บทที่ 357 หากเป็นเธอ หญิงหรือชายผมไม่สน
“โอ๊ย!”
นรมนอุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่ทันที่เธอจะได้ร้องอะไรออกมาต่อจากนั้น ก็ถูกมือหนาของบุริศร์ปิดปากเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่เสื้อผ้าของเธอจะถูกดึงขึ้น ห่อหุ้มอย่างแน่นหนา พร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความเกรงว่าจะมีกล้องวงจรปิด ภรรยาของเขาคงได้เปิดเผยจนหมดสิ้นแน่
ปฏิกิริยาของเขา นรมนจับจ้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตาแป๋ว
จนเธอแทบลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ กระทั่งบุริศร์ดึงเธอขึ้น หญิงสาวถึงได้รู้สึกตัวจนใบหน้าแดงก่ำ
“วันหลังฉันจะไม่ออกมากับนายแล้ว นายมันร้ายกาจ”
นรมนวิ่งไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ล็อกบุริศร์เอาไว้ด้านนอก
เมื่อสักครู่บุริศร์ยังโอบอุ้มนรมนด้วยไฟลุกโชน บัดนี้เขากลับสองมือว่างเปล่า เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่เมื่อนึกถึงเรือนร่างของนรมน สายตาของเขามืดมิดลง ปะปนไปด้วยความเจ็บปวด
เฮ้อ!
อดทนเอาไว้
เรือนร่างของนรมนทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรไปมากกว่านี้ รออีกสักหน่อยแล้วกัน ไม่อย่างนั้นบุริศร์จะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ให้เล็ดลอดหลุดมือไปได้อย่างไร? เขาสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด ก่อนกวาดสายตาไปโดยรอบ ถึงได้รู้ว่าเสื้อผ้าของเขา ถูกนรมนหยิบติดมือเข้าไปด้วย ทำให้เขาไร้คำพูด
“นรมน!”
“อย่าพูดกับฉัน ตอนนี้ฉันไม่อยากได้ยินเสียงของคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณด้วย ช่วยอยู่เงียบๆ สัก 3 นาทีจะได้ไหม”
นรมนรู้สึกขายหน้าทุกทีที่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้
แม้ว่าจะเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่โลหิตในร่างกายยังคงเดือดพล่าน
เธอจ้องมองตนเองในกระจก ใบหน้าที่ดุจดั่งดอกท้อ ไม่ใช่ว่าไม่สวย ไร้เสน่ห์ เหตุใดบุริศร์ถึงได้หยุดการกระทำลงกะทันหัน กันนะ?
พวกเขาได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาแล้ว ร่างกายของเธอกลับมาเป็นปกติดีแล้ว สามารถมีความสัมพันธ์เช่นนั้นได้แล้ว เหตุใดจู่ๆ บุริศร์ถึงห่อหุ้มเธอเอาไว้?
นรมนพบว่าขณะที่ตนเองกำลังไตร่ตรองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เธอกลับเขินอายขึ้นมาซะอย่างนั้น
เธอกำลังหวังอะไรอยู่?
หวังให้เขาทำอะไรตนที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
หรือห่วงให้บุริศร์ไปขั้นตอนถัดไป?
นรมนกลับไม่เข้าใจตนเองขึ้นมา
นรมนที่ขัดแย้งในตัวเองเช่นนี้เป็นเธอจริงๆ หรือ
บุริศร์เองก็ไม่รู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ด้านในกันแน่ แต่นรมนในตอนนี้กลับทำให้เขาสงบลง เช่นนั้นให้เขาสงบสักครู่แล้วกัน ให้เธอได้มีเวลาปรับตัวด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้นทั้งคู่ต่างตกอยู่ในความเงียบ บุริศร์ยกโทรศัพท์ขึ้นดู พบว่ามีสายเรียกเข้าหลายสายที่ไม่ได้รับสาย ซึ่งมาจากธรณีทั้งนั้น ส่วนสาเหตุที่ฝ่ายตรงข้ามโทรเข้ามา บุริศร์เองรู้ดี แต่ตอนนี้เขากลับไม่อยากสนใจมัน
พิธีการเข้าวงศ์ตระกูล กลับถูกคุณนายทวีทรัพย์ธาดาที่ไม่รู้อะไรเลยปั่นป่วนจนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ต้องการให้ภรรยาของตนต้องตกอยู่ในความลำบากเช่นนั้นหรอก
ก็แค่บัตรประชาชนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?
หากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่รู้จักทะนุถนอม เขาจะคิดหาวิธีจัดการทุกอย่างเอง
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น บุริศร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมุ่งไปที่ริมหน้าต่าง ต่อสายหาธเนศพลที่อยู่เมืองหลวง
“ทำไมถึงติดต่อผมกะทันหันล่ะ? ครั้งก่อนคุณธรณีมาไม่เห็นนายจะมาด้วย ได้ข่าวว่าที่บ้านนายมีปัญหา จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
ธเนศพลค่อนข้างยุ่ง อยู่ห่างจากบุริศร์และคนอื่นๆ ไม่ค่อยได้มีเวลารวมตัวกันสักเท่าไหร่
บุริศร์ไม่มีเวลาที่จะ พูดพร่ำกับเขา บุริศร์เข้าประเด็นโดยตรง “บัตรประชาชนที่แกจัดการให้ธรณีส่งให้ฉันด้วย ฉันจะไปทำบัตรประชาชนให้กับภรรยาฉัน”
“หืม? ภรรยานาย? แม่สาวตระกูลทวีทรัพย์ธาดางั้นเหรอ?”
ธเนศพลได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้วจากธรณี จึงเอ่ยถามไปตามประสา
บุริศร์เองก็ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เขาพยักหน้ารับ “ใช่ ตอนนี้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาค่อนข้างวู่วามสับสน โดยเฉพาะเรื่องที่ไปทำบัตรประชาชนนี่ สู้ฉันทำให้ภรรยาของฉันเองจะดีกว่า”
“ภรรยา ภรรยาเรียกซะใกล้ชิดเชียว จะจัดงานแต่งตอนไหน? ฉันได้ข่าวว่านายจะจัดงานแต่งอีกครั้ง ครั้งก่อนที่นายจัดงานแต่งฉันมีภารกิจไม่ได้ไปเข้าร่วม ครั้งนี้เป็นไง?”
ประโยคของธเนศพลทำให้บุริศร์อารมณ์ดี
“อันนี้ฉันโอเค ตอนนี้นายเตรียมตัวได้เลย แต่เรื่องบัตรประชาชน…..”
“ฉันจะส่งให้นายเดี๋ยวนี้ จะโทรไปสำนักงานที่เมืองชลธีด้วย เดี๋ยวนายแวะเข้าไปจัดการได้เลย”
“ได้ ขอบใจมากนะ!”
เมื่อบุริศร์วางสายโทรศัพท์ นรมนได้ออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอเห็นว่าในมือเขาถือโทรศัพท์เอาไว้ จึงเอ่ยถามออกไป
“คุณโทรศัพท์หาใคร?”
“เพื่อนคนหนึ่ง รอฉันเดี๋ยว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เราต้องเดินทางไปที่สำนักงานเขตจัดการเรื่องบัตรประชาชนของเธอประโยคของบุริศร์ทำให้นรมนนิ่งไป
“คุณจัดการได้จริงเหรอ?”
“เอกสารธรณีดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้าย วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
บุริศร์ส่งยิ้มให้กับนรมน
ขอบตาของนรมนเปียกชื้นขึ้นมาในทันใด
คนที่เข้าใจเธอมีเพียงแค่บุริศร์คนเดียวเท่านั้น
ที่เธอรบกวนให้ธรณีไปจัดการเรื่องนี้ อันที่จริงเธอต้องการกลับเข้าสู่ตระกูลทวีทรัพท์ธาดาอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ มีตุลยาเป็นเสี้ยนหนาม ส่วนคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเองก็ค่อนข้างใส่ใจเธออย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้เธอรู้สึกมีช่องว่างบ้างไม่มากก็น้อย
ตอนนี้เพราะเรื่องสถานะของเธอคุณนายทวีทรัพย์ธาดาถึงได้ห่างเหินกับเธอและให้ความไว้วางใจกับตุลยา อันที่จริง นรมนรับไม่ได้กับสิ่งนี้
แม้ว่าคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเธอไม่รู้อะไรเลย ก็เพราะเธอไม่รู้อะไรเลย แต่กลับปกป้องและไว้ใจคนนอกมากกว่า สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้เธอเจ็บช้ำ
ทีแรกเธอบอกว่าบุริศร์สามารถจัดการให้เธอได้เธอเพียงประชดไปเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าบุริศร์จะสามารถจัดการได้จริงๆ
“ขอบคุณนะคะ บุริศร์”
นรมนพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม กอดรัดบุริศร์เอาไว้แน่น
บุริศร์ที่อุตส่าห์ดับไฟราคะในกายได้แล้ว ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเค! ไม่หัวเราะ!”
