บทที่ 290 ฉันจะเอาลูกสาวแล้วก็จะเอาคุณด้วย!
ที่จริงบุริศร์แค่จะแกล้งขู่เขา แต่ตอนนี้มาได้ยินกานต์พูดแบบนี้ บุริศร์ก็โกรธจนลุกยืนขึ้นมาทันที แล้วเดินไปทางกานต์เลย
“เธอพูดใหม่อีกครั้งซิ เธอจะทำอะไรนะ?”
“ผมจะประกาศหาคู่ให้หม่ามี้! ผมจะเปลี่ยนแด๊ดดี้!”
กานต์ยังคงไม่กลัวตาย ยังคงยั่วยุความเคร่งขรึมของบุริศร์อยู่
นรมนรู้สึกว่าปวดหัวจะตายอยู่แล้ว
นี่ตกลงกานต์ถูกเลี้ยงดูมาภายใต้มือของตรินท์ยังไงนี่ ตอนนี้ทำไมถึงได้อยากจะโดนจัดการขนาดนี้นะ?
อย่าว่าแต่บุริศร์เลย ตอนนี้แม้แต่เธอเองก็อยากจะลงมือแล้ว
“ลูกอยากจะลิ้มลองผู้หญิงและผู้ชายหมุนเวียนกันตีสักหน่อยไหม?”
นรมนเปิดปากพูดขึ้นเสียงเบาเลย
กานต์อึ้งไปเล็กน้อย จ้องมองนรมนอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อแล้วพูดขึ้นว่า “หม่ามี้ ตอนนี้หม่ามี้มีคนต่างเพศแล้วไม่มีความเป็นคนแล้วเหรอ? เพื่อคนในดวงใจของหม่ามี้ แม้แต่ลูกชายแท้ ๆ ก็ไม่เอาแล้วเหรอ?”
นรมนรู้สึกว่าที่ขมับเต้นตุ๊บ ๆ อยู่
“ยังจะพูดอีก?”
“หือ หือ หม่ามี้ไม่รักผมแล้ว!”
กานต์เริ่มงอแงเจ้าเล่ห์อีกแล้ว ร้องไห้แว้ แว้ ขึ้นมา
นรมนรู้สึกว่าตอนนี้ทั้งตัวตั้งแต่บนลงล่างของกานต์ต่างก็เอ่อล้นกลิ่นอายความอยากจะโดนตีเอาไว้
แล้วเธอก็ลากกานต์เข้ามาในอ้อมกอด แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หยุดเถอะ พอแค่นี้เถอะ ในดวงตาของเธอไม่มีน้ำตาอยู่เลยสักนิด”
กานต์อึ้งไปเล็กน้อย แล้วรีบเอาน้ำลายของตัวเองไปแปะไว้ที่หางตา แล้วถามขึ้นเหมือนเป็นเรื่องสำคัญว่า “แล้วตอนนี้มีน้ำตาหรือยังครับ?”
“ฉันสามารถตีเธอจนน้ำตาไหลออกมาได้นะ”
บุริศร์รู้สึกว่ากานต์นั้นช่างก่อกวนได้ดีจริง ๆ เลย
เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ตอนนี้ไม่มีวินาทีไหนที่ไม่แสดงความมีตัวตนอยู่ของเขาเลย และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าตอนนั้นที่เขาโดนเขมิกาพาตัวไป ทำให้เกิดภาพฝังใจที่ค่อนข้างใหญ่กับเขาหรือเปล่า
ทุกวันนี้สำหรับกานต์แล้ว บุริศร์นั้นทั้งรักและเกลียด พอเห็นว่าเขายังคงดึงดันอยู่ในอ้อมกอดของนรมน ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “มานี่ ฉันอุ้มเธอเดินเอง”
“ไม่เอา! ผมบอกแล้วไง ว่าผมจะเปลี่ยนแด๊ดดี้ คุณอย่ามาคิดติดสินบนผมนะ ตีผมก่อน แล้วตอนนี้ก็จะมาอุ้มผม ผมไม่ตกหลุมพรางชุดนี้หรอกนะ”
กานต์พูดแล้วก็หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เหมือนกับว่าจะรังเกียจบุริศร์มากยังไงอย่างงั้น
นรมนส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มขึ้นมา
“เอาล่ะ อย่าหยิ่งยโสอีกเลย ก็ไม่รู้ว่าใครตอนที่ได้เห็นแด๊ดดี้ของเธอนั้นดีใจเหมือนอย่างกับคนโง่ยังไงอย่างงั้น”
“หม่ามี้ ที่หม่ามี้พูดคือกิจจามั้งครับ?”
ไม่ว่ายังไงกานต์ก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโง่
บุริศร์เห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ ก็ขี้เกียจยืดเยื้อกับเขาต่อ เขาพูดกับนรมนที่อยู่อีกข้างหนึ่งว่า “เมื่อกี้คงตกใจแย่เลยใช่ไหม?”
