บทที่ 179 นายไม่มีโอกาสแล้ว
เรื่อง DNA ของนรมรไม่สอดคล้องกับพ่อแม่แท้ๆไม่รู้ว่าไปถึงหูของธรณีได้อย่างไร
เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เพราะเป็นเรื่องของนรมน เขาจึงเข้ามามีส่วนร่วม
“ฉันสามารถใช้ความสัมพันธ์เพื่อขยายคลังเก็บ DNA ตรวจหาญาติที่เหมือนกันกับนรมน บางทีอาจจะได้เบาะแสสักเล็กน้อย”
ดวงตาของบุริศร์แดงฉาน เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ในเวลานี้เขาละทิ้งความหึงหวงในก้นลึกของหัวใจตนเอง พยักหน้าและกล่าวว่า:“รบกวนคุณชายธรณีแย่เลย”
“ไม่รบกวน ฉันทำก็เพื่อตามหาคุณนรมนให้เร็วที่สุด นายไปอเมริกาได้ข่าวของเธอบ้างไหม?”
บุริศร์ส่ายหน้า
การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนรมนกับกานต์เหมือนภูเขาลูกใหญ่สองลูกทับอยู่บนหน้าอกของเขา
เขาไม่อาจให้อภัยตนเองได้
เมืองชลธีคือพื้นที่ของเขา แต่กลับทำให้คนที่สำคัญที่สุดของตนเองหายไปจากใต้จมูก บุริศร์อยากจะทุบหัวตนเองให้ตาย
ธรณีกับเขาไปสถานีตำรวจด้วยกัน
พ่อแม่ของนรมนยังคงตกใจ เอาแต่ถามว่าสถานีตำรวจทำพลาดหรือเปล่า แต่เรื่องแบบนี้สถานีตำรวจจะทำพลาดได้อย่างไร?
ทั้งสองคนถูกพฤกษ์พากลับไปที่ตระกูลธนาศักดิ์ธนชั่วคราว แต่คนแก่ทั้งสองนอนหลับไม่ลง
ธรณีมองเห็นท่าทางแบบนี้ของบุริศร์ จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า:“ไปดื่มด้วยกันไหม?”
บุริศร์ส่ายหน้ากล่าวว่า:“ฉันจะต้องบินไปผ่าตัดที่อเมริกา ดื่มไม่ได้”
“ผ่าตัดอะไร?”
ธรณีคิดว่าบุริศร์เจ็บป่วย
บุริศร์ตอบเสียงเบาว่า:“ไม่มีอะไร ผ่าตัดเล็กน้อย นายไม่ต้องเป็นห่วง”
ธรณีไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นห่วงบุริศร์
แต่ก่อนเขาเข้าใจว่าบุริศร์เป็นคนเลือดเย็น ห้าปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเขาเดินใกล้ใคร นอกจากนี้ยังมีข่าวลือของเขากับเขมิกา แต่เมื่อนรมนกลับมาได้ไม่นาน พวกเขาก็อยู่ด้วยกัน นี่ทำให้ธรณีรู้สึกว่าบุริศร์คนนี้เป็นผู้ชายปลิ้นปล้อน
แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง เขาพบว่าตนเองดูจากภายนอกผิดไป
ความรู้สึกของบุริศร์ที่มีต่อนรมนเหนือกว่าทุกสิ่ง ถ้าบอกว่าเห็นอาการตกหลุมรักแต่แรกพบ เขาไม่เชื่อ!
เขาเองก็รู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบกับนรมน แต่ให้เขาทำเพื่อนรมนกับกานต์จนถึงขั้นนี้ เดาว่าคงจะแตกต่างเล็กน้อย
นึกถึงความสัมพันธ์ของกานต์กับบุริศร์ และความซับซ้อนระหว่างนรมนกับบุริศร์ ธรณีจุดบุหรี่และเอ่ยถามว่า:“นายกับคุณนรมนรู้จักกันได้อย่างไร?”
“นายจะอยากรู้ไปทำไม?”
บุริศร์ก็อยากสูบบุหรี่
พูดตามความจริง หลังจากนรมนกับกานต์หายไป เขาอยากใช้นิโคตินให้ตนเองสติเลอะเลือนทุกวัน แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียว เขายังมีกมลและกิจจา!