แม้เขาจะว่าไปอย่างนั้น แต่มุมปากของบุริศร์ก็ยังคงยกหยักขึ้นทำองศา ทำให้นรมนไม่สบอารมณ์ ทั้งคู่เรียกรถแท็กซี่ไปที่สำนักงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับรู้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นนรมนและบุริศร์เดินเข้ามาจึงรีบเดินหน้าเข้าไปต้อนรับทันที ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว
เมื่อนรมนเห็นบัตรประชาชนที่เพิ่งออกจากเตาสดๆ ร้อนๆ เธอปลื้มปริ่มจนแทบน้ำตาไหล
เป็นคนเร่ร่อนมาตั้งนาน ในที่สุดเธอก็ได้มีบัตรประชาชนเสียที
“ฉันว่าเราควรไปฉลองสักหน่อย ไม่เช่นนั้นฉันพาคุณไปเลี้ยงข้าวดีไหม?”
นรมนเอียงศีรษะจับจ้องไปที่บุริศร์ ด้วยสายตาเป็นประกาย
บุริศร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอเค”
“ตกลงไว้ก่อนเลยนะ มื้อนี้ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง”
นรมนยื่นข้อเสนอ
บุริศร์ไม่ต่อกรกับเธอ เขาเลือกที่จะโทรกลับไปที่บ้านแทน เพื่อแจ้งกับทุกคนว่าวันนี้จะไม่กลับไปทานอาหาร ก่อนที่จะจูงมือของนรมนไปที่ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ที่สุด เพียงแต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ก้าวเข้าไปที่ร้านอาหาร เสียงโทรศัพท์ของนรมนพลันดังขึ้น เมื่อเธอก้มลงดู พบว่าเป็นคุณนายโตเล็ก เธอนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “คุณแม่เอง”
“รับสิ!”
บุริศร์รู้สึกว่านรมนน่ารักขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนี้ทำไมอยู่ไฟแล้วถึงได้ไอคิวลดต่ำไปด้วยนะ? แต่ก็น่ารักดี เขาชอบ
นรมนเองก็รู้สึกว่าตนเองโง่งม
โทรศัพท์จากคุณนาย ทำไมเธอถึงต้องถามความเห็นบุริศร์ด้วยว่าจะรับสายไหม?
เมื่อนึกขึ้นได้ นรมนลูบจมูกตนเองแก้เก้อ ก่อนที่จะรับสาย
“แม่คะ”
“นรมน ฉันลองคำนวณดูแล้ววันนี้เธอคงจะออกไฟแล้ว เป็นยังไงบ้าง? กลับบ้านมาทานข้าวหน่อยไหม ตอนที่เธอต้องการฉันมากที่สุดฉันกลับไม่ได้อยู่ข้างเธอ ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย ฉันให้ป้าหวานเตรียมอาหารไว้มากมายเลย เธอจะพาเด็กๆ เข้ามาทานอาหารด้วยหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของคุณนายโตเล็กฉาบไปด้วยการรอคอย
นรมนจับจ้องบุริศร์ ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ฉันเลี้ยงข้าวคุณไม่ได้แล้วล่ะ วันหลังแล้วกัน”
“เธอตัดสินใจได้เลย”
บุริศร์ไม่ได้ว่าอะไร
นรมนเอ่ยกับคุณนายโตเล็ก “แม่คะ เด็กๆ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน หนูกับบุริศร์อยู่ข้างนอก เราจะกลับไปทานข้าวด้วยกัน”
“ได้ได้!”
คุณนายโตเล็กดีใจเป็นอย่างมาก
หลังตัดสายทิ้ง บุริศร์ลกำลังจะพานรมนกลับบ้าน แต่กลับถูกเธอรั้งเอาไว้
“ฉันอยากจะซื้อของนิดหน่อย ฉันอยู่ไฟทั้งเดือน คุณแม่เองก็ไม่ได้อยู่ดี ฉันได้ข่าวว่าทั้งเดือนนี้คุณแม่ถอนพิษมีอุปสรรค ต้องมียาถอน แต่เพราะอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานเกินไป ค่อนข้างซับซ้อน ลูกๆ อย่างเรา ก็อยู่ดูแลข้างกายท่านไม่ได้ ตอนนี้เธอยังจะนึกถึงฉันอยู่อีก ยังไงฉันก็กลับไปมือเปล่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
ประโยคของนรมนทำให้ดวงตาของบุริศร์เต็มไปด้วยความสนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...