แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 513

บทที่ 513 ลำบากคุณแล้ว

นรมนและบุริศร์นิ่งอึ้งไปเลย

คำพูดชุดนี้กลับทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมากเลย

พวกเขานั้นรู้ดีกว่าใครว่ากิจจากลับมายังไง แต่ว่าตอนนี้กิจจากลับมาพูดแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง?

กิจจาเองก็ไม่มองพวกเขา เอาแต่ร้องไห้และหลบอยู่ในอ้อมอกของคุณนายตระกูลโตเล็ก ร้องจนแทบจะหายใจไม่ทัน

พอคุณนายตระกูลโตเล็กเห็นนรมนและบุริศร์ยังคงไม่สนใจอะไร หรือพูดอีกอย่างว่าอาจจะตกใจจนติงต๊องไปแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะตะคอกออกไปคำหนึ่งว่า “ยังจะมัวแต่นิ่งอึ้งอยู่อีกทำไม? รีบออกไปตามหากานต์ให้ฉันเดี๋ยวนี้! ถ้ากานต์โดนพวกแก๊งค้ามนุษย์พาตัวไป ใครจะไปรู้ว่าจะมีจุดจบยังไง? แล้วพวกเธอยังจะมานั่งนิ่งกันอยู่ได้”

บุริศร์รีบตั้งสติขึ้นมาได้ แล้วก็ดึงนรมนขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณอยู่เป็นเพื่อนแม่นะ ผมจะออกไปส่งคนไปตามหา”

พูดแล้ว เขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วฝีเท้าก็มีความสะดุดเล็กน้อย

หัวคิ้วของตรินท์ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

ตอนที่อยู่ที่ชมรมยิงปืน บุริศร์บอกว่าพวกเด็ก ๆ ไปที่ชมรม ในตอนนั้นเขายังคิดว่าบุริศร์เพ้อเจ้อไปเอง แต่ตอนนี้มาได้ยินกิจจาพูดเข้า เขากลับเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว

กิจจาพูดโกหกไม่เป็น และยิ่งไม่กล้าโกหกต่อหน้าเขา เพราะฉะนั้นจึงมีแต่กิจจาเข้าไปในชมรมยิงปืนแล้วมีคนพาออกมา แต่กานต์ตั้งแต่เริ่มต้นก็โดนคนจับตัวไปตั้งแต่อยู่กลางแล้วเหรอ?

ผู้จัดการบอกกับตรินท์ว่า เด็กสองคนที่ถูกส่งออกไปนั้นเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เด็กผู้ชาย แบบนี้ดูไปแล้วคำพูดที่กิจจาพูดออกมานั้นดูน่าเชื่อถือกว่า

พอนึกถึงว่ากานต์หายตัวไปแล้ว อยู่ ๆ ในใจของตรินท์ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา

ในที่สุดก็ไม่มีคนมาคอยเปรียบเทียบกับกิจจาของบ้านเขาแล้ว

เพียงแต่ว่าตรินท์เก็บความดีใจส่วนนี้ซ้อนไว้ในก้นบึ้งหัวใจ บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงอะไรออกมาเท่าไหร่

นรมนเห็นว่าคุณนายตระกูลโตเล็กร้อนใจจนเป็นทุกข์ ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “แม่ค่ะ แม่อย่างร้อนใจไปเลยค่ะ บุริศร์ได้ออกไปตามหาแล้ว หนูเชื่อว่าเขาจะต้องตามหากานต์จนพบแน่ ๆ ค่ะ”

“ถ้าไม่ได้ละก็เราก็บอกกับทางตำรวจ ให้พวกเขามาช่วยตามหาคนด้วย”

“ไม่ได้”

พอตรินท์ได้ยินคุณนายตระกูลโตเล็กพูดแบบนี้ ก็รีบห้ามปรามไว้

“แม่ ตระกูลโตเล็กมีคู่แข่งตั้งเท่าไหร่แม่ก็รู้ ถ้าเกิดให้คนบางส่วนรู้เข้าว่ากานต์หายตัวไปแล้วละก็ พอถึงเวลานั้น กลัวว่าทางตำรวจยังไม่ทันหากานต์เจอ กานต์ก็จะตกอยู่ในอันตรายแล้ว”

“อย่างงั้นจะทำยังไงดี? รออยู่แต่ที่บ้านแบบนี้เหรอ? กานต์ของฉันยังเด็กขนาดนั้น เขาจะสามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของพวกแก๊งค้ามนุษย์ได้ยังไงกัน? นี่ถ้าหากว่าโดนขายไปที่ไหนสักแห่งยังถือว่าโชคดี แต่ถ้าโดนตัดแขนตัดขาหรือว่าทำลายอวัยวะอะไรไป ฉัน ฉัน......”

คุณนายตระกูลโตเล็กยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นทุกข์ แล้วอยู่ ๆ ที่หน้าอกก็แน่นจนหายใจไม่ออกขึ้นมา

“หมอ! เร็วรีบไปตามหมอมา!”

