มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันนะ? คนที่เจ้าต้องการตามหาก็ชื่อนี้ด้วยหรือ?”
เชียงหว่านโจวส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้จักชื่อนาง นางให้ข้าเรียกว่าเยว่ ข้าจึงรู้จักแค่ชื่อนี้”
มือของฉู่หลิวเยว่กุมใบหน้าของตัวเองไว้ ตอนนี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างลึกซึ้ง
คาดไม่ถึงว่าจะชื่อตรงกับนางพอดี…
นางถามอย่างหยั่งเชิงอีกครั้งว่า
“นางเป็นคนซีหลิงหรือ?”
เชียงหว่านโจวพยักหน้า
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
คนคนนั้นคงไม่ได้โกหกหรอกใช่หรือไม่…
หลังจากที่นางเกิดเมื่อชาติที่แล้ว เสด็จพ่อของนางก็ตั้งชื่อให้นางว่า “เยว่”
หลังจากได้รับการแต่งตั้ง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ทั้งเมืองซีหลิงจึงไม่มีใครใช้ชื่อนี้อีกเลย
คนที่เกิดหลังจากนั้นก็ต้องหลบเลี่ยงไม่ใช่ชื่อนี้ ส่วนคนที่เคยใช้ชื่อนี้อยู่แล้วให้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นแทน
คนคนนั้นบอกว่าตนเองเป็นคนซีหลิง แล้วยังบอกว่าชื่อว่า “เยว่” ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง หรือว่า…แต่งขึ้น
หากเป็นรุ่นแรกๆ คงไม่เป็นไร หากเชียงหว่านโจวเจอคนนั้น เขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าเป็นระยะหลัง…ความหวังของเชียงหว่านโจวก็คงเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ แล้ว เกรงว่าชาตินี้เชียงหว่านโจวก็คงไม่สามารถหาคนคนนั้นเจอได้แล้ว
“นาง…ดีกับเจ้ามากหรือไม่?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
เชียงหว่านโจวมองนางด้วยสายตาแปลกๆ
“แน่นอน ชื่อของข้า นางก็เป็นคนตั้งให้”
เมื่อเห็นสีหน้าหนักแน่นปราศจากความลังเล ฉู่หลิวเยว่ก็กลืนคำพูดลงคอไปทั้งหมด
หากพูดกับเรื่องนี้ในตอนนี้ เขาจะต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน และอาจจะทำให้เขาโกรธนางด้วย
เช่นนั้นรอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน หลังจากเขารู้เรื่องมากขึ้นแล้ว ค่อยบอกเขาอีกทีก็ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ละทิ้งความคิดที่อยู่ในใจทั้งหมดลง แล้วยิ้มขึ้นพร้อมพูดว่า
“ชื่อของเจ้าเพราะมากจริงๆ”
เชียงหว่านโจวหันหน้าออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า
“แน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขา จากนั้นก็เห็นว่าใบหูของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย
นางกลั้นยิ้ม จากนั้นก็เบนสายตากลับไปดูการแข่งขันในสนาม
การแข่งขันส่วนใหญ่ก็จบลงแล้ว เหลือเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
แต่บรรยากาศในสนามก็ยังดุเดือดเช่นเดิม
หลังจากนั้นไม่นานฉู่หลิวเยว่ก็นึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ จึงหันไปมองเชียงหว่านโจว
“จริงสิ หลังจากการแข่งขันแล้ว เจ้าอย่าไปกัดใครซี้ซั้วนะ”
ปราณที่อยู่รอบตัวของเชียงหว่านโจวก็เย็นลงทันที
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าป่าเถื่อนหรือ?”
คำพูดเช่นนี้ ช่วงนี้เขาได้ยินมาหลายครั้งแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ดีดหน้าผากของเขาเบาๆ
“คิดอันใดอยู่น่ะ? ข้ากลัวว่าเลือดพวกนั้นจะทำให้เจ้าสกปรกต่างหาก! สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ใช้เชื้อเพลิงลูกเดียวแล้วสามารถแก้ไขได้เสียเมื่อไหร่ ถ้าอยากมีชีวิตยืนยาว ก็เชื่อฟังข้าดีๆ ซะ”
เชียงหว่านโจวคิดไม่ถึงว่านางจะหมายความเช่นนี้ ความโหดร้ายที่เขากำลังจะแสดงออกไปกลับเหลือเพียงความกระดากอาย
“ถ้าดูตามฝีมือของเจ้า เจ้าสามารถชนะคนได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหตุใดต้องใช้พลังเกินตัวด้วย?”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่มีความรังเกียจขึ้นมา
“ต้องสู้กับคนที่ด้อยกว่า เจ้าก็รำคาญไม่ใช่หรือ?”
เชียงหว่านโจวอ้าปากพะงาบๆ แล้วก้มหน้าลงด้วยความสิ้นหวัง
“แต่ว่า…ข้าต้องการเลือดของพวกเขา…”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ
เหมือนว่าเด็กคนนี้จะไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตนเองเลยสักนิดเดียว
นางพูดเสียงเบา
“แม้ว่าปราณเย็นในร่างกายของเจ้าจะสามารถใช้เลือดของผู้บำเพ็ญเพียรระงับได้ แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าในระยะยาว มันจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ ต่อจากนี้ไปห้ามทำแบบนี้แล้วนะ เข้าใจหรือไม่?”
เชียงหว่านโจวมองสีหน้าที่จริงจังของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นเขาก็พยักหน้าโดยรู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมีลูก…
เป๋ง!
ทันใดนั้นเองเสียงระฆังที่อยู่ห่างออกไปก็ดังขึ้น และดังก้องไปทั่วทั้งสนาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...