แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 495

บทที่ 495 แกเลิกใช้ความเป็นพ่อมารังแกลูกฉันได้แล้ว

นรมนพากานต์เดินออกมาจากบริเวณยิงปืน แล้วตรงมาหาพวกบุริศร์

กมลกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน

เมื่อบุริศร์เห็นท่าทางไม่ค่อยพอใจของกานต์ ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกลุ้มๆว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีเลย?”

“ไม่ได้เป็นอะไร”

กานต์รีบส่ายหน้า

เมื่อนรมนเห็นลูกชายอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงพูดเสียงต่ำออกมาว่า “กานต์ ถ้าลูกชอบยิงปืนจริงๆ ต้องรอให้โตกว่านี้ก่อน แล้วค่อยให้แด๊ดดี้หาคนมาสอนให้ ตอนนี้ลูกยังเด็ก หม่ามี๊ไม่สบายใจถ้าหนูจะเริ่มเรียนตอนนี้ เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วครับ”

กานต์เงียบเป็นพิเศษ ดูเผินๆอาจจะดูเหมือนเชื่อฟัง แต่ใครจะไปรู้ว่าเด็กคนนี้มีความคิดดื้อรั้นเป็นอย่างมาก ถ้าคิดอยากจะทำอะไรแล้วก็ไม่มีใครมาขวางได้

เมื่อเห็นกานต์ฟังที่พูด นรมนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็พูดกับบุริศร์ว่า “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้เพิ่งเจอผู้ชายคนหนึ่งมา ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยไม่ได้ให้กานต์ติดต่อกับเขา”

“ใครเหรอ?”

“เห็นบอกว่าเป็นคนของชมรมยิงปืนน่ะ สัญชาตญาณฉันบอกว่าเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้สนใจเขา”

นรมนพูดออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไร เธอไม่ได้เก็บเรื่องนี้เข้ามาในหัวด้วยซ้ำ มองข้ามให้มันจบๆ

กมลเล่นสนุกอยู่สักพัก ก็เริ่มเหนื่อย สี่คนพ่อแม่ลูกจึงเก็บของบ้าน

เมื่อคุณนายตระกูลโตเล็กเห็นพวกเขากลับมา ก็หัวเราะอารมณ์ดีแล้วพูดว่า “ ไปโรงเรียนได้วันเดียว กลับมาทำไมกลายเป็นลูกลิงมอมแมมไปซะแล้วล่ะ?”

เมื่อเห็นเนื้อตัวมอมแมมของกมล คุณนายตระกูลโตเล็กก็รีบบอกให้คนพากมลไปอาบน้ำ

ส่วนกานต์ก็เข้าไปอาบน้ำเองอย่างรู้งาน

นรมนกับบุริศร์ค่อนข้างเหนื่อย

เมื่อบุริศร์เห็นเธอดูเหนื่อยมาก จึงพูดว่า “คุณไปพักผ่อนในห้องเถอะ ได้เวลากินข้าวเดี๋ยวผมไปเรียก”

“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ฉันว่าจะไปดูครัวอยู่พอดี คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอยากกินอาหารที่ฉันทำ?”

“เอาไว้วันหลังก็ได้ คุณยังกลัวว่าจะไม่มีเวลาเอาใจผมอยู่เหรอ? รีบไปพักเถอะน่า หรือคุณอยากให้ผมอุ้มคุณขึ้นไป?”

เมื่อบุริศร์พูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าคุณนายตระกูลโตเล็ก นรมนก็หน้าแดงแปร๊ด แต่บุริศร์กลับไม่ถือสะท้านเลยสักนิด

คุณนายตระกูลโตเล็กระแอมไอออกมา “ฉันแก่แล้ว ไม่สะทกสะท้านกับอะไรแบบนี้หรอก งั้นฉันขอตัวไปจัดสวนฉันก่อนแล้วกัน”

เธอพูดพร้อมกับหันหลังเดินออกไป

นรมนใช้หมัดชกอกของบุริศร์อย่างเขินๆแล้วพูดว่า “เพราะคุณเลย ดูคุณพูดเข้าสิ”

“จะไปกลัวอะไร เราเป็นสามีภรรยากัน อีกอย่างแม่ผมก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยผ่านอะไรแบบนั้นมา เธอเข้าใจน่า”

บุริศร์พูดพร้อมกับแอบหอมแก้มนรมน

นรมนรีบหันมองไปรอบๆ เพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้กลางบ้านไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