ธรณีสูบบุหรี่เข้าลึกและกล่าวว่า:“ฉันอยากรู้เรื่องของพวกนาย บางทีฉันอาจจะเลือกปล่อยมือ”
“นายไม่มีโอกาสแล้ว!”
บุริศร์สงบนิ่งสุดๆ
ถ้าเลือกได้ เขายอมให้นรมนถูกทุกคนไล่ล่าดีกว่า ดีกว่าไม่มีข่าวคราวอย่างในตอนนี้
ถ้าเป็นแต่ก่อน ธรณีได้ยินแบบนี้คงจะโมโหไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกสักนิดเดียว เหมือนกับการหายตัวไปของนรมนได้พาความรู้สึกของเขาไปด้วย
ความรู้สึกว่างเปล่าทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆ
ธรณีรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างแปลก เขากับนรมนไม่ได้รู้จักกันลึกซึ้ง แต่เขากลับมีความรู้สึกสนิทสนมกับเธอ ความรู้สึกนี้ทำให้เขาปล่อยวางนรมนไม่ได้มาตลอด
เขาไม่อาจลืมความรู้สึกมีชีวิตชีวาของนรมนตอนที่ออกมาจากห้องภาพของพี่ใหญ่ ชินทร
ความรู้สึกนี้เหมือนกับสิ่งที่ชินทรเคยประสบมาก่อน แต่เพียงแค่ความรู้สึก
ธรณีรู้สึกว่าตนเองอาจจะคิดถึงเฮียมากเกินไป
พี่ชายทั้งสี่ของพวกเขาอายุมากกว่าเยอะ ส่วนพ่อของเขาเสียไปนานแล้ว เฮียครองตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
ชินทรสอนให้เขาเป็นคนอย่างไร สมัครทหารอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะกลายเป็นคนไม่ย่อท้อ เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของบ้านเกิดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ๆ
วันนี้เขาเติบโตขึ้นมา แต่เฮียไม่อยู่แล้ว
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้คิดถึงเฮีย จนเมื่อเห็นนรมนออกมาจากห้องภาพ เขาถึงตระหนักได้ว่า เฮียเคยเป็นคนที่มีความสามารถในด้านศิลปะ แต่เพื่อบรรพบุรุษตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เขาจึงละทิ้งปากกา เสียสละตนเอง เข้ารับราชการทหาร
ธรณีรู้สึกกดดันขึ้นมาฉับพลัน
เขาเอ่ยเสียงเบา:“ฉันจะต้องตามหาคุณนรมนให้พบ!”
“ขอบคุณนะ”
ในเวลานี้บุริศร์ไม่มีความอิจฉา มีเพียงความซาบซึ้งใจ
ธรณีรู้สึกช็อก
เขานึกไม่ออกว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะใช้ชีวิตในต่างแดนพร้อมกับลูกอีกสองคนอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกคนหนึ่งมีโรคประจำตัว
สำหรับนรมน ธรณียิ่งรู้สึกสงสาร
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ยังต้องรอผลความเข้ากันได้ ถ้าความเข้ากันได้สำเร็จ ฉันต้องเข้ารับการผ่าตัด นั่นคือลูกสาวของฉัน คือลูกสาวของฉันกับนรมน!แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิด แต่ฉันจะไม่ถอดใจ”
“ต้องบริจาคอะไร?”
ธรณีเป็นคนฉลาด การผ่าตัดเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องหาพ่อแท้ๆ นอกจากนี้บุริศร์พูดถึงการจับคู่ เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ไต!”
บุริศร์ก็ไม่ได้คิดจะปิดบังธรณี จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตนเองยืนอยู่บนที่สูงอย่างเดียวดายมานานเกินไป จึงไม่มีแม้แต่เพื่อนสนิทด้วยซ้ำ ยิ่งเพราะการถูกฝังทั้งเป็นในเปลวไฟของนรมนเมื่อห้าปีก่อน ยิ่งทำให้เขาเก็บงำความรู้สึกของตนเองเอาไว้ในใจ
ครั้งหนึ่งเขาคิดว่าเขาจะเป็นศพเดินได้ แต่นรมนกลับมาแล้ว
เธอไม่เพียงแค่กลับมา แต่ยังพาทูตสวรรค์ที่ชื่อว่ากานต์กลับมาด้วยกัน พวกเขามอบความสุขและความอบอุ่นให้แก่เขา แต่ตอนนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่ทันได้ตั้งตัว
ความรู้สึกนี้เหมือนยืนอยู่ในก้อนเมฆ อยู่ดีๆก็ดิ่งลงเหว ความรู้สึกหนาวเข้าไปถึงกระดูกทำให้เขาไม่รู้จะต้องทำอย่างไร จนรู้สึกยิ่งอ้างว้างและโดดเดี่ยว
เขาต้องการเพื่อนสักคนอย่างยิ่ง แต่มองไปรอบๆ เหมือนจะไม่มีเพื่อนสักคนข้างกาย
ถึงแม้ว่าพฤกษ์จริงใจ แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็ยังไม่เข้าใจ
ในตอนนี้ถึงแม้เขาจะไม่ได้สัมผัสธรณีมามาก แต่กลิ่นอายของชายที่หยิ่งยโสและไม่แยแสทำให้ต่างฝ่ายต่างกลายเป็นเพื่อนกันอย่างแปลกประหลาดมาก จนเขาไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ธรณีกลายเป็นเพื่อนวงในของเขา แม้ว่าผู้ชายคนนี้จ้องจะจับภรรยาเขาก็ตาม
ธรณีขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวเสียงเบาว่า:“นี่มันไม่ใช่การผ่าตัดเล็กๆ!”
“ดังนั้นฉันขอร้องนาย ช่วงนี้ต้องรบกวนคุณเรื่องของนรมน ถึงแม้ตระกูลโตเล็กจะมีกำลังคนอยู่ทั่วเมืองชลธี และมีศักยภาพ แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องของป้าโอขึ้นมา ฉันถึงพบว่า ตระกูลโตเล็กไม่ได้อยู่ในการควบคุมทั้งหมดของฉัน”
“นายหมายความว่าอย่างไร?นายตรวจเจออะไรหรือไง?”
ธรณีสัมผัสได้ถึงบางอย่างในคำพูดของบุริศร์
บุริศร์พยักหน้าและตอบว่า:“ป้าโออยู่ในตระกูลโตเล็กมายี่สิบกว่าปี อาจพูดได้ว่าอยู่มาก่อนที่ฉันจะเกิด เธอดีกับฉันมาตลอด ทำให้ฉันรู้สึกต่อเธอไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่แท้ๆ แต่ผู้หญิงที่ดูไม่มีอะไร กลับควบคุมเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่มากของเมืองชลธี ฉันสามารถรับประกันได้ว่าเรื่องต่างๆเกี่ยวข้องกับเธอ แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ฉันให้พฤกษ์ไปตรวจสอบเรื่องการหายตัวไปของนรมนกับกานต์ รวมทั้งเรื่องไฟไหม้อย่างฉับพลันเมื่อห้าปีก่อนของนรมน แต่ในความมืดมิดมักมีอุปสรรค์ขวางกั้นเสมอ เดิมทีฉันเข้าใจว่าเขมิกากับตังเมแอบเล่นตุกติก แต่ฉันเพิ่งจะค้นพบว่า เป็นปัญหาของตระกูลโตเล็กเอง”
“ตระกูลโตเล็กมีคนอย่างป้าโอ?ก็เหมือนมีคนทรยศ ?”
คำพูดของธรณีทำให้บุริศร์พยักหน้า
“นอกจากนี้ยังมีอีกเยอะ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าข้างกายแท้จริงแล้วใครคือคนของฉันบ้าง แม้แต่แม่ของฉันก็ดูเหมือนจงใจปกป้องป้าโอ หลายปีที่ผ่านมา คนที่ฉันฝึกฝนอย่างหนัก ดูเหมือนจะกลายเป็นคนของป้าโอย่างน่าขัน ส่วนฉันเป็นตัวอะไรในตระกูลโตเล็ก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...