บทที่ 408 จะกลับบ้านกับฉันเมื่อไร
“คุณเห็นฉันโง่เหรอ?”
นรมนเตะออกไป ถึงแม้แรงจะไม่มาก แต่ก็มีพลังอยู่
เกือบโดนผู้ชายคนนี้หลอกแล้ว
ตอนนี้ทั้งร่างเธอหมดแรง ผู้ชายคนนี้ยังกล้าบอกว่ากินยาของป้องอีกเหรอ?
บุริศร์โดนนรมนเตะจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“ฉันพูดเรื่องจริง”
“จริงเหรอ? ตอนนี้คุณอธิบายให้ฉันฟังหน่อย ถ้าคุณกินยาของป้องจริงๆ แล้วเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? ผลของยานั้นมันไม่ได้ผลกับคุณเหรอ?”
จู่ๆ บุริศร์ก็เข้าใจสิ่งที่นรมนพูด ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่ที่ไหนล่ะ ยาประเภทนั้นฉันกินเมื่อฉันต้องการ ไม่ต้องการฉันจะกินทำไม ช่วงนี้คุณหายไปไม่อยู่ที่บ้าน ฉันก็ยังกินมัน คุณอยากให้ฉันไม่กินมันเหรอ?”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็เบนหน้าหนีไม่พูดอะไร แต่ผ่านไปสักพักก็พูดขึ้น “แล้วคุณกับตุลยาก็ไม่ได้กินยาเหรอ? หรือจะบอกว่าเธอให้คุณกินยา?”
“ไม่ใช่ทั้งนั้น”
บุริศร์นั่งบนเตียง อยากสูบบุหรี่ นึกถึงนรมนยังอยู่ตรงหน้า ก็อดทนไว้ แค่ถือบุหรี่เล่นไว้ในมือ
“ไม่ใช่ทั้งนั้นหมายความว่าไง?”
จู่ๆ นรมนก็รู้สึกตัวเองสนใจเรื่องนี้มาก
เธอกับบุริศร์จริงๆ แล้วเหมือนกัน คือเกลียดความสกปรกทางร่างกายและความรู้สึก ถ้าบุริศร์มีอะไรกับตุลยาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเธอก็พูดไม่ได้ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับบุริศร์ผู้ชายคนนี้ แต่ก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
บุริศร์ก็รู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ตุลยาหลอกใช้ไมค์ เธอให้ไมค์ใส่ยาเสน่ห์ลงในบุหรี่ ตอนฉันตื่นขึ้นมาก็อยู่กับเธอแล้ว ยาประเภทนั้นมันแรงมาก ฉันทำอะไรไม่ได้เลย จากนั้นผู้สื่อข่าวก็เข้ามา ดังนั้นระหว่างฉันกับเธอไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”
จู่ๆ นรมนก็รู้สึกเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆ เป็นพิเศษ
“ทำไมฉันรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันค่อนข้างเหมือน……”
“เหมือนเหตุการณ์ตอนนั้นของเราใช่ไหม?”
แน่นอนว่าบุริศร์ก็นึกถึงเหมือนกัน
“ถ้าเป็นคุณ ฉันกินจนหมดจดแน่ จากนั้นก็แต่งเข้าบ้าน แต่ถ้าเป็นตุลยา ขอโทษนะ ฉันทำไม่ลง วิธีการที่เหมือนกันนี้ใช้กับฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คนอื่นถ้าคิดจะเลียนแบบ ฉันจะตกลงได้ยังไง?”
สีหน้านรมนแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังถามต่อ “แต่ตุลยานอนโรงพยาบาลเลยนะ แถมยังฉีกขาดเป็นแผล คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?”
“ฉันไม่ได้แตะต้องตัวเธอจริงๆ ฉันออกจากห้องไปหาไมค์เลย ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปตรวจกล้องวงจรปิดโรงแรมก็ได้ สำหรับใครเป็นคนฝืนใจตุลยา ให้เธอจงใจใส่ร้ายฉัน ฉันก็ไม่รู้จริงๆ”
“ทั้งเมืองชลธียังมีเรื่องที่คุณไม่รู้จริงๆ มันแปลกนะ”
นรมนไม่คิดจะปล่อยเขาไปเร็วขนาดนี้อย่างเห็นได้ชัด
บุริศร์แทบจะสาบานแล้ว
“ฉันไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคุณเลยจริงๆ นะ นรมน ตัวฉัน หัวใจของฉัน ร่างกายของฉันมันเป็นของคุณ เป็นของคุณมาตลอด”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้แล้ว นรมนก็รู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
ใครอยากฟังเขาพูดเรื่องพวกนี้กัน?
ดูเหมือนทุกอย่างจะอธิบายรู้เรื่องแล้ว แต่ในใจนรมนก็ยังไม่สบายใจ
“รูปภาพพวกนั้นเป็นของจริง”
จู่ๆ เธอก็พูดขึ้น ทำให้บุริศร์ตกตะลึงเล็กน้อย
“คุณว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่ารูปพวกนั้นเป็นของจริง ฉันคิดว่าคุณก็ดูออก ไม่งั้นคงไม่ลงมือกับเจตต์ตั้งแต่แรกที่เห็นหรอก ร่างกายนั้นเป็นของฉันจริง ฉันรู้ดี แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่าถูกพาตัวไปตอนไหน ยิ่งไม่รู้ว่าโดนคนถ่ายรูปตอนไหนด้วย”
นี่เป็นเรื่องที่นรมนคิดไม่ออก
บุริศร์มองนรมน จู่ๆ ก็พูดขึ้น “ฉันนึกถึงคนเดียว ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับคุณไหม ฉันให้พฤกษ์ไปสืบแล้ว”
“ใคร?”