คุณนายตระกูลโตเล็กเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดเดิน แล้วหันกลับมาพูดกับบุริศร์ว่า “ตรินท์กลับมาแล้วนะ อยู่ในห้องหนังสือนั่นแหละ ตอนนี้เหมือนกำลังสอนกิจจาอยู่ แกไปดูหน่อยก็ดี เด็กเล็กขนาดนั้น อย่าให้เข้มงวดเกินไปเลย ไม่จำเป็นต้องปลูกฝังเด็กๆตั้งแต่ยังเล็กก็ได้”

พูดจบ คุณนายตระกูลโตเล็กก็เดินออกไป

บุริศร์นิ่งไปเล็กน้อย

นรมนสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของบุริศร์ได้อย่างรวดเร็ว

“ทำไมเหรอ? คุณกับตรินท์ไม่ถูกกันเหรอ?”

บุริศร์นับถือความรู้สึกไวของภรรยาเป็นอย่างมาก ทว่ากลับพูดออกมาว่า “เปล่า ก็แค่ความคิดเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อย ผมก็ว่าจะไปคุยกับเขาอยู่

“งั้นคุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนเอง”

นรมนพูดพร้อมกับเตรียมเดินออกไป แต่กลับถูกบุริศร์อุ้มขึ้นมา แล้วพาเดินขึ้นไปบนห้องนอน

“ตรินท์ยังอยู่ที่ห้องหนังสือไม่ไปไหนหรอก ผมว่าผมพาคุณขึ้นข้างบนก่อนดีกว่า”

คนใช้ที่อยู่บริเวณรอบๆแอบกลั้นยิ้ม

พวกเธอล่ะพากันอิจฉาคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงจริงๆ

นรมนพูดออกมาอย่างเขินๆว่า “คุณวางฉันลงก่อน ฉันไม่ใช่คนไม่มีขาที่ต้องคอยให้คุณมาอุ้มตลอดนะ”

“ก็ผมชอบตอนคุณอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงนี่นา โดยเฉพาะตอนอยู่ใต้ร่างผม”

บุริศร์พูดออกมาเสียงเบา จนทำให้นรมนหน้าแดงอย่างรวดเร็ว

“คุณหุบปากไปเลยนะ!”

นรมนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ชักจะนิสัยไม่ดีแล้ว

บุริศร์ไม่แกล้งเธออีกต่อไป รีบพาเดินเข้าไปในห้องนอน แล้ววางเธอลงบนเตียง

“ตอนอาบน้ำระวังด้วยนะ อย่าลื่นล่ะ”

“รู้แล้ว ฉันไม่ใช่กานต์กับกมลสักหน่อย คุณรีบออกไปได้แล้ว”

นรมนรู้สึกละมุนใจไปหมด แต่ก็รู้สึกน่าขายหน้าเหมือนกัน

พวกเขาไม่ใช่คู่แต่งงานใหม่สักหน่อย ทำไมต้องโชว์หวานเลี่ยนต่อหน้าคนใช้กับคุณนายตระกูลโตเล็กด้วย

ถึงบุริศร์ไม่รู้จักอาย แต่เธออายเป็นนะ

เมื่อเห็นนรมนหน้าแดงระเรื่อ ความรู้สึกของบุริศร์ก็วาบไหว

“ชักอยากกินคุณแล้วสิ อยากกอดคุณด้วย เรามาทำกันไหม?”

เขาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอจริงๆ

“ไปให้พ้นเลยนะ!”

นรมนยกเท้าขึ้นมาถีบขาของบุริศร์ในทันที

“ คุณคิดจะทำร้ายผมหรือไง? คุณไม่กลัวว่าในอนาคตจะได้อยู่คนเดียวเหรอ? หืม?”

บุริศร์จับข้อเท้าของนรมนได้อย่างว่องไว พร้อมกับใช้นิ้วมือกดลงบนข้อเท้าของนรมน

นรมนรู้สึกเหน็บชาไปหมด จนต้องอุทานออกมา

“บุริศร์!”

“อยู่นี่ครับ!”

บุริศร์ขานรับด้วยใบหน้าจริงจัง

นรมนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะละลายกลายเป็นน้ำแล้ว

เมื่อนรมนนึกถึงแววตาปรารถนาความรักของกิจจา ในใจก็อดรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้

“ได้ๆๆ ผมไปก็ได้”

เห็นภรรยาตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ ถ้ายังไม่ยอมไปอีกบุริศร์ล่ะกลัวจริงๆว่าเธอจะเตะไล่เขาออกไป

จริงๆเลย

เขาแค่อยากนอนกอดภรรยา ทำไมมันยากแบบนี้?

