บทที่ 600 บุริศร์ ลูกโหดเหี้ยมมากพอแล้ว
ขณะที่คุณนายตระกูลโตเล็กกำลังจะฆ่าตัวตาย ก็ได้รับการช่วยเหลือไว้ได้
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ป้องก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “คุณนายของพวกคุณเก่งจริงๆ”
พฤกษ์ยิ้มขมขื่น แล้วรีบไปเตรียมการ
หลังจากบุริศร์ถูกป้องช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้ ก็ส่ายหน้าให้สร่างสักหน่อยก่อนพูดขึ้น “ฉันต้องรีบไปเมืองใต้ดิน”
“ทางที่ดีนายคุมสภาพจิตใจหน่อย ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองโดนทำร้ายประสาทจากการสะกดจิต ยังไม่ระวังอีก โกรธมากๆ มันไม่ดี”
ป้องจ่ายยาขณะที่พูดกับบุริศร์
บุริศร์สวมเสื้อคลุมอย่างไม่สนใจสักนิดแล้วพูดขึ้น “มีนายอยู่ ฉันเชื่อว่านายทำได้”
“ฉันเป็นคนนะ ไม่ใช่พระเจ้า พวกคุณสองสามีภรรยาอย่าคิดว่าพวกเราสองสามีภรรยาเป็นคนมหัศจรรย์เกินไปได้ไหม”
“ยังไงตอนนี้ฉันไม่มีเวลาร่วมมือในการรักษากับนาย”
บุริศร์พูดขณะที่กำลังเดินไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อน งั้นเอายานี้ไปด้วย หนึ่งวันกินสามครั้ง มันบรรเทาอาการปวดประสาทของนายได้ชั่วคราว ที่มันปวดจนเป็นแบบนี้ นรมนไม่รู้ใช่ไหม? ถ้านายอยากให้ฉันบอกเธอ นายก็ไม่ต้องเชื่อฟังฉัน”
บุริศร์ชะงักสักพัก แล้วหยิบยาป้องมา
“ระวังปากนายหน่อยนะ”
แต่ป้องยิ้มแล้วพูดขึ้น “แบกความเจ็บปวดไว้คนเดียว ลูกผู้ชายจริงๆ นะ แต่ฉันอาจจะต้องบอกข่าวร้ายข่าวหนึ่งกับนาย คุณแม่ของนายจะฆ่าตัวตาย พฤกษ์ไปห้ามไว้ทัน”
บุริศร์ได้ยินเรื่องนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น
“เกิดขึ้นเมื่อไร?”
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน”
“รู้แล้ว”
“ไม่คิดจะไปเยี่ยมหน่อยเหรอ?”
ป้องเห็นบุริศร์ไม่คิดจะไป ก็อดถามขึ้นไม่ได้
บุริศร์พูดขึ้นเรียบๆ “เธอไม่ตายหรอก ถึงเธอตาย ฉันก็ยิ่งไม่ปล่อยตรินท์ไป เพื่อคนคนนั้น เธอจะไม่ตายเพราะคนคนนั้น ที่ทำแบบนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการหยุดฉัน ไม่ให้ฉันไปเมืองใต้ดิน”
“นายมองออกและเข้าใจ แต่ฉันสงสัยมากเลยล่ะ คุณแม่ของนายไม่ได้ชอบนรมนมากเหรอ? ทำไมครั้งนี้ไม่สนใจความเป็นความตายนรมน? หรือลูกสะใภ้อยู่กับลูกชายไม่สำคัญจริงๆ เหรอ? แต่มันแปลกๆ อ่ะ ถ้าคนคนนั้นเป็นตรินท์จริงๆ การช่วยเหลือและการรักทะนุถนอมของเธอก็ไม่แปลก แต่ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ ทำไมต้องปกป้องแบบนี้ด้วย? ไม่ลังเลที่จะเป็นศัตรูกับนายเลยด้วยซ้ำ? คนคนนั้นกับแม่นายเป็นอะไรกันแน่?”