“นลิน”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนตกตะลึงเล็กน้อย
นลินคนคนนี้เธอเกือบลืมไปแล้ว และไม่อยากนึกถึง และไม่ต้องการคิดถึงด้วย
เธอเคยช่วยชีวิตนลิน นลินเคยช่วยชีวิตกมล แต่สุดท้ายนลินก็โดนบุริศร์ไล่ออกไปจากเมืองชลธี เธอต้องการแก้แค้นจริงๆ ก็เป็นไปได้อย่างมาก แต่……
“ฉันไม่เคยอยู่ตามลำพังกับเธอ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าเธอจะเห็นร่างกายของฉัน แล้วถ่ายรูปพวกนั้นไว้”
นรมนกัดฟัน อย่างไรก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้บุริศร์ก็คิดไม่ออก แต่เขาเห็นคุณค่าทุกวินาทีที่ได้อยู่กับนรมนที่นี่
“เรื่องพวกนี้ฉันจะให้พฤกษ์จับตามอง ฉันจะพยายามเหมือนกัน แต่เรามาคุยปัญหาของคุณกันได้ไหม?”
“ฉันทำไม?”
นรมนดึงผ้าห่มมาพันตัวเอง จริงๆ รู้สึกว่าคุยกับบุริศร์แบบนี้ พลังตัวเองจะยิ่งอ่อนแอลงมาก
บุริศร์เห็นเธออยากจะแยกจากตนอีก ก็รีบดึงผ้าห่มเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองทันที
“คุณจะทำอะไร?”
“แล้วคุณจะทำอะไร?”
นรมนดิ้นไม่หลุด รู้สึกหงุดหงิดบ้างแล้ว
“ก็ดีนะ พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนกังวลใจมาก ถ้าฉันไม่ส่งคนไปคุ้มกัน เดาว่าผู้สื่อข่าวอาจจะบุกเข้าไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ไปทำพวกเขาลำบากใจยังไงบ้างแล้ว คุณน่ะ พอเกิดเรื่องก็ซ่อนตัว จริงๆ คุณมีแผนการของคุณ คุณคิดว่าอีกฝ่ายเล็งเป้ามาที่คุณ แต่คุณไม่ได้จัดการอะไรเลย หนีไปแบบนี้ คุณไม่กลัวพวกเราทุกคนกังวลใจเป็นห่วงคุณเลยเหรอ?”
บุริศร์เดิมทีไม่อยากตำหนินรมน แต่คิดสักพักเขาก็พูดออกมา อย่างไรแล้วนรมนก็ไม่ใช่เด็ก
นรมนก็เป็นห่วงพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเหมือนกัน หลังจากปักหลักอยู่กับเจตต์ที่นี่ ก็ให้เจตต์ไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตระกูลธนาศักดิ์ธน เมื่อรู้ว่าบุริศร์มีมาตรการแล้วในใจก็รู้สึกประทับใจ
ไม่ว่าจะตอนไหน เธอก็สามารถเอาแต่ใจได้ สมมติฐานไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็รู้สึกว่าบุริศร์จะต้องช่วยเธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย แต่เธอไม่อยากพึ่งพาบุริศร์ทุกเรื่อง
นิสัยที่ขัดแย้งและไม่มีเหตุผลมันทำให้นรมนไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ
“ทำไม? ฉันพูดผิดเหรอ?”
“ไม่ได้บอกว่าคุณพูดผิด ฉันรู้ว่าคุณจะจัดการได้เรียบร้อย”
ถึงนรมนจะรู้สึกอับอาย แต่ก็ยังพูดออกไป
บุริศร์รู้สึกร้องไห้ไม่ค่อยออก
“เวลานี้คุณเชื่อว่าฉันจะสามารถจัดการได้ พอเป็นเรื่องของคุณ คุณกลับไม่เชื่อว่าฉันจะจัดการได้เหรอ?”
“ตอนนั้นฉันก็สะเทือนใจกับเรื่องนั้นของคุณไม่ใช่เหรอ? โกรธก็เลยหนีออกมา พอหนีออกมาก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าอีกฝ่ายเล็งมาที่ฉัน ฉันก็เลยหนีคุณ หนีตระกูลโตเล็ก หนีลูกๆ บางทีอาจจะดีสำหรับพวกคุณ”
นรมนพูดตามจริง
ถ้ารู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนแรก บางทีเธออาจจะไม่หุนหันพลันแล่นแบบนั้น
บุริศร์ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นี่มันกี่ปีแล้ว คุณยังสงสัยความรักที่ฉันมีต่อคุณอีกเหรอ คุณคิดว่าคุณควรโดนลงโทษไหม?”
“จะโดนลงโทษไหมก็ขึ้นอยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันบอกไม่ได้ คุณก็ยังกินฉันไม่ใช่เหรอ?”
ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกลำบากยากแค้น
“นี่ฉันโดนคุณบังคับไม่ใช่เหรอ? ไหนให้ฉันดูสิ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ขณะที่พูดเขาก็จะดึงผ้าห่มนรมนออก
“ไม่ให้คุณดู!”
อย่างไรนรมนก็ไม่ให้เขาดึงผ้าห่มออก
ล้อเล่นหรือเปล่า ใต้ผ้าห่มไม่มีอะไรเลย ด้วยกำลังของบุริศร์ในตอนนี้ จะปล่อยให้เขาทำอีกครั้งเหรอ?
เธอทนไม่ไหวหรอกนะ!
ราวกับมองเห็นความกังวลของนรมน บุริศร์ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ถึงฉันจะอยากมาก แต่ก็รู้ว่าเมื่อกี้ก็ทำให้คุณแย่มากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันยังควบคุมตัวเองได้ แต่……”
เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...