ที่ระยะทางเหลืออีกสองร้อยลี้จากเมืองจู้เซี่ยง ท้องฟ้าได้มืดสนิทแล้ว แต่รอบๆไม่มีบ้านเรือน เขาจึงต้องเดินต่อไป
เดินไปประมาณสิบลี้ จู่ๆก็มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งประมาณสิบกว่าคนกระโดดออกมาจากป่า ผู้นำกลุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เด็กน้อยส่งทรัพย์สินทั้งหมดมา ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
อู๋เป่ยมองดูว่าพวกเขามีระดับฝีมืออยู่ แต่คนที่เก่งที่สุดก็แค่ระดับการฝึกตนขั้นที่ห้า จึงไม่ตื่นตกใจ กลับมีความสุขเสียด้วยซ้ำ:“พวกท่านนี่กำลังจะปล้นข้าใช่ไหม?”
ผู้นำกลุ่มเยาะเย้ย:“พูดมาก ไม่ปล้นเจ้า จะให้เราก็เลี้ยงข้าวเจ้า?”
อู๋เป่ยลงจากม้าแล้วหยิบดาบชางเสวี่ยนเดินไปหากลุ่มคน ผู้นำกลุ่มยกมีดเหล็กขึ้นแล้วตวัดไป:“เด็กน้อย อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฟันเจ้า!”
“ชุ่บ!”
แสงดาบแวบผ่านไป ได้ยินเพียงเสียงเบาๆ ดาบของผู้นำถูกตัดเป็นสองท่อน อู่เป่ยหัวเราะ:“ก่อนอื่นถามดูก่อนว่าดาบของข้าแหลมคมขนาดไหน!”
“บุก!”
ผู้นำตกใจและทำสัญญาณให้ทุกคนเข้ารุมโจมตี ทั้งแทงและฟัน
แต่ว่าสำหรับอู๋เป่ยท่าทางของพวกเขาเหมือนล้อเล่น ไม่คุ้มค่าที่จะเอ่ยถึง
อู๋เป่ยหมุนตัวดาบสร้างเป็นแสงดาบที่สาดประกายไปทั่ว กลุ่มคนพวกนั้นต่างก็ถูกตัดแขนขา ส่งเสียงกรีดร้องและถอยหลัง
เมื่อเก็บดาบ อู๋เป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เอาทรัพย์สินของพวกเจ้าออกมา ไม่อย่างนั้นตาย!”
เขากำลังต้องการเงินสำหรับซื้อยาอยู่พอดี เมื่อเจอพวกโจรนี้ แน่นอนว่าเขาต้องปล้นพวกโจรกลับ
กลุ่มคนนี้เป็นของหนึ่งในอิทธิพลใกล้เคียงที่เคยปล้นนักเดินทางหลายร้อยคนที่ผ่านไปผ่านมา และได้ทรัพย์สมบัติอย่างมาก เมื่อเห็นอู๋เป่ยที่น่ากลัวเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดขืน และพาเขาไปยังป่า ที่นั่นมีรถม้าเพื่อนำทรัพย์สินที่ปล้นได้เก็บไว้ในกล่องไม้
อู๋เป่ยสั่งให้กลุ่มคนเอาของทั้งหมดกลับไปเก็บในรถม้า และเขาก็ขับรถม้าต่อไปทันที
เมื่อมองดูอู๋เป่ยเดินจากไป รถม้าก็จากไป ทว่ากลุ่มคนกลับไม่มีคำพูดใดๆ มีบางคนร้องไห้ออกมา
อู๋เป่ยผูกม้ากับรถม้าแล้วรีบไปถึงเมืองจู้เซี่ยงในคืนเดียวกัน เมื่อไปถึงเมืองจู้เซี่ยงก็เป็นเวลาล่วงเข้าไปในช่วงกลางคืนแล้ว เขาตามหาที่พักในโรงเตี๊ยม และยกของทั้งหมดเข้าไปในห้องพัก
หลังจากพักผ่อนสักครู่ เมื่อเช้าตรู่ เขาเริ่มขายเครื่องประดับทั้งหมดได้เงินมาเกือบหมื่นเหรียญทอง และเมื่อรวมกับเงินที่เขามีอยู่ ก็มีเหรียญทองมากกว่าเจ็ดหมื่น
ในช่วงเช้า เขาขับรถม้ากลับมายังตลาดสมุนไพร เริ่มเลือกซื้อสมุนไพรที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนร่างกาย ราคาสมุนไพรนั้นค่อนข้างแพง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็ใช้เงินไปมากกว่าเจ็ดหมื่นเหรียญทองจนเหลือแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญทองเท่านั้น
หลังจากนั้น เขารีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมพร้อมสมุนไพร เริ่มฝึกฝนร่างกายต่อไป
ด้วยสมุนไพรและพลังของดาบเทียนกาง เขามีความก้าวหน้าที่รวดเร็วในการฝึกฝนร่างกาย จนถึงเวลากลางคืน เขาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดของการฝึกฝนร่างกายได้ถึงขั้นที่สิบ โดยที่สมุนไพรทั้งหมดก็หมดไปด้วย
หลังจากการฝึกฝนขั้นที่สิบ อู๋เป่ยรู้สึกว่าพลังที่ถูกกดขี่เริ่มหลุดออกมาเล็กน้อย ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น พลังก็เข้มข้นขึ้นในเส้นเลือดของเขา และหมุนเวียนในร่างกาย
เมื่อออกจากโรงเตี๊ยม เขาเตรียมไปหาอะไรทาน
การฝึกฝนร่างกายถึงขั้นที่สิบ เขาไม่จำเป็นต้องขี่ม้าอีกต่อไป เพราะเขาวิ่งเร็วกว่าม้า ดังนั้นหลังจากทานอาหารเสร็จ เขาก็ขายรถม้าและม้า แล้วเดินกลับบ้านแทน
เมื่อไปถึงทางหลัก เขาก้าวยาวทีละสิบกว่ามิเตอร์ เดินอย่างรวดเร็วจนถึงบ้านก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น
เมื่อเปิดประตูสวน เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย เพราะห้องของหลินเซียนรุ่ยยังเปิดไฟอยู่
ก่อนเข้าไป เขาเคาะประตูสองครั้ง:“ท่านแม่ ท่านยังไม่นอนหรือ?”
หลินเซียนรุ่ยได้ยินเสียงเขา จึงพูดว่า:“หานเอ๋อร์ แม่มีเรื่องในใจ จึงนอนไม่หลับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...