คำพูดของป้องทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ฉันก็อยากรู้ เธอปกป้องคนคนนั้นตลอดเวลา ข่าวตอนแรกสุดที่ตรินท์มีชีวิตอยู่เธอก็เป็นคนบอกฉัน ฉันก็เลยสงสัยว่าเธอรู้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ตรินท์ตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อไม่ใช่ ทำไมต้องปกป้องแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องหลอกฉันแบบนี้อีก? ฉันเคยถามเธอแล้ว แต่เธอไม่ตอบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนรมน”
“บุริศร์หันตัวไปมองป้องแล้วพูดขึ้น “แม่ฉันฝากให้นายนะ ฉันรู้ว่านายจะดูแลเธออย่างดี ตอนนี้ฉันต้องรีบไปเมืองใต้ดินแล้ว ไม่งั้นฉันเป็นห่วงว่านรมนจะเป็นอะไร”
“นายไม่เคยคิดเลยเหรอว่าคราวก่อนที่นายไปเมืองใต้ดิน พานรมนไปได้อย่างราบรื่น มันเพราะนายสัญญากับพวกมันว่าจะให้พิมพ์เขียวพวกมัน ตอนนี้พิมพ์เขียวนายทำเสร็จหรือยัง? ไม่เอาสิ่งนี้ไปด้วย พวกมันไม่มีทางให้นายพานรมนออกมาหรอก แต่ถ้าเอาพิมพ์เขียวไปด้วย พวกนายก็อาจจะไม่ได้กลับมา ทางที่ดีก็คิดวิธีแก้ปัญหาให้รอบคอบ แล้วก็การปวดประสาทของนาย ช่วงนี้ไม่สามารถควบคุมมันได้ ฉันไม่กล้ารับประกัน ควบคุมไม่ได้แล้วจะเกิดผลลัพธ์ยังไงฉันก็ไม่แน่ใจ ทางที่ดีนายต้องเตรียมใจเอาไว้”
ป้องบอกทุกอย่างกับบุริศร์ล่วงหน้า
“รู้แล้ว”
บุริศร์พูดจบก็เดินออกไป เจอกับพฤกษ์พอดี
“ประธานบุริศร์ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไร คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”
บุริศร์ยังคงถามหนึ่งประโยค
พฤกษ์ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ พูดอะไรไม่น่าฟัง คุณนายก็แค่ทำให้พวกเราเห็น”
ผลสรุปแบบนี้บุริศร์ก็คาดเดาไว้แล้ว
เขาพูดเสียงทุ้ม “นายไม่ต้องตามฉันไปนะ อยู่ที่นี่ ดูคุณแม่ไว้ให้ดี พ่อบ้านล่ะ?”
“อยู่ในห้องรับแขกครับ”
“ฉันจะไปหาหน่อย”
บุริศร์เดินไปที่ห้องรับแขกทันที
พ่อบ้านตัวสั่น เมื่อเห็นบุริศร์เดินมา ก็ตัวหดอย่างเห็นได้ชัด
“ประธานบุริศร์ คุณชายใหญ่ ผ-ผมแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น คุณนายให้ผมทำแบบนี้”
พ่อบ้านได้รับคำสั่งจากคุณนายตระกูลโตเล็กจริงๆ ตอนนี้ทำได้แค่พูดถึงคุณนายออกมาเพื่อรักษาชีวิต
บุริศร์พูดขึ้นอย่างเย็นชา “นายอยู่กับคุณนายมากี่ปีแล้ว?”
“ครับ ผมติดตามคุณนายมาตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าปี รับใช้เธอตลอดเวลา ถึงจะไม่มีคุณงามความดี ผมก็ทำงานหนักมาก คุณชายใหญ่ ผมทำตามคำสั่งจริงๆ และคุณชายรองคนนั้น พวกคุณเป็นพี่น้องกัน คุณนายก็ไม่อยากให้พวกคุณฆ่าแกงกันหรอกครับ ดังนั้น……”
“หยุดพูด!”
สีหน้าบุริศร์หนักอึ้งทันที
ดวงตาคุณนายตระกูลโตเล็กมืดลง น้ำตาไหลลงมา
“แม่ไม่รู้สึกสงสารเหรอ? ที่ลูกถามแบบนี้ บุริศร์ แม่จะบอกลูกให้นะ บนโลกนี้ไม่มีใครรู้สึกปวดใจไปมากกว่าแม่อีกแล้ว? แม่รู้ว่าลูกเกลียดแม่ และแค้นแม่ รู้สึกว่าแม่ไม่เห็นใจด้วยซ้ำ และอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่แม่ทำกับนรมนทุกอย่างเป็นการเสแสร้ง ตอนนี้คือเรื่องจริงใช่ไหม? แม่จะบอกลูกว่าเรื่องพวกนี้ ไม่ช้าก็เร็วลูกก็จะรู้!”
