ในเดือนนี้ทั้งเดือน นางต่อสู้กับหรงซิวเกือบทุกวัน และความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนาง ก็เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่พิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่า
ทว่าทุกครั้งที่ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้น ความแข็งแกร่งของหรงซิวก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงเอาชนะนางได้เสมอ
แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ตัวดีว่าควรรักษาระดับพลังปราณไว้ในระดับใด ที่เขาจะสามารถใช้ล้มนางได้ โดยไม่ทำให้นางได้รับอันตราย
แต่ความจริงแล้ว นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
เพราะแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หรงซิวสามารถควบคุมพลังปราณดั้งเดิมได้ถึงระดับที่เหลือเชื่อ!
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้ แต่แล้วนางก็ต้องพบกับความสิ้นหวัง หรงซิวผู้นี้…นางไม่อาจตรวจจับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้เลย!
เมื่อใดก็ตามที่นางคิดว่าพบจุดอ่อนของเขาและสามารถเอาชนะมันได้ ก็พลันค้นพบว่าเขายังมีวิธีรับมือนางอีกหลากหลาย
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงค่อยๆ ตระหนักได้ว่ากว่านางจะเอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์นั้น เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกมากโข
ทว่าสิ่งนี้หาได้ทำให้นางเจ็บปวดไม่ แต่มันกลับทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนาง พลุ่งพล่านกว่าเดิมหลายเท่า! และนางก็ค่อยๆ ค้นพบว่า “การแลกเปลี่ยนความรู้” แบบนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกหนักในทะเลทรายจันทราสีชาดเสียอีก
เมื่อเทียบกับหุ่นเชิดเหล่านั้น หรงซิวดีกว่ามากในทุกด้าน และเพราะเขาสามารถใช้พลังปราณดั้งเดิมได้ มันจึงมีประโยชน์ในการต่อสู้มากกว่า
ฉู่หลิวเยว่คิดเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน และมักจะคิดเกี่ยวกับวิธีเอาชนะเขาด้วยกำลังที่ด้อยกว่าหนึ่งขั้นของตน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยไม่รู้ตัว และตลอดการฝึกฝนก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น!
ดังนั้น หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดพลังปราณของนางก็มาถึงเกณฑ์ที่สามารถทะลวงได้แล้ว!
เมื่อก่อนตอนอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาด นางได้ทะลวงผ่านไปสู่ระดับหกขั้นกลางแล้ว
ตอนนี้นางทะลวงได้อีกครั้ง มันจะขยับขึ้นสู่ระดับหกขั้นสูงสุด!
ฉู่หลิวเยว่รอการไหลเวียนของพลังปราณ และมองเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจอย่างเงียบๆ
ในจุดตันเถียน เหนือไข่มุกธารา มีเส้นอักขระหกเส้นลอยอยู่นิ่งๆ
ห้าเส้นแรงนั้นส่งประกายสวยงาม แต่มีเพียงเส้นสุดท้ายที่หม่นแสงกว่าใคร
พลังปราณดั้งเดิมที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง ได้ชะล้างชีพจรดั้งเดิมตามแขนขาและกระดูกของนางออกไป และในที่สุดทั้งหมดก็มารวมกันที่นี่!
ดั่งท้องทะเลและแม่น้ำที่เต็มไปด้วยคลื่นพลังที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ!
ขณะนั้นเองอวัยวะตันทั้งห้า[1]ก็เชื่อมต่อกัน และลมปราณที่บรรจุอยู่ในนั้นก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่ามันถึงเวลาแล้ว นางรวบรวมพลังปราณทั้งหมดในจุดตันเถียน แล้วปล่อยกระแทกเข้ากับไข่มุกธาราอย่างแรง!
ตูม!
พลังปราณทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด!
เสียงคำรามดังกึกก้องข้างในกายของฉู่หลิวเยว่!
ก่อนจะมีเสียงแตกร้าวดังขึ้นมา!
แกรก!
ราวกับมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นทะลุทะลวงออกมา!
และเพียงพริบตา ฉู่หลิวเยว่ก็มองเห็นว่าเส้นอักขระเส้นที่หกนั้น สลัดความหม่นหมองบนตัวมันออกไปเรียบร้อยแล้วก่อนจะค่อยๆ เผยให้เห็นสีที่งดงามและแข็งแกร่งของมัน!
หึ่ง!
คลื่นความผันผวนแผ่กระจายออกมาจากด้านบน!
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นทันที!
ดวงตากลมที่แต่เดิมมันวาวเสมือนหยกดำ บัดนี้ได้กลายเป็นลูกไฟสองดวงที่กำลังลุกโชติช่วงก็มิปาน!
แดงเดือดดั่งแสงตะวันแผดเผา!
สุกสกาวดั่งดวงจันทร์อันเย็นเยียบ!
พลังปราณทั้งสองหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ และลมปราณอันไร้เทียมทานก็ปะทุออกมา!
ในยามนี้…นางมาถึงระดับหกขั้นสูงสุดแล้ว!
…
ทันทีที่ซั่งกวนโหยวเดินมาถึงด้านนอกตำหนักเจาเยว่ เขาก็สัมผัสได้ถึงลมปราณอันน่าสะพรึงกลัว ที่ปะทุออกมาจากข้างใน!
เขาเร่งฝีเท้าแล้วพุ่งตัวเข้าไปข้างในอย่างเร็ว
เหมือนว่าพลังนั่นจะมาจากห้องบรรทมของเยว่เอ๋อ…
และบริเวณด้านหน้าประตูบานใหญ่ที่ปิดอยู่ ก็มีร่างโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น
หรงซิวนั่นเอง!
ในตอนนั้นเอง เขาก็ยกมือขึ้นแล้วสร้างค่ายกลกั้นระหว่างห้องบรรทมและด้านนอกไว้ เพื่อปิดกั้นคลื่นความผันผวนทั้งหมดไม่ให้ลอดออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...