เย่เย้า มองไปที่อู๋เป่ยแล้วพูดว่า "ฉันได้ยินมาว่า มีอัจฉริยะใหม่ในดินแดนเซียนชื่ออู๋เป่ย เป็นรายนามเซียนอันดับหนึ่ง ฉันคิดว่าคงเป็นคุณ"
อู๋เป่ย "ชมเกินไปแล้ว รายนามเซียนอันดับหนึ่งมีอะไรน่าภูมิใจกัน ในทางกลับกัน เซียนที่มีความงามสมชื่ออย่างคุณสิ"
เย่เย้า "พี่อู๋ คุณคุ้นเคยกับค่ายกลหรือเปล่า?"
อู๋เป่ยพูด "พอรู้มาบ้าง ทำไมท่านเซียนถึงถามเรื่องนี้?"
เย่เย้ายิ้มแล้วพูดว่า "ฉันกำลังจะไปดินแดนลับเทียนหวู่เพื่อรับบางสิ่งบางอย่าง ฉันยังขาดสหายที่รู้เกี่ยวกับค่ายกล ฉันสงสัยว่าพี่อู๋จะยินดีเดินทางไปกับเย่เย้าไหม?"
ผู้คนโดยรอบพากันอิจฉา สาวสวยจากพรรคซูนู มาเชิญเอง ดังนั้นไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม การเข้าใกล้อู๋เป่ยทำให้พวกเขาประหลาดใจ เขาพูดว่า "ต้องขออภัย ฉันชอบเดินทางคนเดียว โปรดชวนผู้อื่นเถอะ"
เย่เย้าไม่โมโห ยิ้มแล้วพูดว่า "นั่นก็น่าเสียดายนัก" พูดจบ เธอก็หันเดินจากไป
เย่เย้าเดินออกมาไกลแล้ว ก็มีคนมาถาม "พี่อู๋ ทำไมพี่ถึงไม่ตอบตกลงเธอละ? โอกาสดีมากนะ!"
"พี่อู๋ หรือว่าคุณจะไม่รู้? พรรคซูนูมีทักษะเวทย์มนตร์บางอย่าง หากชายและหญิงฝึกฝนร่วมกัน พวกเขาจะสามารถปรับปรุงการฝึกฝนไดอย่างรวดเร็ว"
อู๋เป่ยพูด "ฉันไม่สนใจ"
คนโดยรอบเขาเงียบลง รู้สึกว่าอู๋เป่ยสิ้นหวัง เขาถึงกับปฎิเสธนางฟ้าจะพรรคซูนู!
ในเวลานั่น ชายที่ฝึกยุทธ์จากอีกฟากหนึ่ง เขามีขนาดตัวพอๆกับอู๋เป่ย มีลมหายใจที่แรงเขาพูดอย่างเย็นชา "เย่เย้าพูดอะไรกับนาย?"
ชายคนนี้หยาบคาบมาก ดังนั้นอู๋เป่ยจึงไม่ใจดีด้วยแล้วพูดว่า "จะพูดอะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?"
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะทันที "ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร!"
คนที่อยู๋ด้านข้างเขาพูดว่า "พี่อู๋ นี้คืออันจื่อจ้ายแห่งถ้ำสวรรค์หวงหลง คุณชายอัน ตระกูลอันเป็นเจ้าเหนือหัวของถ้ำสวรรค์หวงหลง พลังไม่เป็นรองพรรคฉู่ซานจิ้นของพวกคุณ"
อู๋เป่ย "คุณจะเป็นอัน ไม่เป็นอัน ก็อยู่ให้ห่างฉันหน่อย!"
อันจื่อจ้ายโมโห แล้วพุดว่า "เจ้าหนู นายอยากจะทำให้ฉันโมโหเหรอ?"