“ผมอยากรู้ตอนนี้! ผมอยากรู้ ทำไมแม่ยอมช่วยเหลือคนคนนั้นและเป็นศัตรูกับผม? ฉันอยากรู้ นรมนไปทำอะไรให้แม่ไม่พอใจ ทำให้แม่ทำกับเธอแบบนี้? ผมอยากรู้ แม่พาเธอออกไปที่เมืองใต้ดิน แม่ทำไปเพื่ออะไร?”
คำถามรวดเดียวของบุริศร์ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กเถียงไม่ออก
เธอกัดปาก มองบุริศร์ตรงๆ ดวงตาฉายแววความน้อยใจและเสียใจ
บุริศร์รีบหันศีรษะไป
ตั้งหลายปี เขาไม่เคยทำอะไรคุณนายตระกูลโตเล็กเลย ตอนนี้เผชิญหน้ากับคุณแม่แบบนี้ หัวใจเขารู้สึกแย่มาก แต่นึกถึงสภาพปัจจุบันของนรมน หัวใจเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมาก
“ผมไม่เถียงเรื่องพวกนี้กับแม่แล้ว ในเมื่อแม่ไม่อยากพูด งั้นก็ไม่ต้องพูด แม่ก็พูดแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วผมก็จะรู้ แต่ตอนนี้อย่ามาหยุดสิ่งที่ผมอยากทำ ผมไม่สามารถทำอะไรแม่ได้ แต่ผมปล่อยพ่อบ้านไปไม่ได้”
พูดจบ เขาก็ตะคอกเสียงทุ้มใส่คนข้างๆ
“ยังรอทำไม? ลากออกไป!”
“คุณชายใหญ่ ยกโทษเถอะนะ คุณนาย คุณช่วยผมด้วย!”
พ่อบ้านร้องไห้อย่างเศร้าใจสุดๆ
ถ้าเขาไปแล้ว เกรงว่าโอกาสรอดตายจะมีน้อยมาก
คุณนายตระกูลโตเล็กผูกพันกับพ่อบ้านหลายสิบปี เห็นบุริศร์ทำแบบนี้ ตอนนี้หัวใจก็ย่ำแย่แล้ว
“บุริศร์ ลูกทำไม่ได้นะ!”
เธอพยายามจะลงมาห้าม แต่ปวดหัวใจกะทันหัน ล้มลงกับพื้นทันที
“บุริศร์ บุริศร์ เขาอยู่กับแม่มาสิบสิบกว่าปีแล้วนะ วันเหงาๆ ที่ต่างประเทศเขาก็อยู่เป็นเพื่อนฉัน ลูกห้ามแย่งเธอไปจากฉัน! ลูกห้ามนะ!?”
คุณนายตระกูลโตเล็กร้องไห้ตะโกน บุริศร์กลับพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “นรมนก็อยู่กับผมมาตั้งหลายปี เธอทนทุกข์ทรมานตั้งมากมายเพื่อผม เพื่อตระกูลโตเล็ก ความทุกข์พวกนั้นมันไม่สมควรเป็นของเธอ ผมไม่รู้นะว่าแม่เกี่ยวข้องเรื่องที่ผมโดนกักขังที่เมืองใต้ดินหรือเปล่า แต่ตอนนี้ ผมไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายนรมนอีกแล้ว แม่ก็ทำไม่ได้ ผมเป็นลูกชาย ทำอะไรแม่ไม่ได้อยู่แล้ว งั้นก็ให้พ่อบ้านรับมันแทนแม่แล้วกัน แม่ก็บอกแล้วว่าเขาอยู่กับแม่มาตั้งสามสิบปี แม่ไม่ต้องกลัวหัวใจวายด้วย ป้องก็อยู่ที่บ้านเรา แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกชายจะดูแลแม่เป็นอย่างดี ไม่ทำให้แม่เกิดอุบัติเหตุอะไรเด็ดขาด”
พูดจบ บุริศร์ก็พาพ่อบ้านออกไปทันที
พ่อบ้านตะโกนร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสาง แต่ถูกคนปิดปากแล้วลากออกไป
“บุริศร์ ลูกโหดเหี้ยมมากพอแล้ว! ลูกทำแบบนี้กับแม่ ลูกจะเสียใจ!”
คุณนายตระกูลโตเล็กตะโกนด้วยความโกรธ ภาพตรงหน้ามืดลง หมดสติไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...