สถานที่ที่อู่เป่ยบอกว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการวิวัฒนาการนั้น ก็คือสถานที่ฝึกนั่นเอง ชิงหมิงที่ได้ยินว่ามีสถานที่เช่นนั้น ก็สนใจขึ้นมาทันที “ได้ งั้นพวกเราก็ไปกันเลย”
การมาสถานที่ฝึกอีกครั้ง ทำให้อู๋เป่ยคุ้นชินกับที่นี่แล้ว และเขาก็ได้มาถึงบริเวณใจกลางของที่ฝึก
ชิงหมิงกล่าว “ดีมากเลย ที่นี่มีค่ายกลที่ไม่เหมือนที่อื่น ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีการวิวัฒนาการไม่หยุด!”
อู่เป่ยถามขึ้น “ชิงหมิง ตอนนี้คุณยังอ่อนแอเกินไป ในช่วงนี้ก็อยู่ที่นี่ค่อยๆพัฒนาไปแล้วกัน”
ในยามที่ชิงหมิงฝึกพลังยุทธนั้น อู๋เป่ยก็ไม่ได้ว่าง ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงทำให้เขามีการวิวัฒนาการที่รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกคัมภีร์เทพเซียน
คัมภีร์เทพเซียนนี้ เป็นคัมภีร์ที่เต้าจวินชั่วนิรันดร์เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยนำวิชายุทธเซียนมารวมกับเผ่าเทพ ดังนั้นึงถือเป็นวิวัฒนาการของเผ่าเทพ
คัมภีร์เทพเซียนในห้าขั้นแรกล้วนเกี่ยวกับการวิวัฒนาการ ซึ่งเส้นทางการวิวัฒนาการของอู๋เป่ยก็ถือว่าเดินมาไกลพอแล้ว ดังนั้นในห้าขั้นแรกนั้นเขาจึงสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น โดยใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น
ส่วนคัมภีร์เทพเซียนในขั้นที่หกถึงสิบ ถึงจะเป็นการฝึกเซียนที่แท้จริง โดยแนวคิดของคัมภีร์นี้คือการใช้วิวัฒนาการของเผ่าเทพมาเป็นรากฐาน แล้วก็รวมกับวิชาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับการตอกิ่งพืช ที่ได้รู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกัน
การฝึกวิชาเซียนนี้ อู๋เป่ยถือว่าอยู่หัวแถวเลยก็ว่าได้ ทำได้แม้กระทั่งสิ่งที่คนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาบางคนยังทำไม่ได้ เขา ก็เริ่มสร้างคลังสมบัติมนุษย์ขั้นสูงสุด รวมถึงคลังสมบัติลับและคลังสมบัติสวรรค์ ทั้งหมดนี้จึงทำให้พลังยุทธของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว
และในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เขาก็สามารถฝึกคัมภีร์เทพเซียนไปได้จนถึงขั้นที่สิบ และเริ่มฝึกขั้นที่เหลืออีกสิบสี่ขั้น
คัมภีร์เทพเซียนนั้นมีสองส่วน สิบสี่ขั้นแรกนั้นถือเป็นขั้นพื้นฐาน ส่วนที่เหลือสิบสองขั้นถือเป็นขั้นสูง ซึ่งมันก็มีความสอดคล้องกับสอสองมิติเล็กและสี่มิติใหญ่ของอาณาจักรเทพโต้วซวี
ซึ่งผู้ที่บรรลุไปถึงสองมิติใหญ่ได้จะถูกขนาดนามว่าราชาเซียน ผู้ที่ไปถึงสามมิติใหญ่จะถูกขนานนามว่าจักรพรรดิเซียน และผู้ที่ไปถึงสี่มิติใหญ่จะถูกขนาดนามว่าเซียนบรรพกาล
ส่วนพลังยุทธมิติขนาดเล็กสิบสี่ขั้นที่เหลือก็ไม่ได้ง่ายแล้ว อู๋เป่ยใช้เวลาสามวันถึงจะผ่านไปถึงมิติขนาดเล็กขั้นที่หนึ่งได้ นั่นก็คือมิติเซียนหยวน
มิติเซียนหยวนนั้นจะต้องสร้างพลังหนึ่งขึ้นมาในร่างกายเรียกว่าพลังเซียนหยวน
เมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่อู๋เป่ยยังฝึกพลังยุทธอยู่ที่เทียนฝูจิง ก็ได้ฝึกเซียนหยวน เพียงแต่ว่าเซียนหยวนในตอนนั้นกับเซียนหยวนในตอนนี้มันมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่ทว่าประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมานั้น ทำให้การฝึกเซียนหยวนของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ในคัมภีร์เทพเซียนนั้นกล่าวไว้ว่า เซียนหยวนเมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว ก็จะสามารถตัดสินได้เลยว่าเทพเซียนท่านนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน ดังนั้นจึงได้มีการจัดลำดับไว้