นรมนตกใจจนสีหน้าขาวซีดแล้ว

จะไม่พูดก็ไม่ได้ สิ่งที่คุณนายตระกูลโตเล็กพูดมาเมื่อกี้นั้นล้วนทำให้เธอจิตใจระส่ำระสายทั้งนั้น แต่ว่าตอนนี้เธอจะมาลนลานไม่ได้

กิจจาบอกว่ากานต์อยู่ที่ชมรมยิงปืนไม่ใช่เหรอ?

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นว่าบุริศร์พากานต์กลับมา แต่ว่าคงจะไม่เป็นเหมือนอย่างที่คุณนายตระกูลโตเล็กพูดว่าไปตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกแก๊งค้ามนุษย์หรอกนะ?

และนี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่นรมนเอามาปลอบใจตัวเอง

หมอประจำบ้านยังไม่ได้จากไป พอได้ยินนรมนร้องเรียก ก็รีบเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลฉุกเฉินให้คุณนายตระกูลโตเล็ก

แล้วบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กก็วุ่นวายขึ้นมาทั้งบ้าน

ตรินท์จึงไม่ออกไปกำกับเองไม่ได้

กิจจารีบใช้โอกาสนี้ดึงมือของนรมนมาแล้วพูดขึ้นว่า “หม่ามี้ ขอโทษครับ ที่ผมไม่ได้ปรึกษาพวกคุณก่อนแล้วพูดไปแบบนี้ เป็นเพราะผมไม่ดีเอง”

“นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?”

นรมนรู้สึกว่ากิจจาพูดได้อย่างเคร่งเครียดมาก

ถ้าพูดตามหลักแล้วกิจจาจะไม่พูดโกหก แต่ว่าในส่วนนี้เธอก็รู้แล้วว่า กิจจาพูดโกหกแล้ว

กิจจาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “กานต์เป็นคนให้ผมพูดแบบนี้ครับ”

“กานต์เหรอ? หนูกับกานต์ติดต่อกันได้แล้วเหรอ?”

นรมนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

ใช่ซิ ลูกชายของเธอเป็นอัจฉริยะ ก็มักจะต้องมีวิธีติดต่อกับพวกเขาได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

แต่ว่ากิจจากลับส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ครับ เขาพูดกับผมไว้แบบนี้ตอนที่เขาให้ผมออกมาจากชมรมยิงปืนก่อน เพราะว่าพวกเราได้ยินว่าแด๊ดดี้ของผมจะฆ่ากานต์ เพราะฉะนั้นกานต์บอกว่าถ้าหากผมกลับมาคนเดียว แด๊ดดี้ของผมจะต้องถามหาเบาะแสของเขาจากผมแน่ ถึงแม้จะหาคุณลุงกับหม่ามี้เจอ แต่ก็จะทำให้แด๊ดดี้ของผมรู้สึกสงสัยอยู่ดี เขาบอกว่าจะต้องพูดแบบนี้เท่านั้น พวกคุณถึงจะสามารถหลีกเลี่ยงจากความสงสัยได้”

ใจของนรมนไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกอะไรแล้ว

เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ยังรู้จักคิดเผื่อทุกอย่าง และนึกคำพูดไว้ล่วงหน้าไว้ด้วย

“งั้นหนูทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก? หม่ามี้กับคุณลุงจะได้ส่งหนูกลับมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย”

“กานต์บอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ แบบนั้นมันจะดูเจาะจงเกินไป ต้องให้ผมกลับมาด้วยตัวเองเท่านั้น หม่ามี้ ผมกลับมาแล้วพูดแบบนี้ แด๊ดดี้ของผมจะต้องไม่ระแวงผมแน่ แล้วผมจะหาโอกาสสืบหาเบาะแสของกานต์มาจากแด๊ดดี้แน่นอนครับ”

กิจจาพูดอย่างให้คำมั่นสัญญา

พอกิจจามีท่าทางแบบนี้ ในใจของนรมนก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก

“เด็กดี หนูสบายดีไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว ส่วนเรื่องของกานต์มอบให้คุณลุงและหม่ามี้จัดการก็พอแล้ว”

นรมนเอาตัวเขามากอดไว้ในอ้อมกอด

เด็กคนนี้ก็ตกใจมากไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามยังคือตรินท์ ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของแกอีกด้วย

นรมนรู้สึกสงสารกิจจาที่มีชะตาชีวิตผกผันขนาดนี้ แล้วก็มาคิดถึงลูกชายของตัวเอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอากิจจามาอุ้มไว้ในอกแล้วก็ค่อย ๆ ปลอบโยนไปเบา ๆ แบบนี้

ในเมื่อพละกำลังของกิจจามีจำกัด และตัวเองวิ่งกลับมาคนเดียวก็เหนื่อยจนแทบไม่ไหวแล้วจริง ๆ แล้วก็เผลอหลับไปกับอกของนรมน

