แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 520

บทที่ 520 ฉันจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่

พฤกษ์ไม่ได้รับการตอบกลับจากเจตต์ ยังไงก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“คุณยังฟังอยู่หรือเปล่าครับ?”

“นายนี่พูดมากจริง ๆ”

แล้วเจตต์ก็กดวางสายไปเลย ยังไงในใจก็ยังรู้สึกอัดอั้นอยู่บ้าง

ถ้าเอาเรื่องนรมนแยกออกไปแล้ว ที่จริงเจ้าเด็กกานต์นี่ก็ช่างทำให้คนรักและเอ็นดูอยู่นะใช่ไหม? ถึงแม้ว่ามีบางครั้งเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จะชอบแกล้งตัวเองอยู่บ้าง แต่ว่าพูดโดยรวมแล้วก็ถือได้ว่าไม่เลวนะ

เจตต์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างยอมจำนน

ชาติที่แล้วเขาจะต้องติดค้างกานต์ไว้แน่ ชาตินี้ถึงได้ให้เจ้าเด็กนี่มาทวงคืนที่นี่ได้

พอคิดไปแบบนี้ ในใจของเจตต์ก็สบายมากขึ้นแล้ว

ถ้าหากที่พฤกษ์และตัวเองทายไว้ไม่ผิดแล้วละก็ ตอนนี้ที่ตระกูลโตเล็กจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ ๆ สำหรับเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้น เจตต์ก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปสืบเสาะนัก เพราะฉะนั้นการไปช่วยกานต์ในครั้งนี้ก็คือการไปโดยไม่ได้คาดหมายไว้เลย

ตอนนี้เขาเป็นคนสืบทอดของตระกูลรัตติกรวรกุล เป็นแค่เพียงนักธุรกิจคนหนึ่ง ถึงแม้จะพอมีอำนาจและชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ว่าถ้าจะให้คนของรัฐออกหน้าออกตาให้จริง ๆ แล้วล่ะก็ คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้ว

หลังจากที่เจตต์ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไปที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเลย และไปหาธรณี แล้วเอาข้อความที่กานต์ส่งมาให้ธรณีดู

เห็นได้ชัดว่า ธรณีเองก็นิ่งอึ้งไปอย่างมีความสงสัยอยู่บ้าง

“เกิดเรื่องขึ้นกับกานต์เหรอ?”

“นี่มันก็ดูออกได้ง่าย ๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากว่าเขาสามารถขอความช่วยเหลือกับตระกูลโตเล็กได้ละก็ ก็คงจะต้องส่งข้อความให้บุริศร์แน่ แต่ว่าเขาไม่ได้ทำ นี่สามารถพูดได้ว่าตระกูลโตเล็กจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ ตอนนี้ผมสามารถพาตำรวจไปได้เลย แต่ว่าแบบนั้นมันจะค่อนข้างประเจิดประเจ้อเกินไป ผมกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะฉะนั้นก็จะมาดูสักหน่อยว่าคุณชายธรณีจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”

คำพูดของเจตต์พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ธรณียังจะนิ่งอึ้งอยู่อีกได้ยังไง?

ไม่ว่าจะพูดยังไง กานต์ก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่

“ผมจะรีบไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลย”

ธรณีวางธุระทุกอย่างลง แล้วก็ไปสถานีตำรวจพร้อมกับเจตต์ แล้วก็แอบวางแผนกันไปชุดหนึ่ง แล้วเจตต์ก็ใช้ข้ออ้างจะตรวจดูชมรมยิงปืนสักหน่อยแล้วก็ไปที่ชมรมก่อนเลย

พอผู้จัดการของชมรมเห็นเจตต์มาแล้ว ยังไงก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง

“คุณชายเจตต์? คุณมาได้ยังไงกันครับ?”

