มู่หงอวี่ชะงัก
“เหมือนจะพูดอยู่นะ… เจ้ารอข้าเดี๋ยว”
ขณะที่พูดนางก็ค้นหาในแหวนเฉียนคุนของตัวเอง จากนั้นไม่นานก็หยิบจดหมายออกมา
นางเก็บจดหมายจากที่ส่งมาจากแคว้นเย่าเฉินไว้อย่างดีมาตลอด
“เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณชายเขานำจดหมายฉบับนี้มาให้ข้า…”
มู่หงอวี่เอ่ยพลางยื่นจดหมายให้อีกคน
“ในนั้นเขียนถึงเจ้าไว้อยู่ประโยคหนึ่ง…”
ฉู่หลิวเยว่เปิดจดหมายแล้วกวาดสายตาอ่านข้อความทั้งสิบบรรทัดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นประโยคที่กล่าวถึงฉู่หนิงในตอนท้าย โดยเขียนว่าฉู่หนิงได้รับจดหมายจากนาง ดังนั้นเขาจึงวางแผนเดินทางไปยังซี
หลิงเพื่อพบกับนางอีกครั้ง
ในช่วงเวลานั้น บิดามารดาของมู่หงอวี่เองก็พำนักอยู่ในแคว้น และเมื่อทราบข่าว พวกเขาก็รู้สึกอิจฉามาก เพราะพวกเขาเองก็อยากจะมาหามู่หงอวี่เช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้มาด้วย
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองไปยังวันที่บนจดหมาย ก่อนจะรู้ว่ามันถูกเขียนขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้ว
นางขมวดคิ้วฉับทันควัน
จากเมืองหลวงของแคว้นเย่าเฉินถึงเมืองหลวงของราชวงศ์เทียนลิ่งอย่างซีหลิงนั้น มีระยะทางมากกว่าหลายหมื่นลี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรมแดนม่านฟ้า!
สรุปแล้วพ่อของนางได้รับข่าวสารอันใดกันแน่ ถึงทำให้ท่านมุ่งมั่นเดินทางมายังซีหลิงเช่นนี้?
อันดับแรก หากอิงตามพละกำลังของเขาแล้ว ถ้าเขาไม่มีคนนำทาง มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหาค่ายกลเคลื่อนย้ายเหล่านั้นเจอ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้ามาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเลย
และท่านไม่มีทางไม่รู้เรื่องอุปสรรคเหล่านี้
แต่ท่านก็ยังทำมันอยู่ดี…
นั่นเพราะท่านมั่นใจในตัวเองมาก หรือเพราะมีคนคอย “ช่วยเหลือ” ท่าน หรืออาจจะ… มีคนบังคับท่านมา?
จนตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของพ่อเป็นอย่างใดบ้าง…
เมื่อเห็นท่าทีเคร่งขรึมของฉู่หลิวเยว่ มู่หงอวี่ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
“มีอันใดหรือ? เกิดปัญหาใดขึ้นกับท่านลุงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่จึงอธิบายให้นางฟังคร่าวๆ
มู่หงอวี่ตกใจแล้วพูดว่า
“เจ้าไม่ได้ขอให้ท่านมาหาหรือ? ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนเขียนจดหมายเชิญท่านมาเสียอีก!”
นางได้รับจดหมายฉบับนี้หลังจากฉู่หลิวเยว่เปิดเผยเรื่องตัวตนที่แท้จริงของตนแล้ว
ในตอนนั้นนางยังคงตกใจเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่กลายเป็นซั่งกวนเยว่ไม่หาย ดังนั้นหลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้ นางจึงคิดว่า ฉู่หลิวเยว่ได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และวางแผนรอให้เรื่องนี้ได้รับการคลี่คลายเสียก่อน แล้วค่อยเชิญฉู่หนิงมา
แต่พอได้ยินเช่นนี้แล้ว มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเสียนี่!
ฉู่หลิวเยว่กำจดหมายในมือแน่น ขนงเรียวสวยขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมความคิดต่างๆ นาๆ ที่พรั่งพรูขึ้นมาในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจใช้ชื่อนางเล่นงานท่านพ่อ
ทว่า… มันจะเป็นผู้ใดไปได้กัน?
ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ต้องเป็นคนในราชวงศ์เทียนลิ่ง และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ต้องเป็นคนที่รู้จักนางเป็นอย่างดีด้วย
ไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายคงไม่พุ่งเป้าไปที่ท่านพ่อหรอก
แต่ฝ่ายนั้นจะทำเช่นนี้ไปเหตุใด?
ข่มขู่นางหรือ?
ทว่าจนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เลย
ถ้านางไม่ส่งเชียงหว่านโจวไปที่แคว้นเย่าเฉิน ก็คงไม่รู้เลยว่าพ่อของนางหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใด
“หือ? พวกเจ้ามายืนทำอันใดอยู่ตรงนี้?”
ขณะที่ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ จู่ๆ เจี่ยนเฟิงฉือก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาสะบัดพัดในมือพร้อมเดินเข้ามาหาพวกนางด้วยรอยยิ้มยั่วยวนโทสะ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ ดวงตาคมคายมองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นนางมาก่อน
เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ เขาถึงได้วางพัดลงแล้วประสานหมัดสองข้าง และโค้งคำนับเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ
“ถวายบังคม…ฝ่าบาท”
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าซั่งกวนเยว่ในตอนนั้นจะไม่ตาย แถมยังมาเกิดใหม่ในร่างของคนอื่นอีก!
ก่อนหน้านี้เขามักจะพูดเสมอว่า ตัวเขารู้สึกคุ้นเคยกับฉู่หลิวเยว่มากๆ ที่แท้ก็เพราะว่าคนตรงหน้า คือนางผู้นั้นนี่เอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...