บทที่ 427 มีที่ของผมไหม
“กมล เธอพอได้แล้วนะ!”
กานต์ไม่ทันระวัง มือเล็กๆที่มันเยิ้มของกมลแปะลงมาบนเสื้อของเขา ปรากฏรอยฝ่ามือห้านิ้วขึ้นบนเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดทันที
มุมปากของเขากระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“กมล! นี่มันสกปรกไหมเนี่ย?”
“ไม่สกปรก มือของฉันสะอาดมาก เสื้อผ้าของฉันก็สะอาดมาก ฉันพกผ้าเช็ดหน้ามาด้วย ว๊าย พี่ค่ะ ทำไมเสื้อผ้าของพี่ถึงกลายเป็นแบบนี้?ไหนบอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมถึงกินไม่ระวังแบบนี้ ?”
กมลแกล้งทำเป็นรีบฟ้องขึ้นมาก่อน ทำให้กานต์หน้าแดงไปถึงลำคอ
นรมนกลับหัวเราะพวกเขาทั้งสอง
ตั้งแต่ร่างกายของกมลดีขึ้น เธอก็กลายเป็นคนที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา มากจนกระทั่งซนไปบ้าง
“เอาล่ะ เอาล่ะ พอดีเลยวันก่อนแด๊ดดี้ซื้อเสื้อผ้ามาให้พวกลูกๆสองสามชุดเก็บเอาไว้ในบ้าน กานต์ขึ้นไปชั้นบนเปลี่ยนเสื้อกับแด๊ดดี้เถอะ”
บุริศร์มองกานต์ที่ตกที่นั่งลำบาก เขาอดรู้สึกสงสารเจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้
กานต์ลุกขึ้นมาอย่างกลุ้มใจ เดินขึ้นไปชั้นบนกับบุริศร์ กมลกลับแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ข้างหลังไม่ยอมหยุด
“กมล ซนมากไปแล้วนะคะ แกล้งพี่เขาแบบนี้ได้อย่างไร?”
นรมนไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้
กมลแลบลิ้นออกมาและพูดว่า:“หนูก็แค่ล้อเล่นเอง พี่ชายจริงจังมากเกินไป หม่ามี้ หม่ามี้ไม่คิดว่าพี่ชายเขาเหมือนคนแก่เกินวัยเหรอคะ? ไม่มีความสนุกสนานสักนิดเลย”
กมลพูดมาแบบนี้ นรมนก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
กานต์รู้จักคิดมากเกินไป มีความเป็นผู้ใหญ่เกิน เหมือนคนแก่เกินวัยไม่มีผิด เด็กคนนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ
ราวกับว่าคุณนายตระกูลโตเล็กจะรู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ ตบหลังมือของเธอไปพลางและกล่าวว่า:“เด็กทุกคนมีประสบการณ์การเติบโตไม่เหมือนกัน สิ่งที่พวกเราสามารถให้แก่พวกเขาได้ นอกจากสิ่งของพื้นฐานแล้ว อย่างอื่นต้องให้พวกเขาออกไปเผชิญโลกกว้างเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกานต์เป็นเด็กผู้ชาย ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มาก ตรงกันข้ามเด็กผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่มากๆ”
“คุณย่าจะกำลังบอกว่าต้องดูแลหนูให้ดี ใช่ไหมคะ?”
รอยยิ้มหวานๆพร้อมกับเสียงใสๆของกมล ทำให้นรมนกับคุณนายตระกูลโตเล็กหัวเราะขึ้นมาทันที
“ใช่จ๊ะ หนูคือเจ้าหญิงตัวน้อย รีบกินเข้าไปเยอะๆ”
“แน่นอนค่ะ ไม่งั้นอีกสักพักตอนพี่ชายกลับมา หนูจะไม่ได้กิน”
กมลพูดเหมือนกานต์ชอบแย่งอาหารของเธอกินเป็นประจำ เพียงแต่นรมนแค่เพียงหัวเราะ
คุณนายโตเล็กเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“เด็กๆคิดถึงเธอ เลยอยากจะมาหาให้ได้ แม่รู้ว่าเธอกำลังกังวลใจเรื่องอะไร ข่าวลือข้างนอกไม่สามารถทำร้ายเด็กๆได้ เธอวางใจเถอะ ถ้าไม่พาพวกเขามา แม่กลัวว่าพวกเขาจะเสียงดังโวยวายทุกวันจนปวดหัว”
“เปล่านะคะ คุณย่าขา หนูเป็นเด็กดีมาก เด็กดีมากจริงๆค่ะ!”