“ฉันได้ยินมาว่าที่พวกคุณนี่มีชมรมยิงปืนอยู่แห่งหนึ่ง แล้วฉันก็ถอนตัวจากวงการมานานขนาดนี้แล้ว ไม่ได้ฝึกฝีมือมานานแล้ว เป็นยังไง? ที่พวกคุณนี่เก็บค่าบริการกันยังไง?”

เจตต์ยังไงมีท่าทางเอ้อระเหยลอยชายอยู่

ผู้จัดการเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายเจตต์มาเที่ยวเล่น ยังจะพูดเรื่องเก็บค่าบริการอะไร สามารถเลือกที่คุณต้องการเล่นได้เล่นให้เต็มที่เลยก็พอแล้ว”

“มันจะไปได้ได้ยังไง! ไม่ว่ายังไงพวกคุณก็เปิดประตูทำธุรกิจกันอยู่ ผมไม่ใช่พวกคนไฮโซชอบวางอำนาจสักหน่อย ยังจะมาติดอยู่ที่เงินของพวกคุณแค่นี้เหรอ? ไป ไปทำบัตรสมาชิกVIPมาให้คุณชายอย่างฉันหน่อยซิ วันนี้คุณชายอย่างฉันจะเล่นอยู่ที่นี่ให้สนุกไปเลย”

เจตต์เอาบัตรเครดิตโยนไปตรงหน้าผู้จัดการ

ผู้จัดการรู้จักนิสัยของกานต์ดี คุณชายเจ้าเสเพลคนนี้ดูไปแล้วถึงจะเสเพล แต่ว่ากลับไม่อนุญาตให้คนอื่นปฏิเสธเด็ดขาด

แล้วเขาก็รีบให้คนไปทำบัตรสมาชิกให้กับเจตต์มาใบหนึ่ง และแน่นอนว่ามีส่วนลดด้วย

เจตต์เองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หลังจากที่รับบัตรสมาชิกมาแล้วก็เริ่มเดินไปเรื่อย ๆ “แนะนำหน่อยซิ ที่นี่นอกจากยิงปืนแล้ว ยังมีอะไรอีกล่ะ?”

“คุณชายเจตต์อยากจะเล่นอะไรล่ะครับ?”

ผู้จัดการเดาความชอบของเจตต์ไม่ออก จึงได้แน่เปิดปากเอ่ยถาม

แล้วเจตต์ก็พูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “เล่นอะไรเหรอ? ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ช่วงนี้เล่นอะไรก็รู้สึกไม่ค่อยสนุกเลย ช่างเถอะ ฉันเดินดูคนเดียวก่อนดีกว่า”

“เอ่ออันนี้ ให้พนักงานพาคุณเดินดูก่อนดีกว่า คุณชายเจตต์ ที่เรานี้ค่อนข้างวุ่นวาย อย่าให้คนอื่นทำร้ายโดนคุณเข้าล่ะ”

คำพูดของผู้จัดการทำให้เจตต์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย

“คนของคุณสามารถทำฉันบาดเจ็บได้เหรอ? ล้อเล่นอะไรกัน! ฉันเจตต์ รัตติกรวรกุลเป็นใคร? ทั่วทั้งเมืองชลธีนอกจากบุริศร์แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายฉันได้ ไสหัวไปไกล ๆ เลย!”

เจตต์ผลักผู้จัดการออกทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปข้างในอย่างวางอำนาจมาก ๆ

ผู้จัดการรีบกะพริบตาให้คนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วให้คนคอยตามเจตต์ไว้ แล้วไม่รู้อะไรในช่วงที่เขากับเจตต์กำลังเกี่ยวพันกันอยู่นั้น ตำรวจที่ธรณีจัดแจงไว้ก็ได้ใส่ชุดนอกเครื่องแบบและแฝงตัวเข้ามาแล้ว

เจตต์มองไปทางซ้ายทีมองไปทางขวาที แล้วอยู่ ๆ ก็พบว่าเจ้าเด็กกานต์นี่มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูปมากเลย ที่แห่งนี้ไม่มีความแตกต่างกับในรูปเลยสักนิด

เขาเดินไปถึงหน้าประตูบานหนึ่งแล้วก็หยุดลง

“ห้องนี้เอาไว้ทำอะไร?”