ตอนที่คุณนายตระกูลโตเล็กตื่นขึ้นมา ก็ร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะเรื่องของกานต์อีกครั้ง

นรมนเองก็เป็นกังวลเป็นอย่างมาก

หลังจากที่บุริศร์ออกมาจากบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กแล้ว ก็แกล้งทำเป็นสั่งให้คนออกไปตามหา แต่ว่าในใจกลับหนังอึ้งเป็นอย่างมาก

บุริศร์พูดจบก็หมุนตัวจากไป

บุริศร์มองแผ่นหลังของเขา ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ใครก็มองไม่ออกว่าในดวงตานั้นมีความหมายอะไรอยู่

นรมนรีบถือโอกาสเอาคำพูดของกิจจาไปบอกบุริศร์

ตอนนี้บุริศร์คิดถึงลูกชายเป็นอย่างมาก คิดว่าเด็กที่โดนพาตัวขึ้นไปบนรถโคชในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช่กานต์หรือเปล่า เขาจ้องมองสีหน้าที่ร้อนใจของนรมน แล้วก็พูดอะไรไม่ออกสักตัวเลย

ไม่ได้!

จะบอกนรมนไม่ได้เด็ดขาด!

ร่างกายของเธอจะต้องแบกรับไม่ไหวแน่!

ถ้าหากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่กานต์ก็คงจะดีที่สุด แต่ว่าถ้าใช่แล้วละก็ บุริศร์ก็ไม่อยากให้นรมนมาแบกรับเรื่องพวกนี้เร็วขนาดนี้

“เดี๋ยวผมส่งคุณกลับไปพักที่คฤหาสน์ดีกว่า”

ที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก มีตรินท์อยู่ ไม่ว่ายังไงบุริศร์ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่

แต่นรมนกลับส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณกังวลอะไรอยู่ ถ้าฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันก็คงจะไม่มีความระมัดระวังอะไรแน่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันจะต้องป้องกันตัวเองให้ดีแน่ ที่นี่ยังมีคุณแม่ และกิจจาอยู่ ฉันไปไม่ได้หรอก และที่สำคัญถ้าฉันกลับไปแล้ว คุณก็จะต้องวิ่งไปวิ่งมา จะต้องเหนื่อยมากแน่ หรือไม่ฉันอยู่รอข่าวคุณที่นี่ดีกว่า ทางด้านกานต์ยังไม่มีข่าวอีกเหรอคะ?”

ก่อนหน้านั้นเพราะว่ารีบร้อนตามหากิจจา เพราะฉะนั้นนรมนจึงยังไม่ทันได้ถาม พอตอนนี้ตอนที่โดนถามขึ้นมา บุริศร์ก็พยายามให้ตัวเองสงบนิ่งลงที่สุด

“ยังไม่มี แต่ว่าคนของผมก็หาอยู่ตลอด วางใจเถอะ ผมจะต้องพากานต์กลับมาให้ได้แน่”

“หามานานขนาดนี้แล้วยังหาไม่เจอ ดูท่าแล้วชมรมยิงปืนนี้จะต้องมีปัญหาแน่ ๆ”

นรมนไม่ได้เป็นคนโง่

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนอยู่ในชมรมยิงปืน แต่ว่ากลับหาคนไม่เจอ นี่จึงสามารถพูดได้ว่าชมรมยิงปืนนี้จะต้องมีสถานที่ที่พวกเขาไม่รู้อยู่อีกแน่

สำหรับจุดนี้บุริศร์เองก็คิดถึงอยู่ แต่พอคำนึงถึงร่างกายของนรมน เขาก็ยังหวังว่านรมนจะสามารถกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ได้

นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าว่าคุณไม่วางใจ ฉันไปตามหากับคุณด้วยก็ได้นะ?”

“งั้นคุณอยู่ที่บ้านใหญ่ไปดีกว่า”

บุริศร์ยอมแพ้แล้ว

เขาทนนั่งอยู่ที่บ้านไม่ไหว จึงได้แต่ออกจากบ้านไปสืบค้นเบาะแสของกานต์ต่อไป แล้วในเวลานี้ ตรินท์ก็เดินมาพอดี

“พี่สะใภ้ พี่ชายผมล่ะ?”

นรมนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “เขาออกไปตามหากานต์แล้ว ทำไมเหรอ? คุณมีธุระจะหาเขาเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่ลองถามดู ต้องการให้ผมส่งคนไปช่วยเขาตามหากานต์เพิ่มหน่อยไหม ได้ยินมาว่ากานต์โดนคนพาขึ้นรถโคชคันหนึ่งไป แล้วก็ไม่รู้ชะตากรรมอีกเลย ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายผมจะตามไปหรือเปล่า”

“คุณว่าอะไรนะ?”

ตัวทั้งตัวของนรมนนิ่งอึ้งไปเลย

กานต์โดนพวกแก๊งค้ามนุษย์พาตัวไปจริง ๆ เหรอ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย