บทที่ 364 ยั่วโมโหผู้หญิงไม่ได้
"ขึ้นมา!"
บุริศร์เห็นหน้าตาที่ไร้เดียงสาของเธอ ยิ่งโมโหมากขึ้น
กานต์กลับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและพูดว่า:"คุณบุริศร์ครับ วันนี้คุณทานยาลืมเขย่าขวดใช่มั๊ยครับ?"
"วันนี้ฉันทานระเบิดเข้าไป เพราะฉะนั้นนายอย่ามายั่วโมโหฉันดีกว่า"
ตอนนี้บุริศร์ยังบ้าพลัง มองใครก็ไม่ถูกชะตาไปหมด
กานต์ยังอยากพูดอะไรต่อ กลับถูกนรมนขัดขวางไว้
"เด็กดี เข้าไปเล่นที่ห้องเองนะ"
"หม่ามี้ ท่านอย่าตามใจเขามากเกินไปเลยนะครับ ผู้ชายทั้งแท่งเสียงดังใส่ผู้หญิง ไม่กลัวไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยหรอ"
คำพูดของกานต์พูดได้อย่างพอเหมาะ กลับทำให้บุริศร์ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
บุริศร์โมโหแทบตาย
นี่ไม่เห็นหัวกันแล้วใช่มั๊ย?
เห็นว่าบุริศร์โกรธแล้วจริงๆ นรมนรีบพูดกับกานต์ว่า:"พูดกับแด๊ดดี้ยังไงเนี้ย?รีบกลับไปทบทวนคิดผิดในห้องไปเลย"
กานต์รู้ว่านรมนกำลังปกป้องตัวเอง และขี้เกียจถือสากับบุริศร์ที่ดื้อรั้นในเวลานี้ แค่พูดเสียงต่ำไปว่า:"ถ้าเขารังแกท่าน ท่านก็ตะโกนเลยนะครับ คุณตาและคุณยายต่างก็อยู่ ผมไม่เชื่อหรอกนะต่อหน้าพ่อตาแม่ยายเขายังกล้ารังแกท่านอีก"
นรมนอยากหัวเราะเหลือเกิน
ทำไมถึงรู้สึกว่าอยู่ต่อหน้ากานต์ เธอผู้เป็นแม่กลับเหมือนเด็ก ส่วนลูกชายกลับเหมือนผู้ใหญ่
"รู้แล้วจ้า รีบไปเถอะ"
นรมนเกลี้ยกล่อมกานต์ไปแล้ว ถึงได้วางมะม่วงในมือลงไป จากนั้นล้างมือ ถึงยกขาขึ้นไปข้างบนตึก
บุริศร์เห็นเธอไม่รีบร้อน และรู้ทั้งรู้ว่าเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับนรมน แต่ว่าดื้อรั้นก็เป็นเพราะว่านรมนไม่สนใจใยดี
"คุณเป็นภรรยาภาษาอะไรเนี้ย?คุณไม่เห็นรึไงหน้าผมบาดแผลเต็มไปหมดแล้ว?ทำไมไม่รู้จักมาทายาให้กับผมหน่อย?"
บุริศร์เห็นว่านรมนขึ้นมาแล้ว น้ำเสียงจึงอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ในตอนนี้ก็เหมือนกับเด็กที่ดื้อรั้น ทำให้คนอื่นไม่สามารถสื่อสารปกติ
"ฉันอยากทายาให้คุณ ต้องให้คุณชายบุริศร์อย่างท่านยอมสิคะถึงจะได้ ลูกสาวที่น่ารักของคุณทายาให้คุณๆยังไม่ยอมเลย ทำไมฉันต้องเอาอกเอาใจคุณโดยที่คุณไม่เห็นค่าเลยหล่ะ?”
คำพูดนรมนคำนี้ทำให้บุริศร์แทบอยากจะกระอักเลือดตายไปเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายพูดด้วยความโมโหว่า:"ผมเจ็บ!เร็วๆเลยนะ!คุณอยากให้หน้าผมทิ้งรอยแผลเป็นหรือไง?
"วางใจเถอะ ผู้ชายแผลเป็นเยอะก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างคุณชายบุริศร์อย่างคุณก็ไม่ได้พึ่งรูปร่างหน้าตาอยู่แล้ว"
ถึงแม้พูดแบบนี้ก็ตาม แต่ว่านรมนก็ยังหากล่องยาออกมา และเริ่มทายาให้กับบุริศร์
การกระทำของเธออ่อนโยนมาก แววตามีความเอ็นดูอีกด้วย
ความบ้าคลั่งของบุริศร์นิ่งสงบอย่างกะทันหัน
"คุณเคยทายาให้ใครบ้างหล่ะ?"
บุริศร์ถามออกมาคำนึงโดยด้วยไม่รู้ตัว
ถามจบไปแล้ว เขาอยากตบตัวเองเลยจริงๆ
นี่เขาเป็นอะไรไปเนี้ย?
ทำไมถึงคิดแต่เรื่องรูปถ่ายรูปนั้น?
นรมนนิ่งไปแป๊บนึง จากนั้นเอียงหัวและคิดอย่างจริงจังพูดว่า:"น่าจะสามคนนะ"
"สามคน?"
เสียงของบุริศร์ดังขึ้นมาทันที ทำให้นรมนตกอกตกใจ
"มีอะไรน่าแปลกหรอ?พ่อฉัน คุณ และยังมีเด็กผู้ชายที่เคยช่วยเหลือในตอนเด็กๆ"
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
"อ๋อ"
นรมนรู้สึกว่าวันนี้บุริศร์แปลกมากจริงๆ
"คุณเป็นอะไรกันแน่?"
"ไม่ได้เป็นอะไร"
บุริศร์ไม่ตอบคำถามของเธอโดยตรง แต่ถามด้วยเสียงทุ้มต่่ำว่า:"เด็กผู้ชายตอนเด็กๆหรอ?ไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"
"นั่นเป็นเรื่องนานมากแล้ว ฉันก็เกือบลืมไปแล้ว ครั้งก่อนได้ยินใครพูดขึ้นมานะ จึงนึกขึ้นได้"
ใครคนนั้นเป็นใคร ถึงแม้นรมนไม่พูดให้ชัดเจน แต่ว่าท่าทางที่ขมวดคิ้วก็ทำให้บุริศร์เดาออกแล้ว
เป็นเจตต์?
เขาคาดเดาแบบนี้ แต่ไม่ได้ถาม
"ตอนเด็กๆคุณยังเคยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่?"
"ถูกต้อง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า หลังจากฉันช่วยเหลือเด็กที่โกดังในชานเมือง หลังจากนั้นโกดังก็ระเบิดขึ้นมาเลย ฉันตกใจจะแย่อยู่แล้ว วิ่งกลับไปที่บ้านตั้งหลายวันก็ไม่กล้าออกจากบ้าน สุดท้ายพ่อฉันพูดว่าไม่มีอะไรแล้ว ฉันถึงลากพ่อออกไปด้วย"
นรมนพูดอย่างเลือนราง บุริศร์ก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร
ตอนนั้นเรื่องที่เจตต์ถูกลักพาตัวไปเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมา เขาย่อมเข้าใจดี เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าระหว่างภรรยาตัวเองกับเจตต์ยังมีที่มาที่ไปแบบนี้อีกด้วย
ถึงว่าหล่ะไอ้เจตต์ตัวแสบคนนั้นมีเยื่อใยกับนรมนอย่างตัดไม่ขาด ที่แท้มีเหตุผลนี้อีกด้วย
แต่เป็นเพราะว่าคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของบุริศร์จึงหดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง
"วันหลังอยู่ห่างๆเจตต์เข้าไว้นะ"
"เป็นไปได้ไงที่ฉันยังไปสัมผัสกับเขาอีก?เขาทำเรื่องหนักหนาสาหัสกับคมทิพย์ขนาดนั้น ตอนนี้ยังทำหน้าทำตาเหมือนคนมีเหตุผล ทำให้คนอภัยไม่ได้เลยจริงๆ"
อารมณ์ของนรมนเสียใจเล็กน้อย เพียงแต่ว่าเมื่อกี้เห็นหน้าตาท่าทางที่คืนดีกันแล้วของพฤกษ์กับคมทิพย์ เธอจับมือของบุริศร์อย่างดีอกดีใจและพูดว่า:"พฤกษ์กับทิพย์คืนดีกันแล้วนะ"
"อืม"
สำหรับเรื่องนี้บุริศร์ไม่มีอะไรจะพูด เพียงแต่ว่าได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของนรมน เขาก็สงบจิตสงบใจแล้ว
"เรื่องของคนอื่นคุณเป็นห่วงกันจัง เรื่องของผมคุณกลับไม่สนใจใยดีเลยสักนิด เร็วๆหน่อย ยังทาไม่เสร็จเลย"
บุริศร์พูดแบบไม่พอใจ
"ผมสามารถเทียบกับไอ้เด็กบ้าคนนั้นด้วยหรือ?"
"ก็ใช่เนอะ คุณยังสู้ลูกชายฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"
ตอนนี้นรมนยิ่งอยู่ยิ่งกดขี่บุริศร์ บุริศร์โกรธจนพูดไม่ออกสักคำ
เห็นหน้าตาท่าทางที่ฝืนทนของบุริศร์แบบนี้ นรมนหัวเราะก๊ากออกมาโดยไม่รู้ตัว
"คุณนี่ช่างเหมือนเด็กจริงๆเลย"
พูดจบ เธอตบหัวของบุริศร์อย่างกับสัตว์เลี้ยง จากนั้นก็ออกไปจากห้องนอนไปเลย
มุมปากของบุริศร์กระตุกอีกครั้ง
คนที่กล้าทำกับแบบนี้กับเขา ก็มีแต่นรมนผู้หญิงคนนี้แล้ว
เพียงแต่ว่าคิดถึงหน้าตาเมื่อกี้ เขายิ้มแย้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ปมในใจยังอยู่ เพียงแต่ว่าถูกความอบอุ่นมาแทนที่เรียบร้อยแล้ว
ยังไงซะเรื่องนี้ให้นรมนรู้ไม่ได้
เขาเห็นรอยยิ้มที่สดใสของนรมนเปรอะเปื้อนความเศร้าหมองไม่ได้
บุริศร์จับมือถือไว้แน่นๆ ถึงลุกขึ้นมาไปที่ห้องนอนของกมล
กมลเห็นว่าเป็นบุริศร์ ขยับตัวเข้าไปอย่างกะหนุงกะหนิง
"แด๊ดดี้คะ ท่านยังเจ็บมั๊ยคะ?"
"ไม่เจ็บแล้วลูก มีลูกรักเป็นห่วงขนาดนี้ แด๊ดดี้จะเจ็บได้ไงหล่ะจ้า?"
บุริศร์รู้สึกว่าลูกสาวเป็นแฟนสาวชาติที่แล้ว เสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้ และแววตาที่เป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ หัวใจเขากำลังจะหลอมละลายแล้ว
กมลกลับยังพูดอย่างเอ็นดู:"ใครชกแด๊ดดี้คะ?เดี๋ยวหนูจะแก้แค้นให้กับแด๊ดดี้เองค่ะ!"
"เด็กโง่ แด๊ดดี้ไม่ต้องการหนูแก้แค้นแทนพ่อ แด๊ดดี้รู้ว่าหนูเอ็นดูแด๊ดดี้ เพียงแต่ว่าเรื่องในวันนี้กมลทำไม่ค่อยถูกใช่รึเปล่า?"
บุริศร์ตามใจกมล แต่ว่าสิ่งที่ควรพูดก็ต้องพูด
กมลอึ้งเล็กน้อย และก้มหน้าก้มตา
"ขอโทษนะคะ แด๊ดดี้"
"คนที่ลูกควรขอโทษไม่ใช่แด๊ดดี้ แต่เป็นหม่ามี้ หนูรู้มั๊ย?ตั้งแต่เล็กจนโต หม่ามี้ของหนูทุ่มเทเพื่อหนูมากแค่ไหน การกระทําเมื่อกี้ถูกต้องแล้วหรือ?"
คำพูดของบุริศร์ทำให้กมลยกหัวไม่ขึ้น
"หนูเป็นห่วงแด๊ดดี้นี่ค่ะ หม่ามี้ไม่เป็นห่วงแด๊ดดี้เลย"
"เป็นไปได้ไงลูก?หม่ามี้เป็นห่วงแด๊ดดี้มากกว่าหนูเสียอีก เพียงแต่ว่าหม่ามี้เป็นผู้ใหญ่ วิธีการแสดงออกต่างจากหนูก็แค่นั้นเอง เมื่อกี้แด๊ดดี้ก็ผิด ไม่ควรฟาดประตู แต่ว่ากมลควรยอมรับความผิดของตัวเองใช่รึเปล่า?”
เสียงของบุริศร์อ่อนโยนและต่ำ กลับทำให้แก้มของกมลแสบๆร้อนๆ
"หนูจะลงไปขอโทษหม่ามี้ที่ข้างล่างนะคะ"
"เด็กดี!"
บุริศร์จับหัวของกมล กลับได้ยินห้องครัวเสียงดัง"เปรี้ยงปร้าง"เหมือนมีสิ่งของอะไรตกลงไปที่พื้นและแตกกระจุย บุริศร์ตกใจจนรีบอุ้มกมลออกมาจากห้องนอนทันที ขณะที่เห็นภาพเหตุการณ์ในห้องครัว อึ้งไปเลยโดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...