เจตต์ถามขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างกับว่าเบื่อหน่าย พูดแล้วก็จะผลักประตูเข้าไป แต่กลับโดนพนักงานที่อยู่ข้าง ๆ สกัดไว้ก่อน

“คุณชายเจตต์ ที่นี่เป็นที่ที่พนักงานของเราเอาไว้พักผ่อน ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”

เจตต์เห็นแววตาของพนักงานมีแววหลบหลีกเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ที่ที่พนักงานพักผ่อนเหรอ?”

“ใช่ ใช่ ใช่”

“งั้นฉันก็ยิ่งต้องดูหน่อยแล้ว จะดูว่าปกติแล้วพนักงานของพวกคุณเป็นยังไงกัน?”

พูดแล้ว เจตต์ก็จะผลักประตูบานนั้นออก

พนักงานร้อนใจจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่อยู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองโดนคนปิดปากเอาไว้แล้ว จากนั้นก็โดนคนควบคุมไว้อย่างรวดเร็ว

เจตต์มองดูข้างนอก รวมทั้งผู้จัดการอยู่ในนั้นต่างก็โดนคนของธรณีควบคุมไว้หมดแล้ว

นอกจากที่ข้างในไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่แล้ว ข้างนอกถือได้ว่าโดนจัดการเรียบร้อยแล้ว

เจตต์ส่งสัญญาณมือให้ธรณีอันหนึ่ง แล้วก็มีคนอีกไม่กี่คนตามเจตต์ผลักประตูบานนั้นเข้าไปเลย แล้วก็เดินลงไปในห้องใต้ดิน

ทุกอย่างที่นี่แค่มองทีเดียวก็มองชัดเจนหมดแล้ว

แม้แต่ข้างในกรงเหล็กในห้องใต้ดินก็ยังมีรอยเลือดอยู่

เจตต์ดมกลิ่นที่ไม่น่าดมนี้อยู่ แล้วมีความไม่อยากจะเชื่อว่าแผนที่ที่กานต์ให้เขาจะเป็นที่แห่งนี้ไปได้

เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่โดนจับตัวมาไว้ที่แห่งนี้เหรอ?

แต่ว่าก็ไม่มีเงาของกานต์เลย!

แล้วก็ในช่วงที่เจตต์หากานต์ไม่เจออยู่นั้น ตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณชายเจตต์ ทางโน้นมีประตูอยู่ เหมือนกับว่าจะสามารถเปิดทะลุไปได้ครับ”

“ไปดูกันซิ!”

นี่ตัวเขามาช่วยเขาเลยนะ!

แต่ว่าพอเห็นกานต์ที่โดนตีจนกลายเป็นสภาพแบบนี้แล้ว ไฟโกรธในใจของเจตต์ก็ลุกขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาสามารถรังแกเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ได้ แต่ถ้าคนจะรังแก ก็ยังต้องถามเขาเจตต์ รัตติกรวรกุล ว่าจะยอมตอบตกลงไหม

“แมร่งนี่ คนของคุณชายอย่างฉันพวกแกยังกล้าแตะต้องอีกเหรอ กินหัวใจหมีดีเสือมาหรือไง?”