อู๋เป่ยหรี่ตาลง "อยากจะสู้? ไม่ต้องรีบ เมื่อถึงดินแดนลับเทียนหวู่ ฉันจะสอนการเป็นคนให้เอง"
อันจื่อจ้ายยิ้มเยาะแล้วพูดว่า "ดี ฉันจะจำนายไว้ เมื่อถึงดินแดนลับเทียนหวู่คนแรกที่ฉันจะฆ่าก็คือนาย!"พูดจบ เขาก็จากไปดวยความโกรธ
หลังอันจื่อจ้ายจากไป ก็มีคนมาชื่นชมยินดีและพูดว่า "อันจื่อจ้ายมีชื่อเสียงมาก ว่ากันว่าเขารวบรวมจิตวิญญาณยุทธ์ เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในขั้นปรมาจารย์แห่งสวรรค์"
"ฮ่าฮ่า ตอนนี้มีเรื่องดีๆให้ดูแล้ว ไม่รู้ว่ารายนามเซียนอันดับหนึ่งของเรา จะสามารถทนการโจมตีของเขาได้กี่ครั้งกัน?"
อู๋เป่ยขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนน่าเบื่อเหล่านี เขายิบเมล็ดแตงโมออกมาหนึ่งกำมือแล้วกินมัน เขาทอดเมล็ดแตงโมเหล้านี้ด้วยยา ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่อร่อยแล้วยังดีต่อร่างกายอีกด้วย
ทานเมล็ดแตงโมไปสองสามเม็ด ท้องฟ้าตรงหน้าก็กลายเป็นสีขาวเงินทอแสงส่องเป็นม่านลงมา
ผู้นำของแต่ละทีมก็พูดทันที "ทางเข้าม่านแสง!"
ผู้คนมากกว่าสองร้อยคนรีบวิ่งเข้าหาม่านแสง อู๋เป่ยก็เข้าไปในม่านแสง ทันใดนั้นก็มาถึงอีกดินแดนหนึ่ง
นี่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของทะเลทรายโกบี บนพื้นมีก้อนหินหลากหลายขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน สภาพแวดล้อมนั้นไม่มีที่สิ้นสุด และทะเลทรายโกบีก็ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน
"ไม่มีทางน่า!มันคือทะเลทรายโกบีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พวกเราโชคร้ายจริงๆ!"
ที่แท้ ที่หวงหลางเคยพูดไว้ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาในดินแดนลับเทียนหวู่ เขาก็จะปรากฏตัวในสถานที่ที่ไม่ซ้ำกัน ทะเลทรายโกบีที่กว้างใหญ่เป็นจุดเริ่มต้นและมีสภาพแวดล้อมที่อันตรายที่สุด
"ทุกคนประหยัดพลังงานของคุณ ทะเลทรายนี้บินไม่ได้ ทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ทะเลทรายอันกวางใหญ่นี้จะกินความแข็งแกร่งทางกายภาพของเราตลอดเวลา ดังนั้นคุณควรนำหินจิตวิญญาณและหินเซียนมาให้เพียงพอ"
อู๋เป่ยพยายามบิน แต่เขาบินขึ้นได้เพียงครึ่งเมตรแล้วก็ตกลงสู่พื้น เนื่องจากการลอยอยู๋ในอากาศนั้นใช้แรงมากเกินไป ผลที่ได้คือสูญเสียพลังมากกว่าหากจะบิน เขารู้สึกว่าจะต้องทีค่ายกลที่ยิ่งใหญ่อยู๋ในทะเลทราบที่กว้างใหญ่นี้ และค่ายกลที่ยิ่งใหญ่นี้จำกัดทุกคนที่นี
อู๋เป่ยจำได้ว่าหวงหลางบอกว่าถ้าปรากฏตัวที่ทะเลทรายกว้างใหญ่ ทำได้เพียงเดินต่อไปในทิศทางเดียวจะดีที่สุด ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะไปถึงขอบเขตได้
อู๋เป่ยเริ่มออกเดินทาง ขณะที่เขาดินเขาก็สังเกตเห็นก้อนหินบนพื้น หินบนพื้นมีห้าสี บางอันโปร่งใส บางอันโปร่งแสง เขาคิดว่าล้วนสวยดี
ขณะที่เขาเดินไป เขาก็หยิบหินที่สวยงามวางไว้บนตัวของเขา
อู๋เป่ย "นายยังจะพูดอะไรอีก?"
