ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 911

ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ มู่ชิงเห่อก็ถึงกับผงะ พลันตวัดตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล

นางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ อาภรณ์ของนางนั้นเรียบง่าย แต่กลับมีรัศมีอันสูงส่งแผ่ออกมาจากกายของนางไม่ขาด

ใบหน้าเนียนนวลแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว ท่าทีเช่นนั้นช่างเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด

อีกทั้งยังเรียกชื่อเขาออกมาโต้งๆ ด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ประหนึ่งว่าความคับข้องแค้นใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น… ล้วนไม่มีอยู่จริง

มือหนาภายใต้แขนเสื้อของมู่ชิงเห่อค่อยๆ กำหมัดแน่น พลันหลุบตาลงต่ำ

“ก็เป็นแค่การไปมาหาสู่กันตามปกติ ฝ่าบาท…ท่านอย่าได้กังวลไปเลย”

หลังจากเอ่ยตอบไปหนึ่งประโยค มู่ชิงเห่อก็ปิดปากเงียบราวกับว่าเขาไม่ต้องการจะอธิบายใดๆ เพิ่มเติม

เจี่ยนเฟิงฉือลังเลไม่กล้าพูดขณะหันมองอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาปรากฏร่องรอยของความลังเลใจ

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมพูดอันใด…

อันที่จริง เขาเองก็อยากถามอีกฝ่าย ด้วยคำถามแบบเดียวกันกับฉู่หลิวเยว่

ย้อนกลับไปตอนนั้น เมื่อครั้งที่ห้องโถงบรรพชนถูกไฟไหม้ทั้งวันทั้งคืน ถึงตัวเขาจะตื่นตระหนกเพียงใด แต่ก็ยังมุ่งหน้าเข้าวังในทันที แต่มู่ชิงเห่อกลับไปช้ากว่าเขามาก

แม้ว่าเขาจะดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการตายขององค์หญิงใหญ่ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบมู่ชิงเห่อกลับไม่เคยคัดค้านเรื่องนี้เลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง… เจี่ยนเฟิงฉือคงปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขาทรยศซั่งกวนเยว่โดยสมบูรณ์

หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาเลือกอยู่ข้างเจียงอวี่เฉิงเพื่อปกป้องราชวงศ์ล่ะก็ เช่นนั้นในเมื่อตอนนี้เจียงอวี่เฉิงกับซั่งกวนหว่านโดนลงทัณฑ์ไปแล้ว เหตุใดเขาจึงยังปกปิดมันต่อไปอีก?

เจี่ยนเฟิงฉือไม่เข้าใจเลยจริงๆ

เขาอยากจะช่วยอีกฝ่ายอธิบายเรื่องพวกนี้ แต่ความจริงแล้วเขาแทบไม่รู้อันใดเลย

มู่ชิงเห่อทำหลายสิ่งหลายอย่าง และมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เหตุผล ซึ่งถ้าให้คนนอกพูดก็จะมีแต่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น

“เจ้าเล่า ว่าอย่างใด?”

ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะไม่แปลกใจกับคำตอบของมู่ชิงเห่อนัก นางยักไหล่และมองไปที่เจี่ยนเฟิงฉือแทน

เจี่ยนเฟิงฉือใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“คือ… เมื่อก่อนมันก็เป็นแค่การทะเลาะกันแบบเด็กๆ เท่านั้น พอลองคิดดูดีๆ ความจริงพวกข้าก็ไม่ได้ขัดแย้งแค้นเคืองกันปานนั้น…”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มรับ แต่ดวงตาของนางคมกริบราวมองทะลุทุกสิ่งอย่าง

คำพูดของเจี่ยนเฟิงฉือติดอยู่ในลำคอของเขา จนตอบอันใดออกไปไม่ได้

เขาเหลือบมองมู่ชิงเห่ออย่างอดไม่ได้

แต่มู่ชิงห่อกลับก้มศีรษะลง ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่

ทว่าไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดอย่างใจเย็น

“วันนั้นฝ่าบาททรงส่งสารขอความช่วยเหลือไปสามครั้ง ใช่หรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ยืดนั่งตัวตรง สายตาของนางจับจ้องที่เขา

มู่ชิงเห่อเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังแล้วกำหมัดช้าๆ แต่สีหน้าของเขากลับยังสงบนิ่ง

“ทั้งสามข้อความนั้นถูกข้าขัดขวางไว้ทั้งหมด”

“เป็นข้า ที่ขัดขวางทางรอดสุดท้ายของท่านในวันนั้น”

ยามนี้ก็ย่างเข้ากลางเดือนมิถุนายนแล้ว และอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว

ผู้คนมากมายสัญจรไปมาตามท้องถนนที่ดูคึกครื้นรื่นหูรื่นตา

หรงซิวเดินอยู่บนถนนเพียงลำพัง เพราะเขาสวมชุดคลุมที่มีหมวกคลุมศีรษะและปิดกลั้นลมปราณไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใคร

คนรอบข้างส่วนใหญ่ยังคงพูดถึงเรื่องของนาง

หรงซิวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ พลางลอบฟังบทสนทนาของผู้คนรอบตัวเขาไปด้วย

ทุกครั้งที่ได้ยินคนเหล่านั้นประหลาดใจและกล่าวชื่นชม ริมฝีปากบางสีแดงเรื่อของเขาก็จะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่านางต้องการจะทำอันใด นางก็จะทำมันได้สำเร็จเสมอ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่พอคิดถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าให้นางทำมันเองจะดีกว่า

การปล่อยให้นางได้ชิงสิ่งที่สูญเสียไปคืนมาด้วยตัวเองนั้น ย่อมเป็นการดีที่สุด

การแก้แค้นของนางเท่านั้น ที่จะสามารถลบล้างความเจ็บปวดทั้งหมดที่นางเคยได้รับได้อย่างสมบูรณ์

และเขาก็จะคอยยื่นมือให้นางเรื่อยๆ ตราบเท่าที่นางต้องการ

แน่นอนว่ามีดเล่มนั้นจักต้องเร็วพอ

ทว่าในขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความคิด ก็พลันรู้สึกถึงความมืดรอบตัวที่บังเกิดขึ้น

เขาเงยหน้ามอง ก่อนจะพบว่าท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อครู่ก่อน ได้ถูกเมฆดำปกคุลมจนมืดมิดในทันใด

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์