เหนือค่ายกล มีแสงสว่างส่องประกายแพรวพราวราวกับดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นมา!
แสงสว่างอันพร่างพราวนั้นส่องพุ่งมาจากด้านบน ทำให้ผู้คนต่างเกือบลืมตาไม่ขึ้น!
อุณหภูมิภายในบริเวณรอบๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ผู้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เกือบจะทุกคน ต่างรู้สึกปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกแผดเผา
สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินเค่อเคร่งขรึมขึ้นทันตา ก่อนจะค่อยๆ สะบัดแขนเสื้อของเขา จากนั้นก็มีค่ายกลก่อตัวขึ้นรอบๆ สนามประลองอย่างว่องไว!
“สองคนนี้อยากจะทำลายที่นี่ให้พังไปเลยหรือไร…”
เขาพึมพำเบาๆ ในดวงตาของเขายังคงมีความประหลาดใจฉายชัดออกมาไม่ขาดสาย
ถึงแม้ว่าสนามประลองในตำหนักหยวนเหอจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยความประณีตและแข็งแกร่งทนทาน แต่ในตอนนี้จ้าวจื่อเฉิงได้ขึ้นสู่ปรมาจารย์ระดับแปดแล้ว การโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีในยามนี้ ทำให้พวกเขาประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แล้วไหนจะยังชายชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมสิงโตขาวคู่กายเขาอีก…
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของบุคคลท่านนี้ แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่อีกฝ่ายจัดการค่ายกลของจ้าวจื่อเฉิงได้อย่างง่ายดายแล้ว แสดงว่าเขาแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว!
หากสองคนนี้ต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็…
ซั่งกวนโหยวแอบพึมพำเบาๆ
ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเยว่เอ๋อแล้วว่าจะจัดการสองคนนี้อย่างใด?
อย่างใดก็ตาม ในตอนแรกเขากังวลว่าหรงซิวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวจื่อเฉิง และถ้าเขาแพ้ก็จะยิ่งทำให้เยว่เอ๋อต้องอับอาย
แต่ตอนนี้… เขากลับรู้สึกว่าตัวเขากังวลเกินไปเสียอย่างนั้น
หรงซิวผู้นี้สามารถทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ หากเป็นเช่นนั้นไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะมีไพ่ลับก็เป็นได้!
แต่ว่า… องค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นเย่าเฉินจักมีฝีมือเก่งกาจเช่นนี้ได้อย่างใดกัน?
…
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่ายกล จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ค่อยๆ เกิดรอยไหม้เกรียมปรากฏขึ้นทีละรอย
และสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน หากพลังทั้งหมดนั้นโจมตีไปที่ร่างของคนคนเดียว!
พลังภายในร่างของจ้าวจื่อเฉิงพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งและใบหน้าของเขาค่อยๆ ซีดลงเล็กน้อย
ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลปานกลางระดับแปด และยังเป็นค่ายกลระดับสูงสุดที่เขาสามารถสร้างขึ้นได้ในขณะนี้!
เขาใช้เวลาถึงสามปีเต็มในการศึกษาและทะลวงขั้นพลังเพื่อสร้างค่ายกลนี้!
ทว่าโดยปกติแล้วเวลาสู้กับใครสักคน เขาก็แทบจะไม่ได้ใช้ค่ายกลนี้สักเท่าไร
อาจเพราะด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ ซึ่งหากยิ่งเขาเปิดใช้งานค่ายกลอย่างสมบูรณ์มากเท่าไรความเสียหายก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
และหลังจากใช้ค่ายกลนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ เขาจะไม่มีพลังเหลือไว้สู้กับใครแล้ว
แต่อีกนัยก็คือ… ถ้าค่ายกลนี้สำเร็จ เขาก็จะชนะ!
เขาพยายามประสานเส้นพลังปราณเส้นสุดท้ายของค่ายกลด้วยความยากลำบาก แล้วปล่อยพลังออกไปข้างหน้าเต็มแรง!
“ไปเลย…”
…
ลูกไฟสว่างพร่างพราวอันน่าพิศวงก้อนหนึ่งพุ่งตรงไปหาหรงซิวอย่างรวดเร็ว!
ไม่ว่าเจ้าก้อนนั้นพุ่งผ่านที่แห่งใด พื้นดินตรงนั้นก็จะไหม้เกรียมเป็นสีดำ แม้แต่ชั้นอากาศก็แทบจะลุกเป็นไฟ!
ระยะห่างระหว่างคนสองคนนั้นไม่ไกลมากนัก แต่การโจมตีของจ้าวจื่อเฉิงในครั้งนี้เต็มไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ดังนั้นเพียงพริบตาเดียว ค่ายกลนั้นก็พุ่งไปตรงหน้าหรงซิวที่อยู่ห่างออกไปเพียงห้าก้าว!
พลังทั้งหมดโหมกระหน่ำผสมผสานกันภายในค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งเกิดเป็นลมพายุขึ้น
ชายเสื้อผ้าของหรงซิวปลิวไปตามลม เผยให้เห็นเงาเส้นสีทองจางๆ ลอยอยู่ ราวกับแสงระยิบระยับตามระลอกคลื่นบนผิวน้ำบนทะเลสาบใสในคืนที่ดาวพร่างพราว
ในที่สุดตอนนี้… เขาก็ได้แสดงฝีมือแล้ว!
เขายกมือขวาขึ้น นิ้วเรียวยาวเห็นข้อนิ้วชัดเจนค่อยๆ วาดอันใดบางอย่างบนความว่างเปล่านั้นเบาๆ
ลำแสงสีเงินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาเพียงเสี้ยววินาที
จากนั้นเขาก็ขยับนิ้วเล็กน้อยและลากเส้นแนวตั้งอีกครั้ง
ยามนี้พลังของเส้นสีเงินสองเส้น ได้ผสานกันกลายเป็นรูป “กากบาท” ต่อหน้าเขา
ภาพ “กากบาท” นี้ใหญ่กว่าฝ่ามือคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเทียบกับค่ายกลของจ้าวจื่อเฉิง มันช่างดูไร้ค่าเกินกว่าที่จะกล่าวถึงเสียอีก
จ้าวจื่อเฉิงจ้องมองอีกฝ่ายไม่ละสายตา
“เจ้าเพิ่งคิดจะสร้างค่ายกลในตอนนี้หรือ มันคงสายไปแล้วกระมัง?”
อันที่จริงหรงซิวก็แค่อวดดีเกินไปเท่านั้น!
หรงซิวชายตาขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเรียวบางของเขาค่อยๆ โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ข้าทำเสร็จแล้วต่างหาก”
จ้าวจื่อเฉิงตกตะลึง
“กระไรนะ?”
สำเร็จแล้วหรือ?
เพียงแค่รูป “กากบาท” เล็กๆ นั่นน่ะหรือ!?
มันจะถือว่าเป็นค่ายกลได้อย่างใดกัน!?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...