กมลรีบแสดงออกทันทีว่าตนเองเชื่อฟัง
นรมนลูบไล้เส้นผมของเธอด้วยรอยยิ้ม:“จ๊ะ ลูกเป็นเด็กดีที่สุด รีบกินเถอะ”
พูดจบเธอก็หันไปมองคุณนายตระกูลโตเล็ก และกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ:“แม่คะ แม่กับตระกูลโตเล็กทำเพื่อฉันมากมายเช่นนี้ เป็นฉันเองที่สร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลโตเล็ก”
“พูดอะไรโง่ๆ เธอคือนายหญิงของตระกูล เรื่องของเธอก็คือเรื่องของตระกูลโตเล็ก จะเรียกว่าเดือดร้อนได้อย่างไรกันเชียว?”คำพูดของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้ขอบตาของนรมนแดงก่ำ
“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลโตเล็กยังคงให้อภัยฉัน เป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของฉัน ฉันรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างโชคดีจริงๆ”
“ยัยเด็กโง่ อย่าพูดจาเหมือนคนอื่นคนไกลแบบนี้สิ แม่เชื่อว่าบุริศร์จะสามารถจัดการได้ และแม่ก็เชื่อว่าเธอเป็นเด็กดี เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะผ่านไป ตอนนี้เธออย่าคิดอะไรมาก สนุกสนานกับลูกๆ แม่จะพาพวกเขากลับตอนเย็น”
ทันทีที่นรมนได้ยินว่าคุณนายตระกูลโตเล็กจะพาพวกเขากลับไป ก็อดนิ่งไปไม่ได้
“ให้พวกเขาอยู่ที่นี่สักวันสองวันก็ได้ค่ะ”
“เอาไว้คิดถึงเธอแล้วค่อยมาใหม่ พักที่นี่ไม่ค่อยสะดวก”
คุณนายตระกูลโตเล็กไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่นรมนก็เข้าใจ
ในเมื่อที่นี่คือสถานที่ที่ยุ่งยากและมีความขัดแย้ง เด็กๆยังไม่รู้เรื่องอะไร หากที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คนแรกที่จะได้รับความเจ็บปวดคือเด็กๆอย่างแน่นอน
มองดูลูกสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา นรมนพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกอึดอัดไม่เบา
มันช่างยากเย็นมากที่คนในครอบครัวจะกลับมารวมตัวกันในตอนนี้ เธอยังจะปล่อยให้คุณนายตังเมและคนอื่นๆกระทำผิดอย่างเหิมเกริมไปจนถึงเมื่อไหร่?
เธอมักคิดหาวิธีพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ
นรมนขมวดคิ้วเบาๆ คุณนายตระกูลโตเล็กมองออกว่าทำไมเธอจึงแท้งลูก
เธอใช้ตะเกียบคีบผักขึ้นมา และพูดช้าๆ:“วิธีการบางอย่างก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ อย่างเช่นการล่อเสือออกจากถ้ำ”
ทันทีที่คำนี้ออกมา นรมนอึ้งไปทันที
“แม่ แม่หมายความว่า……”
“แม่ไม่ได้หมายความว่าอะไร แม่แก่แล้ว มีหลายเรื่องที่ไม่เก็บมาให้รกสมอง เธอรีบกินเถอะ ประเดี๋ยวจะเย็นหมด”
พูดจบ คุณนายตระกูลโตเล็กก็ยิ้ม เพียงแต่แววตากลับฉายแสงสว่างแห่งวิสัยทัศน์
ในขณะนี้นรมนไม่สามารถเข้าใจความหมายของคุณนายตระกูลโตเล็กได้ จึงทำได้เพียงก้มหน้ากินข้าว
เมื่อกมลกำลังจะกินเสร็จ กานต์ถึงจะเดินลงมากับบุริศร์ เพียงแต่เขายังคงมีสีหน้ากลุ้มใจอยู่บ้าง
“ว๊าว พี่ชายสวยจังเลยค่ะ!”
คำชมของกมลทำให้มุมปากของกานต์กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง
“เด็กผู้ชายใช่คำว่าสวยไม่ได้ ต้องพูดว่าหล่อ”
“สวยก็คือสวย ผิดตรงไหนเหรอ?”