ในบ้านมีเด็กดื้อสองคนก็เกินพอแล้ว ตอนนี้ยังจะเพิ่มกิจจามาอีก

แต่ถึงจะอย่างนั้น เมื่อบุริศร์ลุกขึ้นเขาก็หยิบผ้ามาห่มให้นรมน

“ถึงตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่ช่วงใกล้ค่ำอากาศค่อนข้างเย็น ร่างกายคุณไม่ค่อยดี ดูแลสุขภาพด้วยนะ”

“รู้แล้ว ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนคนป่วยง่ายแล้วนะ ฉันดูอ่อนแอขนาดนั้นเลย?”

นรมนไม่รู้ว่าเพราะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องอารมณ์หรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย

บุริศร์ลูบผมของเธออย่างเอ็นดู จากนั้นก็ก้าวเดินออกไปจากห้องนอน

นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ชอบลูบผมของเธอเหมือนลูบขนสัตว์ตลอดเลย เธอหมดคำจะพูดกับเขาแล้วจริงๆ

แม้เธอจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรเท่าไหร่

จึงหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาอ่านข่าวสาร

หลังจากที่บุริศร์เดินออกมาจากห้อง ท่าทางผ่อนคลายของเขาก็หายไป

เขามองไปยังทิศทางของห้องหนังสือ ไม่รู้ทำไม จู่ๆอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง คำพูดเหล่านั้นที่คุณนายตระกูลโตเล็กพูดมา รวมไปถึงความสงสัยและความระแวงทำให้เขาไม่ค่อยอยากเข้าไปเผชิญหน้ากับตรินท์เท่าไหร่

แต่สุดท้ายเขาก็มาหยุดตรงหน้าห้อง จากนั้นก็ยกมือเคาะประตู

“เข้ามา!”

ตรินท์เอ่ยเสียงแข็ง

บุริศร์นิ่งไป

ในความทรงจำของเขา ตรินท์คือคนสุภาพอ่อนโยนคนหนึ่ง แม้บางเวลาจะเคร่งขรึมเวลาทำงาน แต่ก็ไม่ใช่คนหัวร้อนง่ายเหมือนในตอนนี้

เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เห็นกิจจายืนอยู่หน้าโต๊ะด้วยร่างกายที่สั่นเทา เหมือนกำลังเผชิญกับความลำบากใจ ซึ่งบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า มีเอกสารมากมายที่ถูกปัดลงบนพื้น บ่งบอกได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้มาจากการกระทำของความโกรธ

“ทำอะไร? กิจจาเพิ่งกี่ขวบเอง? นายจะโกรธอะไรขนาดนั้น?”

ถึงยังไง บุริศร์ก็เลี้ยงดูกิจจามาตั้งสี่ปี ซึ่งในเวลาสี่ปีที่ไม่มีกานต์และกมล เขาก็มีกิจจาคอยอยู่กับเขามาตลอด

พอตอนนี้ได้มาเห็นเด็กที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือในสภาพหวาดกลัวแบบนี้ บุริศร์ก็รู้สึกสงสาร อารมณ์ก็เริ่มเดือด

พอเห็นเป็นบุริศร์ตรินท์ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พูดเสียงต่ำออกมาว่า “เด็กคนนี้โง่ไม่มีชิ้นดี ไม่ได้เรื่องสักอย่าง อะไรก็ทำไม่เป็นโตขึ้นจะไปทำอะไรได้?”

“แกหยุดพูดได้แล้ว แกอยากให้กิจจาเก่ง แล้วตอนนั้นแกไม่โง่เหรอ? แกลืมไปแล้วใช่ไหมว่าแกผ่านมันมาได้ยังไง? การที่แกไม่ยอมให้ลูกออกไปพบเจอผู้คน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกตั้งใจจะทำอะไร แต่ฉันจะบอกอะไรให้ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของแกคนเดียว แกเลิกใช้ความเป็นพ่อมารังแกลูกฉันได้แล้ว”

บุริศร์พูดพร้อมกับดึงกิจจามาหา

“ซี๊ด——“

กิจจาส่งเสียงร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ บนหน้าก็มีเหงื่อผุดขึ้นมา สีหน้าของบุริศร์จึงอึมครึมในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย