เยี่ยนชิง?
มู่ชิงเห่อจำได้ว่าเขาคือคนของหรงซิว
คำเรียก “องค์ชาย” จากปากของเขา คงเป็นหรงซิว
แต่ว่าเขามาซีหลิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ในใจมู่ชิงเห่อเปี่ยมไปด้วยความฉงน แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เคหาสน์หลังไม่ใหญ่ ก้าวผ่านลานหน้าบ้าน เดินไปตามระเบียงรับลม ก็มาถึงหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง
เยี่ยนชิงผลักประตูให้เปิดออก เชิญให้เขาเข้าไปข้างใน
“รองแม่ทัพมู่ เชิญ…”
มู่ชิงเห่อไสเท้าก้าวเข้าไปในห้อง
ภายในห้องนั้นอุ่นสบายอย่างมาก มีกลิ่นยาแผ่วจางลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
หรงซิวนั่งอยู่ข้างเตาสัมฤทธิ์เลี่ยมทอง บนกายสวมเสื้อคลุมสีขาว ดูราวกับหิมะที่ตกหนักอยู่ด้านนอก
“องค์ชาย รองแม่ทัพมู่มาถึงแล้วขอรับ”
เยี่ยนชิงเอ่ยพลางคำนับ
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมามอง
ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่ง รูปลักษณ์สูงส่งเลอค่าดั่งมนต์ปีศาจ ยิ่งทำให้ใบหน้างดงามเด่นสะดุดตามากกว่าเก่า
กระทั่งมู่ชิงเห่อก็ต้องยอมรับอยู่ในใจ ใบหน้าชวนลุ่มหลงเช่นนี้ของหรงซิวช่างพบเจอได้ยากเสียจริง
หรงซิวยกมุมปากคลี่รอยยิ้มบาง
“ยินดีต้อนรับรองแม่ทัพมู่สู่บ้านของข้า ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปรับท่านด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
หางคิ้วของมู่ชิงเห่อยกขึ้นช้าๆ
หรงซิวพูดเช่นนี้ เหตุใดจึงทำอย่างกับว่าจวนหลังนี้เป็นอาณาเขตของเขาไปได้เล่า?
นี่มิใช่จวนที่อวี้ฉือซงมอบให้ฉู่หลิวเยว่หรอกหรือ?
“ไม่พบกันเสียนานทีเดียว หลีหวัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้หรอก”
มู่ชิงเห่อเอ่ยพลางเดินไปนั่งด้านข้าง กวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเงียบเชียบรอบหนึ่ง
ที่แห่งนี้ดูไปแล้วมิได้มีการเปลี่ยนแปลงอันใดมากมายนัก เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วก็มิได้ต่างกันมาก
เพียงแต่ว่าของส่วนมาก…เห็นได้ชัดว่าเป็นของของหรงซิว
นี่ชัดเจนอย่างยิ่ง หรงซิวพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นแน่แท้
“ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าหลีหวันอยู่ที่เย่าเฉินหรือ? ท่านมาถึงซีหลิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?” มู่ชิงเหอไม่อ้อมค้อม “อีกอย่าง ถ้าหากว่าข้าจำไม่ผิด จวนหลังนี้…คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ้าสำนักซงชูเก๋อมอบให้ฉู่หลิวเยว่ ไม่ทราบว่าเหตุใดวันนี้ท่านจึงมาพักอยู่ที่นี่ได้?”
หรงซิวหัวเราะแผ่วเบา
“พอดีว่าข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ เมื่อเดินทางผ่านที่นี่ คิดได้ว่าเยว่เอ๋อร์พักอยู่ที่นี่ จึงมาพบนางเสียหน่อย ระยะนี้นางไม่อยู่ในเมือง ครานี้จึงให้ข้ายืมใช้จวนหลังนี้”
ว่ากันตามจริงคนทั้งสองก็เป็นคู่หมั้นกัน ทำเช่นนี้ก็หาได้มีอันใดผิดแปลก
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
มู่ชิงเห่อผงกศีรษะ แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ไม่ทราบว่าหลีหวันต้องการทำธุระเรื่องอันใด จึงต้องเดินทางผ่านเมืองที่ห่างไกลจากเย่าเฉินหลายหมื่นลี้อย่างซีหลิง?”
ความจริงแล้ว ระยะทางไกลยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมืองซีหลิงนั้นอยู่ในพรมแดนม่านฟ้า ถ้าหากหรงซิวต้องการจะเข้ามาจากด้านนอก ต้องใช้เงินและเวลามากน่าดู
“ข้าขอพูดตามตรงกับรองแม่ทัพมู่ ตัวข้าออกเดินทางครานี้ ก็เพราะกายเนื้อร่างนี้ ผู้อาวุโสจากหมิงเยว่เทียนซานได้หาตัวเซียนหมอผู้หนึ่งให้แก่ข้า บอกว่าเซียนหมอผู้นั้นอาจจะสามารถกำจัดต้นตอของโรคของข้าได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งโรคเก่าข้าอาการกำเริบ ครั้งนี้มาพักอาศัยที่นี่ คิดจะพักรักษาตัวสักพักหนึ่ง”
หรงซิวเอ่ยพลางเอากำปั้นแนบริมฝีปากไอสองที ใบหน้าของเขาซีดขาวยิ่ง
ดูไปแล้ว คงเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
มู่ชิงเห่อคิดทบทวนคำพูดของเขาสองรอบก็ไม่เห็นถึงปัญหาอันใด
ภายในพรมแดนม่านฟ้ามีผู้คนที่เก่งกล้ามากมาย ระดับและความสามารถของเซียนหมอย่อมสูงมากเช่นกัน
หรงซิวเข้ามาภายในพรมแดนม่านฟ้าเพื่อหาหมอจ่ายยา แท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติ
“ระยะนี้ฉู่หลิวเยว่อาศัยอยู่ในเมืองซีหลิงรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงโด่งดัง หลีหวันย่อมเคยได้ยินข่าวทั้งหมดแล้ว?”
ตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่นามกระฉ่อน ภายในเมืองซีหลิง ผู้คนทั้งหมดรวมลูกเล็กเด็กแดงล้วนไม่มีใครไม่รู้จัก
หรงซิวรอยยิ้มลึกล้ำ เปลือกตาหางคิ้วล้วนแย้มคลายออก ภายในนัยน์ตาปรากฏความอ่อนโยนเบาบาง
“ตลอดมานี้ นางดีที่สุด”
น้ำเสียงนั้นสงบนิ่ง ทว่าที่เห็นได้ชัดคือ น้ำเสียงกลับปกปิดความภาคภูมิใจและความหลงใหลไม่มิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...