ฉู่หลิวเยว่ผู้ซึ่งกำลังทำภารกิจอยู่ในวังยามนี้ ยังไม่ทราบข่าวเรื่องที่หรงซิวนั้นได้มาถึงซีหลิงแล้ว
หลังจากเอาอกเอาใจท่านพ่อของตนเสร็จ นางก็เปลี่ยนทิศมุ่งหน้าไปยังตำหนักฮวาหยางทันที
ตำหนักฮวาหยางที่เคยพลุกพล่านและจอแจ ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา นอกจากกองทหารม้าทมิฬที่เฝ้าตรวจการอยู่ภายในและภายนอกตำหนักแล้ว ก็ไม่มีข้าราชบริพารคนใดหลงเหลืออยู่เลยสักคน
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ กระทั่งก้าวเข้าไปในห้องโถงหลักของตำหนักฮวาหยาง
ทว่าหลังจากเข้าไปในห้องแล้ว กลับพลันมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมา!
สภาพห้องทั้งรกและสกปรกไปทั่วทุกอนู
กองขยะที่สูงราวภูเขานั้นปิดบังทัศนียภาพของท้องพระโรง จนแทบจะมองไม่เห็นใครบางคนที่อยู่ตรงนั้น
นั่นคือซั่งกวนหว่าน!
บนกายของนางเต็มไปแผลฝีหนองที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่มีใครเข้ามาดูแลทำความสะอาดแผลให้นาง
แต่ในทุกๆ วัน ชีหานจะเวียนเข้ามาป้อนยาให้นาง เพื่อยื้อชีวิตนางไว้
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้นางไม่ตายและไม่ตกอยู่ในสภาวะสมองดับไร้การตอบสนอง แต่มันจะทำให้นางได้รับรู้ถึงความทรมานทั้งๆ ที่ยังมีสติต่างหาก
และจักเป็นเช่นนั้นทุกวันคืนไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ซั่งกวนหว่านก็นึกว่าชีหานมาแล้ว และยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง
อย่างใดเสีย นางก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะโต้ตอบ และทำได้เพียงทนมีชีวิตที่เจ็บปวดราวตายทั้งเป็นเช่นนี้ไปวันๆ
หลังจากทนทุกข์ทรมานมาหลายวัน นางก็ไม่ได้ขบคิดแผนการใดๆ อีกต่อไป ตอนนี้นางคิดแค่หากวันหนึ่งโชคเข้าข้าง ก็ขอให้ตนนั้นตายๆ ไปเสียให้หมดเรื่อง
“สภาพของเจ้าดูไม่เลวเลยนะ”
พลันมีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
ซั่งกวนหว่านชะงักแล้วเงยหน้ามองทันที ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาคือ ฉู่หลิวเยว่!
วันนี้อีกฝ่ายสวมชุดสีขาวเรียบๆ ทว่าสง่างาม ปอยผมสีดำนุ่มเสมือนปุยเมฆทิ้งตัวห้อยลงมาระไปตามไหล่ ส่วนบนศีรษะมีเพียงปิ่นปักผมรูปดอกไม้ปักมวยไว้เท่านั้น
เพียงมองแวบเดียวก็สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ ความสูงศักดิ์และความมีเสน่ห์
แต่ใครจะคิดกันว่าคนแบบนี้ จะใช้วิธีการที่โหดร้ายขับไล่ซั่งกวนหว่านไปสู่ความสิ้นหวัง!
แม้แต่เศษสิ่งสกปรกรอบตัวนาง ยังไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายมัวหมองได้เลย
นางยืนอยู่ตรงนั้น ราวสตรีผู้สูงศักดิ์ที่อยู่สูงเกินเอื้อม
และนั่นทำให้ซั่งกวนหว่านตระหนักได้ทันทีเลยว่า นางกลับมาแล้ว นางผู้นั้นกลับมาแล้วจริงๆ!
“จะ เจ้ามาทำอันใดมิทราบ!”
ซั่งกวนหว่านอยากจะตวาดด่าออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่นางอ่อนล้าเกินไปที่จะทำเช่นนั้น
ฉู่หลิวเยว่เหยียดยิ้มบาง
“ข้าแค่จะมาถามเจ้าว่า ดวงวิญญาณที่หนีไปวันนั้นเป็นของผู้ใด และมีความสัมพันธ์อันใดกับเจ้า ถึงได้ช่วยเจ้าก่อเรื่องไว้มากมายเช่นนี้”
ซั่งกวนหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง
“ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ แต่… ถ้าข้าบอกแล้ว เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าจะเจ้าสังหารข้า!”
ชีวิตในแต่ละวันที่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ นางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น หางตาเรียวโค้งลงฉายแววยิ้มเยาะ
“เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ต่อรองกับข้างั้นหรือ? ถ้าเจ้าอยากพูดก็พูดมา แต่ถ้าไม่… ข้ายังเหลือเวลาจัดการกับเจ้าอีกมาก”
หลังจากพูดจบ นางก็หันกลับไปทันทีราวจะจากไปทั้งๆ อย่างนั้น!
และเมื่อเห็นความแน่วแน่ของอีกฝ่าย ซั่งกวนหว่านก็พลันตื่นตระหนก
“เดี๋ยวก่อน ข้าพูด ข้าพูดแล้ว!”
ประหนึ่งกลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะเปลี่ยนใจ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพรั่งพรูคำเหล่านั้นออกมาทั้งหมดในคราเดียว
“ขะ ข้าก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นปรากฏขึ้นมาในจิตวิญญาณของข้าตั้งแต่เมื่อใด และก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หลายปีมานี้ เขายุยงให้ข้าทำสิ่งต่างๆ รวมทั้งเรื่องที่ข้าทำร้ายเจ้าในตอนนั้นเองก็ด้วย มันเป็น เป็นฝีมือของเขาทั้งนั้น! และก็มี…เรื่องวิธีทำให้ชีพจรดั้งเดิมกลับคืนมา…”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด
“เมื่อครั้งที่เจ้าอยู่แดนภังคะ เขาก็เป็นคนสอนให้เจ้าทำร้ายคนเหล่านั้นหรือ?”
“ใช่! ใช่แล้ว!”
“เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับข้าตั้งแต่แรกแล้ว จากนั้นก็คอยชักใยเจ้าให้ทำสิ่งเหล่านี้?”
“ถูกต้อง! ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก! ข้าสาบานได้เลย!”
ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงักไปนิด ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...