กำเนิดเขา และเอาชนะผู้เป็นบิดาได้ด้วยกระบี่เล่มเดียว!
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ และข่าวนั้นก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
และไม่มีคนออกมาแก้ข่าวเลยสักคน
เนื่องด้วยความจริงที่ว่าเกิดความโกลาหลขึ้นใหญ่โตเพียงนี้ จะให้เสแสร้งแกล้งทำว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น ก็คงจะดูเพ้อฝันเกินไปหน่อย
อีกทั้งศึกในครั้งนี้ยังเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์ด้วย และตัวแทนขุนนางจากตระกูลใหญ่ๆ ต่างก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยตาตนเองแล้ว อย่างใดเสีย พวกเขาก็ต้องแจ้งให้สมาชิกในตระกูลทราบแน่นอน เพื่อจะได้รู้ว่า พวกเขาควรจะรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตต่อไปอย่างใด
เป็นสาเหตุให้ประชาชนทุกคนในเมืองหลวง ล้วนพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่พักหนึ่ง
และไม่นานข่าวคราวความเคลื่อนไหวล่าสุดก็มาถึง
ซึ่งได้ความว่า องค์ชายสามอย่างหรงจิ่วจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ส่วนองค์ชายหลีหวันนั้นเลือกที่จะกลับไปยังหมิงเยว่เทียนซาน
และสำหรับอดีตจักรพรรดิอย่างจักรพรรดิจยาเหวินนั้น เขาถูกส่งไปใช้ช่วงชีวิตในบั้นปลายสุดท้ายที่ตำหนักเฉิงเย่ จวบจนชีวิตจะหาไม่
ทว่ามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้
เพราะหลังจากที่ทุกคนรู้แล้วว่า หรงซิวไม่ได้ป่วย
และตรงกันข้าม เขากลับมีทักษะในการฝึกตนที่สูงมาก และความแข็งแกร่งของเขา ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน!
ก่อนหน้านี้หลายๆ คน จึงคาดการณ์ว่าเขาและหรงจิ่ว คงต้องต่อสู้กันเพื่อชิงบัลลังก์เป็นแน่
แต่กลับผิดคาด เมื่อหรงซิวทิ้งบัลลังก์ และเลือกกลับไปใช้ชีวิตที่หมิงเยว่เทียนซานแทน
ส่วนจักรพรรดิจยาเหวินนั้น…
ถูกขับไล่ลงจากบังลังก์ขนาดนั้น คงไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว
ทว่าในทางกลับกัน หลังจากที่ซือถูซิงเฉินเสียชีวิต คนฝั่งแคว้นเย่าเฉินกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด ราวกับว่าพวกเขายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
…
ณ ป่าไผ่ที่ล้อมรอบตำหนักขององค์ชายหลีหวัน
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวนั่งตรงข้ามกัน โดยมีกระดานหมากรุกตั้งอยู่ตรงกลาง
ท่ามกลางสายลมอ่อนๆ ที่พัดโชยมา และใบไผ่ที่ส่งเสียงกรอบแกรบ
หรงซิววางตัวหมากรุกในมือลง
“เยว่เอ๋อ เจ้าคิดว่าข้าไร้มนุษยธรรมหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นและถามด้วยความประหลาดใจ
“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น?”
หรงซิวหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่พลันเข้าใจอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
นี่เขากำลังพูดถึงจักรพรรดิจยาเหวินอยู่สินะ?
“การที่องค์ชายทำเช่นนี้ แสดงว่าท่านย่อมมีปัญหาและเหตุผลของท่าน” ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ “ซึ่งตราบใดที่ท่านคิดว่ามันถูกต้อง เช่นนั้นมันย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพคะ”
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย และทันใดนั้น เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง พลางเอ่ยถามติดตลกว่า
“เยว่เอ๋อหมายความว่า ไม่ว่าข้าจะทำอันใด เจ้าก็จะอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดใช่หรือไม่?”
เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟังดูเกียจคร้าน แต่กลับมีรอยยิ้มสบายๆ ปรากฏอยู่ที่มุมปากของเขา
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเข้าไปในดวงตาลึกซึ้งของเขาและพูดอย่างหนักแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...