นางหลุบตาลง เพื่อปิดบังอารมณ์ในแววตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ดวงตาของนางกระจ่างใสราวกับหินเฮยเย่าโดนน้ำ
นางยอบกายทำความเคารพพร้อมเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ขอบพระคุณมากเพคะ…ฝ่าบาท”
ซั่งกวนโหยวมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง ไม่รู้เหตุใดภายในใจของเขาถึงรู้สึกถึงระลอกคลื่นที่สาดซัด
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขายังสลบไสลอยู่นั้น เขาเคยได้ยินเสียงนางมาก่อนแล้ว
ในตอนนั้นคิดว่านางเป็นเพียงหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด เด็ดขาด มีไหวพริบ แต่ทว่าฐานะกลับไม่สูงส่ง แต่ด้วยเงื่อนไขหลายๆ อย่าง ทำให้นางสามารถโต้ตอบจากการบังคับของซั่งกวนหว่านได้ พร้อมเปลี่ยนข้อเสียเปรียบให้เป็นข้อได้เปรียบ
พอมาเห็นในวันนี้ จึงได้รู้ว่านางหน้าตาเช่นนี้นี่เอง
ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เขาครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอนางมาก่อนอย่างแน่นอน
เวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา เขานอนอยู่บนเตียงแทบจะตลอดเวลา อยู่ภายในตำหนักชิงเฟิง ไม่รู้วันไม่รู้คืน
แม้กระทั่งคนอื่นๆ ที่อยู่ในวังเขาก็ได้เจอด้วยน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงฉู่หลิวเยว่ที่เป็นคนมาจากนอกพรมแดนม่านฟ้าเลย
แต่อาจจะเป็นเพราะคิ้วและดวงตาของนางนั้น เหมือนกับเยว่เอ๋อมากเกินไปละมั้ง…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซั่งกวนโหยวก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา สายตาที่มองไปยังฉู่หลิวเยว่ก็ยังอ่อนโยนขึ้นมาหลายส่วนอีกด้วย
“เจ้าลำบากเพื่อเยว่เอ๋อขนาดนี้ ข้าต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเจ้าสิถึงจะถูกต้อง หากไม่ใช่เพราะวันนี้เจ้าพูดเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องราวในอดีตใหม่อีกครั้ง เกรงว่าอาจจะต้องมีคนจำนวนมาก ที่สามารถเสวยสุขได้ต่อไปอีกสักระยะ”
เมื่อคำพูดประโยคหลังดังขึ้น น้ำเสียงของซั่งกวนโหยวก็ดูจะเย็นชาขึ้นอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตำหนิอย่างรุนแรง แต่น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนี้ กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันของจักรพรรดิ จนเกือบจะทำให้คนหายใจไม่ออกแล้ว!
ผู้คนที่อยู่ในตำหนักหลางคุนนั้นก็เงียบเสียงลงโดยพร้อมกันทันที เงียบกริบราวกับจักจั่นหน้าหนาว
“อวี่เหวิน เอาจดหมายฉบับนั้นมาให้ข้าดู”
เมื่ออวี่เหวินเว่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบรับทันที พร้อมก้าวขึ้นมาทำความเคารพ ก่อนจะส่งจดหมายลับฉบับนั้นด้วยสองมือ
ซั่งกวนโหยวเปิดจดหมายฉบับนั้นออกมา พร้อมดูอย่างละเอียด
ซย่าโหวหรงปล่อยแขนห้อยลง หน้าผากมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เลือดทั่วทั้งร่างกายเดือดพล่าน ราวกับว่าหูอื้อและกำลังจะแตก!
หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปหมด!
เวลาที่ผ่านไปแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่เขารู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นปี ทำให้เขารู้สึกทรมานอย่างมาก!
ในที่สุดบรรยากาศเช่นนี้ก็ทำให้เขาเกือบจะหายใจไม่ออก จนในที่สุดซั่งกวนโหยวก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้าไม่เคยเขียนจดหมายฉบับนี้มาก่อน”
คำพูดที่ราบเรียบ แต่กลับทำให้หัวใจของทุกคนเต้นกระหน่ำอย่างบ้างคลั่ง!
เขาไม่เคยเขียนมันมาก่อน! เช่นนั้นก็หมายความว่าจดหมายฉบับนี้ มีคนอื่นที่ปลอมแปลงขึ้นมาจริงๆ
ไม่มีเสียงตอบรับ
อากาศเย็นยะเยียบขึ้นราวกับถูกแช่แข็ง!
ซั่งกวนโหยวมองไปทางซย่าโหวหรง
“วันที่ที่อยู่ในจดหมายฉบับนี้คือ วันที่สาม เดือนกรกฎาคม ในวันนั้น ในวันนั้นข้าได้ปรึกษากิจการต่างๆ กับใต้เท้าซย่าโหวที่ห้องทรงอักษร แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกง่วงมาก ดังนั้นจึงให้ใต้เท้าซย่าโหวกลับไปก่อน จากนั้นข้าก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องเล็กด้านข้าง เมื่อตื่นขึ้นมา…ก็เป็นวันนี้แล้ว”
ท่ามกลางฝูงชนก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้น
ไม่ใช่ว่าเพราะฝ่าบาทเศร้าเสียใจกับการตายขององค์หญิงใหญ่หรอกหรือ จึงทำให้พระองค์ประชวรหนัก ไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้?
แต่เมื่อฟังจากคำพูดของฝ่าบาทนั้น หมายความว่าเขาสลบไสลไปตั้งแต่วันที่สามเดือนกรกฎาคมแล้วหรือ?
ต้องบอกก่อนว่า วันที่องค์หญิงใหญ่สวรรคตนั้นคือวันที่สิบเดือนกรกฎาคม!
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ยังมีใครดูไม่ออกอีกบ้างว่ามันมีปัญหาที่ยิ่งใหญ่แล้ว!
นั้นหมายความว่ามีคนลงมือจัดการฝ่าบาท ทำให้พระองค์สลบไสลไม่ฟื้นคืน ในขณะเดียวกันก็เขียนราชกฤษฎีกาขึ้นมา ส่งสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ออกจากซีหลิง พร้อมฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารองค์หญิงใหญ่!
ใครเป็นคนทำเรื่องเช่นนี้นั้น ไม่จำเป็นต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้แล้ว!
นอกเสียจากซย่าโหวหรงที่อยู่บริเวณนั้น แล้วยังจะมีใครได้อีก?!
“ใต้เท้าซย่าโหวดูเหมือนว่าวันนั้นท่านไม่ได้ออกไปจากห้องทรงอักษรสินะ แต่กลับใช้กระทำการไปต่างๆ นานาเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...