ชั้นที่สูงที่สุดคือชั้นเซียนสูงสุด รองลงมาเป็นชั้นจักรพรรดิ ชั้นราชา และชั้นที่เก้าถึงชั้นที่หนึ่ง ซึ่งระดับชั้นที่หนึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดรองลงมาจากชั้นราชา
ตอนอยู่ที่อาณาจักรเทพโต้วซวี อู๋เป่ยได้ยินมาว่าลำดับชั้นเซียนหยวนนั้นเพียงแค่ไปถึงระดับห้าขึ้นไปก็นับว่าเป็นผู้ที่อยู่ระดับเหนือชั้นแล้ว ส่วนระดับสี่ขึ้นไปก็ถือเป็นอัจฉริยะ ส่วนถ้าใครที่ไปถึงระดับสามหรือสองได้ ก็จะได้รับการดูแลอย่างดากเผ่าเทพ และเซียนหยวนระดับหนึ่งนั้นก็จะเป็นบุตรคนโปรดของสวรรค์เลยทีเดียว
แต่ในตอนนี้อู๋เป่ยไม่สามารถทดสอบเซียนหยวนของตัวเองได้ แต่เขารู้สึกว่าไม่ว่ายังไงเซียนหยวนของเขาก็ต้องอยู่ในระดับชั้นราชาหรือไม่ก็ระดับชั้นจักรพรรดิเป็นแน่ เขามีเส้นทางของเขาที่จะต้องไป สำหรับเทพเซียนแล้วถือว่าไม่ได้สำคัญอะไรนัก การอยู่ในระดับชั้นราชาก็ถือว่าดีมากแล้ว
ตัดกลับมาที่ชิงหมิง เขาฝึกพลังยุทธที่สนามฝึกมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาก็สามารถฝึกไปถึงมิติที่สามเล็กได้อย่างราบรื่น ซึ่งแน่นอนว่าชิงหมิงก็ได้รับอะไรมากมาย และมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพลังของเขาในตอนนี้จะไม่สามารถไปสู้อะไรกับอู๋เป่ยได้ แต่ก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่าอู๋เป่ยในเมื่อก่อน
เขาจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ติดต่อกับจูอวี้ เขาตัดสินใจว่าจะกลับไปประเทศเทียนหวู่ก่อน เขาทำการเปิดอักขระยันต์บนฝ่ามือ จากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น ตัวของเขามาปรากฏที่เมืองคุนหลุนทันที บริเวณใกล้ๆกับวังหลวงของประเทศเทียนหวู่
เมื่อกลับมาถึง เขาก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นคาวเลือดออกมาจากวังหลวงอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นและตรงเข้าไปในวังหลวงทันที
ถังจื่อยี่ที่กำลังจัดการงานอยู่ เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาอย่างผลีผลามก็กำลังจะตำหนิ แต่ทันใดนั้นก็เกิดชุกคิดขึ้นมาได้เสียก่อน “ซวนเป่ย?”
อู๋เป่ยพยักหน้า “ผมเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง อย่าเพิ่งบอกใครไปล่ะ”
ถังจื่อยี่ที่ได้ยินดังนั้นก็เบาใจขึ้น “โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง”
อู๋เป่ยถามขึ้น “จื่อยี่ ทำไมในวังหลวงถึงได้มีกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงขนาดนี้ล่ะ?”
ถังจื่อยี่ “ช่วงนี้ มีการก่อกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง ถึงแม้จะถูกหน่วยอารักขากำจัดไปแล้ว แต่คนก็ตายไปไม่น้อย”
อู๋เป่ย “ใครกันที่ก่อกบฏ?”
“เยอะมากเลยล่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนของตระกูลหลี่ได้มีการแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ และใช้กำลังพลจำนวนมากบีบให้ไปที่วังหลวง แต่โชคดีที่ซวนเป่ยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า สุดท้ายก็เป็นสี๋เป่าที่ออกมาจัดการกับการก่อกบฏในครั้งนี้”
อู๋เป่ย “คนของตระกูลหลี่งั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...