อันจื่อจ้าย "พี่อู๋ พี่รู้ว่าตำหนักเซียนเทียนหวู่อยู๋ไหนไหม?"
อู๋เป่ยได้ยินหวงหลางพูดว่า ไม่เคยมีใครเจอตำหนักเซียนเทียนหวู่มาก่อน เขาถาม "หรือว่านายรู้แล้ว?"
อันจื่อจ้ายนำม้วนหนังสัตว์ออกมาแล้วพูดว่า "สถานที่นั้นอยู่ในนี้ แต่ฉันดูมาสักพักแล้ว ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ พี่อู๋ สนใจร่วมศึกษากับพวกเราไหม?"
อู๋เป่ยไม่ไหวติงแล้วพูดว่า "ไม่สนใจ!"
อันจื่อจ้าย "พี่อู๋เคยได้ยิน‘หนูนักล่าสมบัติ’ไหม?"
อู๋เป่ย "หนูนักล่าสมบัติ?"
อันจื่อจ้ายพยักหน้า หยิบหนูสีขาวตัวเล็กๆออกมาจากออมแขนของเขา มันมีดวงตาสีทอง อ้วนท้วม ดวงตาของมันเคลื่อนไหวไปรอบๆ
จู่ๆหัวใจของอู๋เป่ยก็เต้นรัว "นี้คือหนูนักล่าสมบัติในตำนานเหรอ?"
ตำนานกล่าวว่า หนูนักล่าสมบัตินี้เป็นสายพันธุ์ประหลาดโบราณที่สามารถได้กลิ่นสมบัติล้ำค่าที่อยู๋ห่างออกไปหลานพันไมค์ การเป็นเจ้าของหนูนักล่าสมบัตินี้ก็เท่ากับการเป้นเจ้าของสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว
อู๋เป่ยพูด "นายมีของดีขนาดนี้ ทำไมจะตองลากฉันไปร่วมด้วย?"
อันจื่อจายดูออกว่าอู๋เป่ยสนใจ เขายิ้มแลวพูดว่า "เพราะว่าฉันรู้ว่ามันยากมากที่จะค้นหาตำหนักเซียนเทียนหวู่ที่แท้จริง ดังนั้นฉันอยากหาคนที่ดีที่สุดที่จะไปกับฉัน ขอแนะนำสองท่านี้ แบ่งเป็นเฉินหลี่จากสำนัเหลียงยี่ และปาหยูเซิงจากสำนักหยินโม่"
สองคนหันมาโค้งคำนับมือต่ออู๋เป่ย ด้วยท่าทีหยิ่งผยองมาก ดูเหมือนจะไม่ได้จริงจังอะไรกับอู๋เป่ยมากนัก
อู๋เป่ยเงียบไปครู่หนึ่งแลวพูดว่า "ร่วมเดินทางไปดวยกันไม่เป้นไร แต่เราจะต้องทำกฎให้ชัดเจน"
อันจื่อจ้ายยิมแลวตอบว่า "กฎนั้นง่ายมาก ใครเจอสมบัติ คนนั้นก็เอาสมบัติไป หากมีใครคิดจะฉกแย่งไป จะถูกอีกสามคนโจมตีทันที"
อู๋เป่ย "นอกจากนี้ ฉันต้องการพื้นที่เดินทางตามลำพัง เมื่อพวกนายไม่ต้องการฉันแล้วห้ามมาบังคับการเดินทางของฉัน"
อันจื่อจ้ายยิ้มแล้วพูดว่า "ได้แน่นอน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...