จ้าวจื่อเฉิงยอมจำนนจริงๆ แล้ว!
ครั้นสิ้นสุรเสียง ทุกคนรอบๆ ต่างก็ทำหน้าตาสับสนงงงวย
อันที่จริง เมื่อเห็นฉากเมื่อครู่นี้แล้ว ก็คงสามารถจินตนาการผลลัพธ์ได้แน่นอน
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจื่อเฉิงไม่มีกำลังที่จะต่อสู้อีกแล้ว และถึงดึงดันจะสู้ต่อ เขาก็ไม่มีทางชนะได้เลย
ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หรงซิวที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับไม่เป็นอันใดเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่สองเท้าของเขาก็ยังไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ!
เขาทำเพียงกวาดตามองแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นวาดสัญลักษณ์สองเส้นเท่านั้นเอง!
เช่นนี้แล้ว ยังจักฝืนสู้ต่อไปเพื่ออันใดอีก?
มันก็สมควรแล้วที่เขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
แต่ทว่า… หนึ่งชั่วยามก่อน ใครจะไปเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงเช่นนี้?
จ้าวจื่อเฉิงผู้นั้นเป็นถึงปรมาจารย์ระดับแปดเชียวนะ!
“ผู้อาวุโสเฉินเค่อ เมื่อครู่นี้เจ้าเห็นมันใช่หรือไม่… นั่นมัน… ตกลงมันใช่ค่ายกลหรือเปล่า?”
ผู้อาวุโสของราชวงศ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงต่ำทุ้ม
ผู้อาวุโสเฉินเค่อขมวดคิ้วและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“นั่นคือค่ายกลจริงๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลายคนต่างหันมองหน้ากันยกใหญ่
“จะมีค่ายกลเช่นนี้ได้อย่างใด? อีกอย่างมันก็เป็นแค่เส้นพลังสองเส้นมาผสานกัน… มันจะสามารถทำลายค่ายกลระดับแปดได้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?”
ผู้อาวุโสเฉินเค่อจ้องมองหรงซิวที่อยู่บนสนามและไม่ได้อธิบายอันใดอีก
เพราะอันใด… เพราะอันใดน่ะหรือ?
นั่นเพราะค่ายกล “กากบาท” ที่หรงซิวสร้างขึ้น แข็งแกร่งกว่าพลังปราณของจ้าวจื่อเฉิงอย่างใดล่ะ!
หรือกล่าวอีกนัยก็คือ ยิ่งระดับของปรมาจารย์สูงเท่าไร ก็จะยิ่งควบคุมพลังได้อย่างอิสระมากขึ้นเท่านั้น
ในกรณีเช่นนี้ ยิ่งค่ายกลซับซ้อนมากเท่าไร พลังของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดทุกคนต่างมึนงงกับชัยชนะของหรงซิว
เพราะในสายตาของคนอื่นๆ แล้ว เจ้าสิ่งนั้นของเขาไม่ถือว่าเป็นค่ายกลด้วยซ้ำ!
แต่มันกลับมีแรงกดดันที่แข็งแกร่งกว่าค่ายกลระดับแปดอย่างชัดเจน ขุมพลังที่ซึ่งทำลายล้างทุกอย่างให้ย่อยยับอย่างง่ายดาย!
และจู่ๆ ผู้อาวุโสเฉินเค่อก็นึกขึ้นมาได้ว่า เคยมีข่าวลือเกี่ยวกับปรมาจารย์ระดับสูงสุด ที่สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ และสามารถเปลี่ยนค่ายกลที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นค่ายกลที่เรียบง่ายได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีพลังอันแกร่งกล้าจนน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
หรือว่าหรงซิว… จะเป็นคนผู้นั้น!?
คนที่สามารถไปถึงพลังปราณขั้นนั้นได้ ล้วนเป็น…
“หรงซิวผู้นี้ เขาเป็นใครกันแน่นะ?”
ผู้อาวุโสเฉินเค่อโพล่งถามออกไปอย่างอดไม่ได้
“เขาเป็นองค์ชายลำดับเจ็ดแห่งแคว้นเย่าเฉิน และยังเป็นคู่หมั้นของเยว่เอ๋อด้วย”
ตอนนั้นเองซั่งกวนโหยวก็ดึงสติกลับมาได้ และพอได้ยินคำถามของผู้อาวุโสเฉินเค่อ เขาก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผู้อาวุโสหลายท่านต่างพากันตกตะลึงโนเวล-พีดีเอฟ
แคว้นเย่าเฉิน?
นั่นมันสถานที่ที่ฉู่หลิวเยว่จากมามิใช่หรือ?
สถานที่แห่งนั้นเป็นเพียงแคว้นในปกครองของราชวงศ์เทียนลิ่ง… จักมีบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างใด!?
ซั่งกวนโหยวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ความกังวลที่อยู่ในใจของเขาก็ยังไม่สงบลง สายตาที่มองไปยังหรงซิวนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม
เขามองไปที่ฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง และถอนหายใจราวกับมีบางอย่างกวนใจไม่หาย
“สิ่งที่เยว่เอ๋อพูดนั้นเป็นความจริง!”
เมื่อเทียบกับนางแล้ว พรสวรรค์และพละกำลังของหรงซิวนั้นถือว่าไม่เลวเลย!
เป็นพรสวรรค์เดียวที่อยู่เหนือปรมาจารย์ จนสามารถบดขยี้จ้าวจื่อเฉิงผู้นี้ได้!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาสร้างพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย!
แม้ว่าต้นตระกูลของเขาจะไม่ได้สูงส่งนัก ทว่าขอแค่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ก็เพียงพอแล้ว!
ในยามนี้ ร่องรอยของความสงสัยเมื่อครู่ก่อนได้หายไปหมดสิ้น!
เมื่อเป็นแบบนี้ ซั่งกวนโหยวถึงรู้สึกโล่งใจเสียที!
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาเบาๆ นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
อันที่จริง แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหรงซิวนั้นแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...