เจตต์ยกเท้าแตะลอยไปทีหนึ่ง แล้วก็แตะคนที่ตามมาข้างหลังกานต์ลอยออกไปเลย

ตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็ไม่ได้ว่างกันอยู่ แล้วก็รุกหน้าเข้ามาควบคุมตัวคนเฝ้ายามที่อยู่ที่นี่เอาไว้

กานต์พาเรนนี่วิ่งออกไปแล้วก็ไม่ได้สนใจเจตต์อีก และก็วิ่งออกไปไม่ยอมหยุด

พอออกมาแล้วถึงพบว่าข้างนอกนั้นมีแต่ตำรวจ พวกเด็ก ๆ รอดแล้ว และที่สำคัญธรณีก็ได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดหมดเอาไว้แล้ว

เจตต์และธรณีร่วมมือกันได้อย่างเคร่งครัดและเป็นความลับมาก จนทำให้พวกเขาไม่มีเวลาอะไรให้ไปติดต่อกับโลกภายนอก แล้วก็ทลายฐานที่มั่นแห่งนี้ได้อย่างรวดเร็วเลย

ในเมื่อกานต์ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว และวันนี้ก็พยายามฝืนทนรอจนพวกเขามาถึง หลังจากที่เห็นว่าพวกเด็ก ๆ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร่างกายของกานต์ก็เริ่มซวนเซเล็กน้อยแล้ว

เรนนี่รีบประคองเขาไว้ทันที และร้องไห้อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงที่สมบูรณ์ออกมาได้

ธรณีมองเห็นกานต์อย่างรวดเร็ว หัวใจทั้งดวงก็บิดกันขึ้นมา

นี่เขาอยู่ที่นี่จริงด้วยเหรอ?

ถ้าหากว่าให้นรมนมาเห็นว่าลูกชายของตัวเองโดนทารุณจนกลายเป็นสภาพนี้ เธอจะต้องทุกข์ใจมากขนาดไหนกัน

“กานต์!”

ธรณีรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็คว้ากานต์มากอดไว้

กานต์ร้องโอ๊ยคำหนึ่ง แล้วของเหลวอุ่นร้อนก็เปื้อนอยู่บนมือธรณี

เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ และมองดูเลือดแดงสด ๆ ที่อยู่บนมือ แล้วดวงตาก็แดงขึ้นมาทันที

“ไอ้พวกตายโหงพวกนี้ ฉันจะไม่มีทางปล่อยพวกมันไปแน่!”

ในตอนที่กานต์เห็นธรณีก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

เขาคิดไม่ถึงว่าเจตต์จะไปหาธรณี และร่วมมือกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทำเรื่องพวกนั้นต่อนรมนแล้ว กานต์ก็ไม่ได้มองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาว่าเป็นคนอีกเลย

แต่ว่าตอนนี้เขาฝืนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เรนนี่ที่อยู่ข้างกายก็ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่

กานต์หันหน้าไปยิ้มให้เธอเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “ไม่เป็นไร พวกเราเป็นอิสระแล้ว และพวกเราก็ได้ออกมากันแล้ว แล้วก็จะไม่โดนพวกเขาจับตัวไปอีกแล้ว เธอจะต้องดีใจซิ อย่าร้องไห้”

เรนนี่กลับยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก แล้วก็กุมมือของกานต์ไว้แน่น และไม่รู้ว่าควรจะแสดงความรู้สึกของตัวเองยังไง

กานต์หันหน้าไปมองธรณีแล้วพูดขึ้นว่า “คุณตาธรณี เด็ก ๆ พวกนี้โดนตัดลิ้นไปหมดแล้ว พวกเขาพูดไม่ได้ ถ้าพวกคุณจะสอบปากคำแล้วละก็ ทางที่ดีที่สุดก็ให้กระดาษกับพวกเขาใบหนึ่ง ให้พวกเขาเขียนออกมา คนที่อยู่ข้าง ๆ ผมคนนี้ชื่อเรนนี่ เธอปกป้องผมมาตั้งแต่แรก ถึงได้ทำให้ผมมีเวลาส่งข้อความไปให้พวกคุณได้ คุณช่วยผมดูแลเธอให้ดีด้วยได้ไหมครับ?”

“ได้ ฉันจะดูให้!”

พอคำพูดของธรณีพูดจบลง กานต์ก็หมดสติไปเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย