แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 167

บทที่ 167 เขมิกา เธอมันบ้าไปแล้ว

หลังจากที่กิจจาและกานต์หายตัวไป ก็ราวกับว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้โดยปริยาย บุริศร์ค้นหาทุกซอกทุกมุมก็แล้ว ธรณีใช้กำลังค้นหาก็แล้ว ถึงขนาดที่ตระกูลรัตติกรวรกุล ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเด็กทั้งสอง

ด้านตังเมก็ยังไปทำงานที่บริษัทและพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาเหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนขวดยาที่เขมิกาเคยมีไว้ในครอบครองก็มีผลวินิจฉัยออกมาแล้ว ว่ามันคือยาพิษที่ร้ายแรงจนถึงชีวิต หากติดเข้าไปในกระแสเลือดก็จะเสียชีวิตทันที

แต่ทุกคนต่างก็คิดไม่ตก ทั้งๆที่ตังเมและเขมิกาเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ แล้วทำไมคนเป็นแม่ถึงกล้าฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ?

ถึงแม้ถ้าเขมิกาตายไปจริงๆ หลายๆเรื่องอาจจะสาวมาถึงเขมิกา แบบนั้นมันก็จะจบไปอย่างเงียบๆ แต่ว่าข้อสงสัยอีกหลายๆอย่างก็จะหาที่มาที่ไปไม่ได้

ตอนนี้เขมิกาไม่เพียงแค่ไม่ตาย แต่ยังลักพาตัวเด็กทั้งสองหนีหายไป และไม่ได้มีเพียงแค่บุริศร์ที่กำลังตามหาพวกเขา ตังเมเองก็กำลังตามหาเขมิกาอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งสามคนหายตัวไปราวกับจมหายไปในมหาสมุทร ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย

สภาพจิตใจของนรมนย่ำแย่ลงทุกวัน แต่เธอก็ยังฝืนประคับประคองเอาไว้

วันที่สองที่กานต์หายตัวไป เธอแก้แบบร่างเสร็จ จากนั้นก็ส่งแบบไปให้บริษัทอเมริกาทางอีเมล์

บริษัทอนุมัติให้งานออกแบบของเธอผ่านอย่างเป็นเอกฉันท์บริษัทHJกรุ๊ปจำกัดและบริษัทh.e.nก็ร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ

เมื่อบุริศร์เห็นนรมนทำงานจนลืมกินข้าวกินน้ำ ก็ทั้งสงสารและเป็นห่วง แต่ไม่ว่าเขาจะห้ามยังไง นรมนก็ยังไม่ยอมหยุด

เป็นวันที่ห้าที่กานต์หายตัวไป ในที่สุดนรมนก็ล้มป่วยเอาจนได้

บุริศร์อยู่เฝ้าเธอไม่ห่างกาย

ในฝันของนรมนมีกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ กานต์โบกมือให้เธอ พร้อมกับขอร้องให้ช่วย

“กานต์!”

นรมนลุกพรวดขึ้นมานั่ง ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกไปด้วยเหงื่อ

“ฝันร้ายเหรอ?”

บุริศร์เอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง

ภายใต้เสียงไฟ แววตาของนรมนวูบไหว เหงื่อไหลท่วมกาย หน้าซีดเหลืองไปหมด จนบุริศร์สงสารจับใจ

“ฉันฝันเห็นกานต์ถูกไฟคลอก ผิวของเขาถูกไฟไหม้หมดเลย เขาทรมานมาก เขาเรียกหาฉันให้ไปช่วย แต่ฉันกลับจับมือของเขาเอาไว้ไม่ได้”

นรมนพูดพร้อมกับคู้ตัวเข้าหากัน สภาพจิตใจเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

แม้ว่าบุริศร์และนรมนจะอยู่ด้วยกัน นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่หลังจากที่กานต์หายตัวไป นรมนก็นอนไม่หลับสักคืน ส่วนบุริศร์ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างว่าเลย แค่ดูแลนรมนก็เสียพลังไปเยอะแล้ว

เมื่อมาได้ยินที่เธอพูดแบบนี้ บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นห่วงกานต์มาก แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือเขาไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย

“ผมแทบจะพลิกเมืองชลธีหา ทุกโรงแรมก็ค้นมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเบาะแสของพวกเขาเลย นรมน ผมรู้ว่าคุณกังวล ผมเองก็เหมือนกัน กานต์คือลูกของเรา คือลูกหลานของตระกูลโตเล็ก เขาจะต้องไม่เป็นอะไร”

นรมนซบอยู่ในอ้อมกอดของบุริศร์ จิตใจแตกสลายอย่างไม่มีเหลือ

“ครั้งก่อนพวกเขาเอากานต์ไปซ่อนไว้ในร้านเสริมสวย ครั้งนี้กานต์ไปอยู่ที่ไหน?”