ตอนนี้เหมือนกมลกำลังสนุกที่ได้หาเรื่องกานต์ ทำให้กานต์รู้สึกเซ็งมากๆ
เขาเดินมาข้างๆนรมน หางตาเหลือบมองนรมนด้วยความหวังเล็กน้อย
กานต์ในเวลานี้สวมชุดลำลองที่ดูเท่ มองเห็นแล้วหล่อสุดๆ
หัวใจของนรมนพองโตในทันที
คำพูดของนรมนทำให้เด็กทั้งสองดีอกดีใจทันที
บุริศร์ถามอย่างเหี่ยวแห้ง:“ผมก็อยากพักผ่อน มีที่ของผมไหม?”
“ไม่มี!”
กมลกับกานต์ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
นรมนกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“คุณอยู่กับคุณแม่ไปเถอะ แม่คะ ฉันขอพาเด็กๆขึ้นไปพักผ่อนข้างบนสักหน่อย ทุกคนค่อยกลับตอนเย็นนะคะ”
“ได้ๆ! ไปเถอะ!”
คุณนายตระกูลโตเล็กกลับยิ้มไม่ได้ห้ามเอาไว้
“แม่ แม่ก็เหนื่อยแล้ว ไม่อยากไปด้วยกันเหรอครับ?”
บุริศร์เอาแต่กระพริบตาให้คุณนายตระกูลโตเล็ก แต่เธอกลับทำเป็นมองไม่เห็น ส่ายหน้าและตอบว่า:“ฉันไม่เหนื่อย เมื่อคืนนอนเยอะแล้ว กำลังกระปรี้กระเปร่าเลย แกอยู่คุยเป็นเพื่อนแม่เถอะ”
ได้ยินคำนี้ ไหล่ของบุริศร์ทรุดลงไปทันที
นรมนมองเห็นท่าทางของเขา เธออมยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ในเวลานี้บุริศร์เหมือนกับเด็กคนหนึ่งสุดๆ
กานต์กลัวนรมนจะเปลี่ยนใจ เขารีบคว้าแขนของเธอ:“หม่ามี้ ไปเถอะ พวกเราขึ้นไปพักผ่อนกันครับ”
“จริงด้วย หม่ามี้ พวกเราขึ้นไปนอนกลางวันกันเถอะค่ะ”
กมลลากแขนข้างหนึ่งของนรมน ขึ้นไปชั้นบนกับหม่ามี้ของตนเองอย่างมีความสุข
มองลูกๆที่ห้อมล้อมซ้ายขวา นรมนรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาได้
เด็กๆน่าเอ็นดูมาก หลังจากขึ้นมาบนเตียง ก็นอนขนาบเธอทั้งสองด้านซ้ายขวา กานต์ไม่ได้พูดอะไร ส่วนกมลขอให้นรมนเล่านิทานให้ฟัง
เมื่อย้อนกลับไปห้าปีที่แล้ว เธอเลี้ยงดูลูกทั้งสองเพียงลำพัง ก็นอนด้วยกันอย่างอบอุ่นแบบนี้ และกล่อมให้ลูกๆเข้านอนแบบนี้
นรมนรู้สึกตื้นตันใจมาก เธอเล่านิทานที่ลูกๆชอบฟังที่สุด มองดูพวกเขาข้างกายค่อยๆเข้าสู่ความฝันอย่างช้าๆ จนสุดท้ายตนเองก็หลับไปเพราะความง่วง
สามแม่ลูกนอนอยู่บนเตียงใหญ่ แสงแดดยามบ่ายสาดแสงเข้ามา ให้คนรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงแม้ข้างนอกจะมีพายุฝนโหมกระหน่ำ แต่ในขณะนี้ พวกเขาอบอุ่น และมีความสุข
เมื่อบุริศร์เข้ามา มองเห็นฉากแบบนี้ หัวใจของเขาแทบจะละลายทันที ถ้าหากเป็นไปได้ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันเวลาแบบนี้จะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป
เขายังจำได้ว่าเคยรับปากนรมนว่าจะพาพวกเขาไปเที่ยว วันนี้เกิดเรื่องราวยุ่งเหยิงจนล่าช้าออกไป ทำให้เขาอดรู้สึกทุกข์ใจไม่ได้
กานต์ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาเห็นบุริศร์เข้ามา และมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสลัว จึงรู้ว่าพวกเขาถึงเวลาต้องกลับแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาลัยอาวรณ์
“คุณต้องดูแลหม่ามี้ให้ดี”
“เข้าใจแล้ว”
ตอนนี้บุริศร์แทบจะรอให้เจ้าเด็กสองคนนี้กลับไปไม่ไหว เขายังไม่ได้อยู่ภรรยาเลยตลอดช่วงบ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...