“ข้ากับเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้เป็นอันใดกัน”
ฉู่หลิวเยว่ตอบอย่างตรงไปตรงมา
แต่หนิงเจียวเจียวกลับไม่ค่อยเชื่อ นางหัวเราะแล้วพูดว่า
“หา? เป็นไปได้อย่างใด? คุณชายเจี่ยนไม่ได้เป็นคนเชิญคุณหนูฉู่ให้มาเข้าร่วมงานหมื่นทูรนี้หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองหน้านางอีกครั้ง
ที่แท้หนิงเจียวเจียวก็สืบมาก่อนอยู่แล้ว แต่ตั้งใจที่จะถามนางขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าการตรวจสอบของนางยังไม่รอบคอบพอ เพราะคนที่มีความสัมพันธ์นี้กับนางจริงๆ คือมู่ชิงเห่อต่างหาก
แต่นางไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
“ดังนั้น…”
“คุณชายเจี่ยนมีนิสัยรักอิสระ น้อยครั้งมากที่เขาจะยอมทำเช่นนี้…แต่สำหรับคุณหนูฉู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาชื่นชมเจ้าด้วยความจริงใจ”
หนิงเจียวเจียวพูดขึ้น สีหน้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่น้ำเสียงยังแทรกด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมา
…นี่หนิงเจียวเจียวกำลังหึงอยู่หรือ?
นางคิดอันใดอยู่กันแน่? คาดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องแค่นี้ก็ยังเก็บมาหึงหวงได้?
เจี่ยนเฟิงฉือเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ตั้งหลายปี ชื่นชมบุปผางามก็ตั้งมากมาย หากนางจะหึง นางก็น่าจะหึงไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?
“คุณหนูหนิงเข้าใจผิดแล้ว ระหว่างข้ากับคุณชายเจี่ยนนั้นไม่มีอันใดกันเลยจริงๆ เขาแค่รับผิดชอบพาข้ามาที่ซีหลิงเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ดังนั้นก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้พูดอันใดอีก แต่หมุนตัวแล้วเดินออกไปทันที
“เอ๋…”
หนิงเจียวเจียวตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้ชะงักฝีเท้า หลังจากนั้นไม่นานก็เดินห่างออกไป
เมื่อมองแผ่นหลังที่งดงามและสง่าของนางแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงเจียวเจียวก็หายไป
ไม่ได้เป็นอันใดกัน?
นางไม่เชื่อหรอก!
ก่อนหน้านี้นางถามท่านพ่อมาแล้ว ว่าคนที่ส่งคนเข้ามาประลองนั้น ไม่มีชื่อของเจี่ยนเฟิงฉืออยู่
แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะพาฉู่หลิวเยว่กลับมา อีกทั้งยังให้นางเข้าร่วมงานหมื่นทูรอีกด้วย!
นับหมายความว่าเขากำลังให้โอกาสฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ใช่หรือไม่?
คนที่อยู่นอกพรมแดนม่านฟ้า มีใครบ้างที่ไม่อยากข้ามมา มีใครบ้างที่ไม่อยากมีตัวตนอยู่ในซีหลิง?
ฉู่หลิวเยว่คนนี้ ไม่รู้ว่านางใช้วิธีอันใดกันแน่ ถึงสามารถทำให้เจี่ยนเฟิงฉือยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้!
ครั้งนี้นางจะต้องสั่งสอนฉู่หลิวเยว่ให้รู้เสียบ้าง!
…
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
บนศีรษะของนาง ใบหน้าของนาง มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก่อนที่มันจะหยดลงพื้น มันก็แห้งจนระเหยไปก่อน
หลังจากที่เดินมาระยะหนึ่งแล้ว ในที่สุดนางก็เรียกเปลวไฟในตัวของนางออกมา
ทันใดนั้นเปลวไฟสีชาดก็ปรากฏออกมาห่อหุ้มร่างกายของนางทันที!
อุณหภูมิที่พุ่งสูงก็ถูกแยกชั้นออก ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ทันใดนั้นนางก็ค้นพบเรื่องที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ…ปราณฟ้าดินที่อยู่โดยรอบไหลเข้ามาในร่างกายของนางเร็วขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว
ในใจของนางมีเสียงตึกตักดังขึ้น นางถึงได้รู้สึกว่าเปลวไฟที่อยู่ภายในร่างกายของนางนั้นดูดซับพลังพวกนั้นเข้ามาด้วยตนเอง
ตอนนั้นเองนางก็ก้มลงมองเถียนตันของตนเอง จากนั้นก็พบว่าไข่มุกธาราเม็ดนั้นกำลังเริ่มหมุนวนอย่างช้าๆ!
พลังเหล่านั้นก็ไหลเข้ามาด้านใน และถูกดูดซับอย่างรวดเร็ว!
แต่สิ่งทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกดีใจมากก็คือ เมื่อพลังเหล่านั้นสัมผัสลงที่ไข่มุกธาราแล้ว ก็เหมือนแค่หยดน้ำกระทบทะเล จากนั้นมันค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ
พลังที่ถูกดูดกลืนเข้ามาโคจรผ่านเส้นเลือดของนาง สุดท้ายก็ไปรวมตัวภายในไข่มุกธาราเม็ดนั้น
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ส่วนหนึ่งก็เหมือนเอาเหล็กที่โดนความร้อนจุ่มน้ำ ทำให้ชีพจรของนางเย็นลงได้ อีกส่วนหนึ่งก็ไม่ต้องกลัวว่าร่างกายของนางจะรับพลังเหล่านี้ไม่ไหว แล้วเกิดเหตุการณ์แบบผู้ชายคนนั้น
ฉู่หลิวเยว่เก็บเปลวไฟที่อยู่รอบกายของตนเองเข้ามา
ความเร็วของการดูดซับปราณฟ้าดินในร่างกายของนางก็เริ่มช้าลง แต่อาจจะเป็นเพราะว่าหลังจากที่เขาไปในร่างกายแล้ว ความเร็วจึงเพิ่มขึ้น
ฉู่หลิวเยว่มีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็เดินต่อไปท่ามกลางแสงอาทิตย์แผดเผา
…
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ นางก็สัมผัสได้ว่ามีระลอกคลื่นแปลกประหลาดโผล่มาจากที่ไกลๆ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง ตรงที่ปลายท้องฟ้าและพื้นดินมาบรรจบกัน มีกระบี่ยักษ์สีดำเล่มหนึ่ง!
กระบี่เล่มนั้นเหมือนว่ากำลังหล่นมาจากฟากฟ้า และร่วงมากระแทกพื้นอย่างแรง!
แรงกดดันศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายออกมาจากด้านบนอย่างกว้างขวาง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...