คราแรกฉู่หลิวเยว่คิดว่าตัวเองหูเพี้ยน
“ว่าอย่างใดนะ?”
เจียงอวี่เฉิงจึงเน้นเสียงชัดเจนกว่าเดิม
“ข้าบอกว่า ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า”
มันไม่ใช่แค่ความคิด ไม่ใช่คำขอ หากแต่เป็น ต้องแต่งให้ได้เท่านั้น!
แต่การพูดของเขานั้นเหมือนว่าเขากำลังสั่งนางเสียมากกว่า
ทว่ามันก็ดูสมเหตุสมผล เพราะตอนนี้เขากำลังจริงจังอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่ถลึงตามองเขาอยู่แบบนั้น
ท่าทางของเขาดูจริงจังมาก สายตาคู่นั่นแน่วแน่ไร้ซึ่งแววหยอกล้อ
เรื่องนี้มันช่างเหลือเชื่อ แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ยังอึ้งจนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง และคิดว่าเจียงอวี่เฉิงคงเสียสติไปแล้ว
“คุณชายใหญ่เจียง เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกกล้ำกลืนสุดๆ
สมองของเจียงอวี่เฉิงจักต้องบกพร่องทางใดทางหนึ่งแน่ๆ ที่เชิญนางมายังสถานที่แบบนี้ในคืนก่อนวันอภิเษกสมรส แถมยังขอนางแต่งงานอีก!?
“ข้ารู้ดีว่าข้ากำลังทำอันใด”
เจียงอวี่เฉิงจับปฏิกิริยาของฉู่หลิวเยว่ได้ และเอ่ยโพล่งออกไปทันที
“สองวันมานี้ข้าคิดทบทวนหลายครั้งต่อหลายครา แต่สุดท้าย หัวใจของข้าก็เลือกเช่นนี้”
ความจริงแล้ว การที่เขาเลือกทำเช่นนี้นั้น ไม่ง่ายเอาเสียเลย
เจียงอวี่เฉิงรู้ดีกว่าใครว่าตอนนี้เขาควรทำอันใด และไม่ควรทำอันใด
และเขารู้ดีว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอฉู่หลิวเยว่ที่งานหมื่นทูร เขาก็แอบมีใจให้นางตั้งแต่เห็นรอยยิ้มของนางแล้ว
หลังจากนั้นมา เขาก็พยายามยับยั้งหักห้ามใจตัวเอง และพยายามกำจัดความคิดเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่เหล่านี้ออกไปจากสมอง
เดิมทีเขาคิดว่าหากไม่ได้เจอกัน ไม่ได้พูดกัน ไม่นานเขาคงค่อยๆ ลืมนางได้เอง
แต่มันกลับยากกว่าที่เขาคิด
และการที่นางช่วยเหลือเขาไว้ในป่าหมอกมายา มันก็ทำให้เขากลับมาใจเต้นกับนางอีกครั้ง
ซึ่งท้ายที่สุด ผลจากการที่เขาได้เจอนางเมื่อสองสามวันก่อน ก็กลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้
ในขณะนั้น เขาแทบแยกไม่ออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ ซั่งกวนเยว่ หรือ ฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่คล้ายนางมาก แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันหลายจุดเช่นกัน
และเขารับรู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้มาโดยตลอด
ทว่าหลังจากสบตาคู่นั้น ก็มีความคิดบ้าๆ ปรากฏขึ้นในใจเขา
…ถ้าแยกไม่ออก ก็ช่างมันประไร!
มันไม่สำคัญว่านางจะเป็นซั่งกวนเยว่ หรือฉู่หลิวเยว่ ขอเพียงมีคนคนนี้อยู่ในครรลองสายตาของเขาก็พอแล้ว
คนผู้นั้นตายไปแล้ว ทั้งดวงวิญญาณและจิตวิญญาณของนางจากไปแล้ว และจะไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีกตลอดชีวิตของเขา
ครั้งหนึ่งเขาเคยวางแผนที่จะฝังอดีตเหล่านั้นทั้งหมด และไม่พูดถึงมันอีก
แต่หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ปรากฏตัว จู่ๆ เขากลับรู้สึกเหมือนว่าช่องว่างในใจ ได้รับการเติบเต็มแล้ว
หวนอ้วน เยี่ยนผอม[1] ตัวเขานั้นได้เห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน
แต่หลายปีมานี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้
คนที่หนึ่งคือ ซั่งกวนเยว่
ส่วนอีกคนก็คือ ฉู่หลิวเยว่
แต่โชคดีที่ฉู่หลิวเยว่มาจากตระกูลที่ต่ำต้อย ไม่ได้สูงส่งดั่งนางฟ้านางสวรรค์ที่เขามิอาจเอื้อม เฉกเช่นคนอื่นๆ
“ขอแค่เจ้าเลือกข้า ไม่ว่าเจ้าต้องการอันใด ข้าจะหามาให้ทุกอย่าง”
เจียงอวี่เฉิงกล่าวเสียงขึงขัง
นี่ไม่ใช่คำสัญญาเพียงลมปาก หากแต่เป็นสัญญาที่จักตามมาด้วยการกระทำแน่นอน
อ้างอิงจากสถานะของเขา เขาย่อมมั่นใจในสิ่งที่พูดไปอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของเจียงอวี่เฉิงที่อยู่ตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับหัวเราะเยาะด้วยความฉุนเฉียว
“นี่ องค์ชายใหญ่เจียง ข้าเกรงว่าท่านคงจะลืมอันใดบางอย่างไป เช่นนั้นข้าขอเตือนความจำท่านเสียก็แล้วกัน”
“ข้อแรก พรุ่งนี้ท่านกำลังจะอภิเษกสมรสกับองค์หญิงสาม แต่การที่ท่านทำเช่นนี้ ท่านเอาองค์หญิงสามไปไว้ที่ไหน? ข้อสอง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้สถานะของท่านจะเปลี่ยนไปแล้ว ท่านจะกลายเป็นพระสวามีขององค์หญิงสาม และก็เป็นสามีที่ต้องอยู่ใต้อาณัติของนางตลอดชีวิต ข้าคงไม่ต้องสอนท่านสะกดคำว่า “ซื่อสัตย์” หรอก ใช่หรือไม่? และข้อสุดท้าย ดูเหมือนท่านจะไม่ได้ถามความเห็นของข้าเลยสักนิด แต่ท่านกลับพูดออกมาโต้งๆ เช่นนี้ ไม่คิดว่ามันจะดูบังคับกันเกินไปหน่อยหรือไร?”
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงสดยกโค้งขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...