“อืม หัวใจก็เกือบจะเต้นออกมาแล้ว รถที่เร็วขนาดนั้น เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ก็ยืนอยู่ตรงนั้น จนฉันตกใจหมดเลย”
คำพูดของนรมนนั้นไม่ได้พูดพล่อย ๆ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงตูมตามอยู่เลย
พอกานต์เห็นว่าตัวเองทำให้นรมนตกใจจริง ๆ แล้ว ก็พูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “หม่ามี้ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“เธอให้หม่ามี้ของเธอมีอายุยืนยาวอีกหลายปีหน่อยเถอะ การทารุณแบบนี้จะทำให้เธอตกใจตายได้จริง ๆ ยังมีอีกอย่าง ที่ที่วุ่นวายแบบนี้เธอมาทำไมกัน? เธอไม่รู้ว่าเมื่อกี้หม่ามี้และแด๊ดดี้เป็นห่วงเธอมากแค่ไหนเหรอ?”
“นี่ก็เป็นเพราะว่าผมมาแล้ว เรื่องนี้ถึงได้มีจุดจบที่สวยงามแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ผมเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ต่างก็รู้สึกว่าผมหลอกง่าย และแน่นอนว่าขอแค่ผมดูใสซื่อหน่อย ไร้เดียงสานิดหนึ่ง โง่นิดหนึ่ง พวกผู้ใหญ่พวกนั้นก็จะคิดว่าแค่ให้ขนมผมสักหนึ่งผมก็จะตามเขาไปแล้ว แล้วเวลานี้ที่จริงเป็นเวลาที่พวกเราจะระมัดระวังตัวน้อยที่สุด ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถที่จะสิ้นเปลืองพรสวรรค์ของผมไปได้”
คำพูดพวกนี้ของกานต์ทำให้นรมนอึ้งจนพูดไม่ออก
“ใครสอนหลักการชุดนี้ให้เธอกัน?”
“คุณอาครับ! อารองบอกว่าผมหน้าตาหล่อขนาดนี้ ถ้าไม่ทำตัวให้มันน่ารักก็เสียดายใบหน้านี้ของผมไปแล้ว”
กานต์พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจมากเป็นพิเศษ
บุริศร์มีความหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว มองดูนรมนแล้วพูดขึ้นอย่างเก้อเขินว่า “ตรินท์นั้นค่อนข้างพึ่งไม่ได้จริง ๆ”
นรมนก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เจอนั้น สำหรับตรินท์น้องสามีคนนี้ก็ค่อนข้างตั้งตารอคอย แต่ตอนนี้กลับแทบอยากจะให้ลูกชายตัวเองอยู่ห่าง ๆ เขาหน่อย
“อารองของเธอก็มาด้วยเหรอ?”
“เปล่าครับ อารองบอกว่าสถานการณ์อย่างนี้ไม่เหมาะที่จะให้เขามาออกหน้า ในเมื่อคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง ถ้าอยู่ ๆ ก็โผล่ออกมา จะทำให้คนตกใจตายได้ ในเวลานี้อารองน่าจะกลับไปถึงบ้านแล้ว เขาบอกว่าจะกลับไปดูคุณย่า หม่ามี้ พวกเราก็กลับกันเถอะ กมลยังรอพวกเราอยู่นะ”
พูดถึงกมลแล้ว กานต์กลับมีสีหน้ากังวลทั้งหน้า
บุริศร์เองก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง
“อาการของกมลนั้นจะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว ฉันพูดกับแม่แล้ว วันนี้จำเป็นจะต้องกลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้เรื่องของทางนี้ก็คลี่คลายได้แล้ว แล้วสินค้าชุดนั้น อีกเดี๋ยวก็ให้พวกเขาไปตรวจสอบดูสักหน่อย พวกเรากลับไปดูลูกสาวกันก่อนดีกว่า”
พอได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้แล้ว นรมนเองก็รีบร้อนกว่า
“ได้! พวกเรากลับบ้านกัน!”
ครอบครัวทั้งสามคนหมุนตัวก็จะจากไป
แล้วในเวลานี้ ธิดาที่ควรจะสลบอยู่ อยู่ ๆ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วเห็นครอบครัวนรมนทั้งสามคนดูท่าทางมีดูความสุข ก็รู้สึกอิจฉามากมายขึ้นมาทันที
มีสิทธิ์อะไร ที่ทั้งชีวิตเขาวิ่งตามความสุขมาตลอดแต่กลับไม่ได้ แต่ว่านรมนกลับสามารถได้มาอย่างง่ายดายแบบนี้เลยเหรอ?
แล้วมีสิทธิ์อะไร ทำไมบุริศร์ถึงได้อยู่อย่างสูงส่งและดื่มด่ำอยู่กับทั้งหมดนี้เหรอ?
มีสิทธิ์อะไร?
นรมนร้องไห้เสียใจมาก
กานต์เองก็ร้องไห้เสียงดังอยู่
คนขับรถปราบธิดาจนอยู่หมัดแล้ว
พอเห็นท่าทางบุริศร์ที่บาดเจ็บและเลือดไหลไม่หยุดแล้ว เขาก็ยิ่งหัวเราะอย่างกับคนบ้า
“ฮา ฮา ฮา ฮา! ฉันไม่มีความสุข พวกแกใครก็อย่าได้หวังว่าจะได้มีความสุข! ถึงแม้ว่าบุริศร์ไม่ตาย แต่ว่าอยากจะเปลี่ยนไตให้กมลนั้น ฝันไปเถอะ! ครอบครัวของพวกแกยังไงก็ต้องตายสักคน หรืออาจจะสองคน! ฉันคุ้มแล้ว! ถึงแม้ว่าฉันจะตาย ฉันก็คุ้มแล้ว!”
นรมนไม่เคยเกลียดคนคนไหนแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เธอแทบอยากจะเอามีดมาฆ่าธิดาให้ตายไป
เธอรีบร้อนลุกขึ้นมา แล้วเดินไปถึงตรงหน้าธิดา เสียงดัง“เพี๊ยะ เพี๊ยะ”หลายที ลงมืออย่างไม่ออมมือเลย
ธิดาโดนนรมนตบจนมึนไปเลย
หรือบางทีจากที่เธอดูมาแล้ว นรมนคงจะไม่ลงมือกับเธอ
เธอจ้องมองนรมนอย่างอึ้ง ๆ และได้ยินนรมนพูดว่า “ถ้าหากว่าบุริศร์หรือว่าลูกสาวของฉันใครคนใดคนหนึ่งเกิดอะไรขึ้น ฉันจะให้เธอได้ตายทั้งเป็นแน่!”
ดวงตาของนรมนอย่างกับว่ามองคนตายยังไงอย่างงั้น อุณหภูมิที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้ธิดาอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นขึ้นมา แต่ว่ายังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “ฉันของสาปแช่งพวกแก ขอให้พวกแกไม่มีความสุขตลอดชีวิต!”
“ยัยผู้หญิงชั่ว! ฉันจะตีแกให้ตาย! ฉันจะตีแกให้ตาย!”
กานต์ยกกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้นมา และทุบตีลงบนตัวของธิดาอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้นรมนได้สงบนิ่งลงมาแล้ว
ตอนนี้บุริศร์ได้รับบาดเจ็บแล้ว คงจะทำการผ่าตัดไม่ได้แน่ ๆ ตอนนี้จำเป็นจะต้องให้บุริศร์ได้รับเลือดถึงจะถูก
เธอพูดขึ้นกับคนขับรถที่อยู่อีกข้างหนึ่งว่า “รีบส่งประธานบุริศร์ไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน! เร็วเข้า!”
“ครับ!”
คนขับรถตีธิดาให้สลบไปโดยตรงเลย และเพื่อป้องกันเธอจะมาเล่นตุกติกอะไรอีก คนขับรถก็หาเชือกมามัดธิดาอย่างแน่นหนาให้เรียบร้อย ถึงมาพยุงบุริศร์ขึ้นรถ
มือของนรมนกำลังสั่นเทาอยู่
บุริศร์สามารถรู้สึกได้ถึงความห่างออกไปของการมีชีวิตอยู่ ขากำมือของนรมนไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ถ้าหากผมไม่ไหวแล้ว จะต้องเอาไตของผมให้กลมให้ได้นะ ถ้าหากว่าหมอบอกว่าสามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ จำไว้นะ ว่าไม่ต้องสนใจผม ช่วยกลมก่อน แกยังอายุน้อยขนาดนั้น อะไรก็ไม่รู้ แกยังมีชีวิตที่ยืนยาวขนาดนั้น”
“ฉันเอาลูกสาว และฉันก็จะเอาคุณด้วย!”
ดวงตาของนรมนเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
เธอจับมือของบุริศร์ไว้แน่น แล้วพูดกับกานต์ที่อยู่อีกข้างหนึ่งว่า “โทรศัพท์ให้กิมจิ ให้เขาจัดสรรเฮลิคอปเตอร์ไว้ และต้องไปให้ถึงเมืองชลธีให้เร็วที่สุด และในขณะเดียวกัน ก็ให้พาหมอที่อยู่ใกล้ที่สุดในพื้นที่นี้มาด้วย และเอาเลือดกรุ๊ปRh positiveทั้งหมดที่มีอยู่ในคลังเลือดมาให้หมดด้วย”
“อ๋อ ได้ครับ!”
กานต์มือเท้ายุ่งกันเป็นระวิง เขานึกว่าตัวเองคงจะไม่ได้ใส่ใจบุริศร์มากขนาดนั้น แต่ว่าชั่วขณะหนึ่งของเมื่อกี้ เขารู้สึกว่าถ้าหากบุริศร์ไม่อยู่แล้ว ชีวิตของเขาก็คงจะไม่สมบูรณ์แล้ว
โทรศัพท์ถูกโทรออกไปที่กิมจิอย่างรวดเร็ว และอย่างรวดเร็วเฮลิคอปเตอร์ก็ถูกเตรียมพร้อมแล้ว เพียงแต่ว่าบนใบหน้าของทุกคนนั้นช่างเคร่งขรึมกันมาก ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีจุดจบแบบนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...