“ผมจะตามหา ผมจะหาเขาให้เจอ!”

“คุณรีบไปสิ! ไปเดี๋ยวนี้เลย! ตอนนี้ไม่รู้ว่ากานต์จะทุกข์ทรมานขนาดไหน เขาต้องรอให้เราไปช่วยอยู่แน่ๆ”

นรมนเขย่าตัวบุริศร์อย่างบ้าคลั่ง

“ได้ๆๆ ผมจะไปๆ คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

บุริศร์ก้าวลงจากเตียง แล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

นรมนไม่อยากชักช้า เธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบตามออกไป แต่ว่าออกมาแล้วต้องไปตามหาที่ไหน?

นรมนไม่มีต้นสายปลายเหตุ

บอดี้การ์ดที่ตามมาเดินตามเธอติดๆ ไม่มีใครกล้ากะพริบตา เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับนรมน

บุริศร์และพฤกษ์หาตามตรอกซอยเล็กๆ แทบพลิกหาทุกตารางนิ้ว แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสของกานต์

“ประธานบุริศร์ นี่ไม่ปกติแล้วนะครับ ปกติเขมิกาก็ไม่เห็นจะสนิทกับใคร และไม่ได้มีคอนเน็กชั่นอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ทำไมจู่ๆถึงได้มีอิทธิพลมากขนาดนี้ ขนาดตระกูลโตเล็ก ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและตระกูลรัตติกรวรกุลร่วมมือกันยังหาไม่เจอ มันต้องไม่ใช่อย่างที่เราคิดแน่ๆเลยครับ”

พฤกษ์ปะติดปะต่อเรื่องไม่กี่วันก่อนเข้าด้วยกัน จากนั้นก็พูดให้บุริศร์ฟัง

บุริศร์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็ว่าเรื่องนี้เราต้องพลาดตรงไหนไปแน่ๆ แต่มันตรงไหนล่ะ?”

“ประธานบุริศร์ ที่อีกฝ่ายลักพาตัวนายน้อยกานต์หนีไปต้องเป็นเพราะอยากให้คุณผู้หญิงกังวลแน่ๆ ผมคิดว่าตอนนี้เราควรตามเฝ้าดูคุณผู้หญิงให้ดีๆ ผมกลัวว่า........”

คำพูดของพฤกษ์ช่วยปลุกสติของบุริศร์ได้ราวกับยาเกินขนาด

“กลับบ้าน!”

เขาหักเลี้ยวทิศทางรถทันที จากนั้นก็ขับไปยังบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กด้วยความรวดเร็ว

ทางด้านนรมนก็เดินหาอย่างไร้จุดหมาย เธอลืมใส่รองเท้าอีกแล้ว เธอเดินไปพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของกานต์ไปด้วย

เวลากลางคืนบนถนนมีคนไม่เยอะ แต่เมื่อบางคนเห็นสภาพของนรมน ก็คิดว่าเธอเป็นคนบ้า จึงพากันเดินหลบ บางคนก็คิดอยากแกล้งนรมน แต่บอดี้การ์ดที่ตามมาอยู่ข้างหลังก็เข้ามาช่วยเอาไว้เสียก่อน คนพวกนั้นจึงกลัวจนต้องหนีไป

นรมนรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองราวกับผีไร้ญาติ ไม่มีลูก ไม่มีบ้าน ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา

เสียงที่ดังขึ้นมาในค่ำคืนอันเงียบเหงาบาดแก้วหูเป็นพิเศษ

นรมนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของกานต์โทรมา เธอก็แทบบ้า

“กานต์!”

นรมนรับสายด้วยความรวดเร็ว ทว่าเสียงปลายสายกลับไม่ใช่เสียงของกานต์

“นรมน อยากเจอลูกของแกไหม? มาตามที่ฉันบอก ฉันรับรองว่าแกได้เจอลูกแกแน่ แต่จำเอาไว้ ว่าแกต้องมาคนเดียว ถ้าฉันรู้ว่าแกพาคนอื่นมาด้วย ฉันจะให้แกได้เห็นลูกของแกตายต่อหน้าต่อตาแก”

เขมิกา!

นรมนกัดฟันกรอด “มีอะไรก็ให้มาลงที่ฉัน! เธอไปทำอะไรเด็ก? เขมิกา เธอมันบ้าไปแล้ว!”

“ใช่ฉันมันบ้า! ฉันบ้ามาตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว! นรมน แกบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้! ฉันจะพูดอีกรอบ มาตามที่ฉันบอกเพียงลำพัง ถ้าแกพาคนมาด้วย หรือว่าพาบุริศร์มาด้วย ฉันจะทำให้แกได้รับรู้ความโหดร้ายของฉัน แกอยากรู้ไหมว่าตอนนี้ลูกแกอยู่ในสภาพไหน? เดี๋ยวฉันให้ดู”

บุริศร์และพฤกษ์รีบตามมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่เจอนรมน

หัวใจของบุริศร์แทบกระเด็นออกมานอกอก

“นรมนล่ะ? ไปทางไหน?”

“ขอโทษครับท่านประธาน พวกเรามองไม่ชัด”

“เวรเอ้ย!”

บุริศร์ถีบบอดี้การ์ดหงาย จากนั้นก็สั่งให้ทุกคนตามหาว่านรมนไปที่ไหน

เกิดเรื่องกับการกานต์ไปแล้ว เขาจะให้มีเรื่องเกิดกับภรรยาของเขาอีกไม่ได้

นรมนมาถึงโรงงานเคมีตามที่เขมิกาบอกอย่างรวดเร็ว

พอมาถึงถึงได้พบว่า ที่นี่เป็นโรงงานร้าง

“เขมิกา! ฉันมาแล้ว! ปล่อยลูกของฉัน เธอต้องการอะไรฉันจะให้เธอทั้งหมด!”

นรมนลงจากรถ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปราวกับเป็นบ้า ทว่าข้างในกลับไม่มีใคร

ถังไม้ที่เห็นในวิดีโอยังอยู่ เลือดสดๆข้างในยังอุ่นๆ ถึงจะมีไม่มาก แต่กลับทำให้นรมนขาอ่อน ร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด

ห้องแก้วถูกเปิดออกแล้ว ข้างในยังมีกลิ่นและอุณหภูมิร่างกายของกานต์หลงเหลืออยู่ แต่ว่ากลับไม่เจอกานต์

“กานต์! กานต์!”

นรมนจิตใจอ่อนล้า เธอทรุดนั่งลงบนพื้นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด

ทั้งโรงงานว่างเปล่า นอกจากเสียงร้องไห้ของนรมนแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก

ตอนที่บุริศร์ตามมาถึง ก็เห็นภาพนี้เข้า

นรมนนั่งร้องไห้ราวกับเป็นบ้าอยู่บนพื้น และในถังไม้ก็เลือดสดๆส่งกลิ่นออกมา เมื่อบุริศร์เห็นเลือดขมับก็เต้นตุบๆ

“นี่มัน......”

“เลือดของกานต์! นังบ้าเขมิกา ใช้เลือดของกานต์ถ่ายเลือดให้กิจจา! บุริศร์ คุณใหญ่คับฟ้าไม่ใช่เหรอ? คุณเก่งมากไม่ใช่หรือไง? ฉันขอร้อง ช่วยลูกฉันกลับมาได้ไหม? กานต์ยังเด็ก เขาเพิ่งสี่ขวบ เขาถ่ายเลือดช่วยกิจจาไม่ได้ คุณรู้ใช่ไหม? ใช่ไหม?”

นรมนจับบุริศร์เอาไว้ เธอแทบบ้าแล้ว

ลูกคือแก้วตาดวงใจของเธอ แค่ได้มารู้ว่ากานต์กำลังเจอกับอะไรแบบนี้ ฆ่าเธอยังจะดีเสียกว่า

บุริศร์ไม่คิดเลยว่าเขมิกาจะเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้!

เมื่อเห็นเลือดสดๆในถัง จู่ๆบุริศร์ก็รู้สึกทรงตัวไม่อยู่

“ใครก็ได้ เก็บเลือดพวกนี้กลับไปให้ฉัน ห้ามให้ขาดไปแม้แต่หยดเดียว”

แม้จะรู้ว่าทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่บุริศร์ก็ยังทำอย่างนี้ เป็นครั้งแรกที่คนสูง185อย่างเขาทรงตัวไม่อยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย