สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปทันที มองนางด้วยความประหลาดใจ
นางยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าจะช่วยท่านเชิญซื่อจื่อออกมาเอง”
นางเป็นอัจฉริยะในสำนักเต๋า มีดวงตาแห่งจิตวิญญาณโดยกำเนิด เกิดมาก็สามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
แต่ความเป็นอัจฉริยะของนางนั้น มาพร้อมการแบกรับห้าเคราะห์สามบกพร่อง และนางมีถึงสามประการ นั่นคือ โดดเดี่ยว ไร้คู่ครอง และอายุสั้น
ตั้งแต่ปีที่แล้ว นางมักจะรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอกอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีเส้นสีแดงปรากฏบนข้อมือของนาง
อาจารย์ใหญ่เคยกล่าวว่าวันใดที่เส้นสีแดงบนข้อมือนั้นยาวถึงข้อศอก วันนั้นจะเป็นวันที่ชะตาชีวิตของนางสิ้นสุด
นางยกข้อมือขึ้นมอง เส้นสีแดงนั้นยาวถึงครึ่งทางระหว่างข้อศอกกับข้อมือแล้ว
การเดินทางกลับมายังเมืองหลวงครั้งนี้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับจดหมายจากอวิ๋นไท่เฟยแล้ว ยังเป็นเพราะอาจารย์สามได้คำนวณชะตาของนาง พบว่าโอกาสในการแก้ไขชะตาอายุสั้นของนางปรากฏอยู่ที่เมืองหลวง
กวนมามาเห็นซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานยืนกางร่มด้วยกัน นางโกรธจัดพลางตวาดว่า “ต่อหน้าฝูงชน ท่านกับบุรุษกางร่มร่วมกันเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทสิ้นดี!”
เยียนเซียวหรานตวาดกลับอย่างเย็นชา “หุบปาก! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”
น้ำเสียงของเขาแม้จะไม่ได้ดังมากนัก แต่กลับแฝงด้วยความเยือกเย็นราวกับเสียงจากเทพแห่งความตายในขุมนรกเก้าชั้น ทำให้ผู้คนรอบข้างขนลุกด้วยความกลัว
แม้กวนมามาจะรู้สึกหวาดกลัวในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ข้าน้อยทำหน้าที่ในนามของ...”
คำพูดของนางยังไม่ทันจบ เยียนเซียวหรานก็ยกเท้าเตะนางจนกระเด็นลอยไปกระแทกกำแพงวังอย่างแรง
เพียงชั่วพริบตา เลือดสดก็ไหลซึมออกมาจากร่างของกวนมามา ย้อมกำแพงวังให้เป็นสีแดงฉาน ร่างของนางกลิ้งลงมาจากกำแพงราวกับเศษผ้าขาด ๆ สิ้นลมหายใจไปโดยสิ้นเชิง
ข้าราชบริพารรอบข้าง “!!!”
ซือเจ๋อเยว่ “...”
ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!
แต่นางกลับรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก!
นางทำนายว่ากวนมามาจะตายในวันนี้ แต่ไม่ได้คาดคิดว่านางจะต้องตายเช่นนี้
เยียนเซียวหรานมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พลางกล่าวเสียงเย็นชา “ลบหลู่เบื้องสูง สมควรตาย!”
สายลมพัดพาเส้นผมสีดำขลับของเขาให้พลิ้วไหว ปัดผ่านดวงตาและคิ้วที่เย็นชาเฉียบคม รัศมีของเขาแผ่ขยายออกอย่างเต็มที่ ราวกับเทพสังหารที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้
ข้าราชบริพารต่างถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงกันหนึ่งก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางคนที่ใจไม่แข็งพอถึงกับเริ่มขาสั่น
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจไม่น้อยที่เยียนเซียวหรานปกป้องนาง นางหันไปมองเขาโดยไม่รู้ตัว
ในจังหวะนั้นเอง ลมเย็นก็พัดผ้าคลุมหน้าของนางขึ้นเล็กน้อย ซือเจ๋อเยว่ได้เห็นใบหน้าของเยียนเซียวหราน ทันใดนั้นเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาทั่วแผ่นหลัง
ตกใจจนขวัญหนี!
เขาไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์แต่อย่างใด ตรงกันข้าม ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายไม่เป็นสองรองใคร
คิ้วคมราวกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดารา จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบาง ใบหน้ามีสันคมจัดเจน ถือเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดที่นางเคยพบเจอ
ทว่าความทรงจำอันน่าอึดอัดระหว่างพวกเขาในอดีต เมื่อหนึ่งปีก่อน นางถูกอาจารย์รองเล่นตลกให้กินยาเปลี่ยนเสียง ขณะสวมหน้ากาก นางดันไปหลับนอนกับเขา!
นางกระแอมไอเบา ๆ แสร้งทำเป็นสงบพลางกล่าวว่า “คุณชายสามโปรดดู”
พูดจบ นางยกฝ่ามือขึ้นปัดผ่านหน้าเยียนเซียวหราน ทันใดนั้น ร่างของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เต็มไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้น ห่างจากเขาไม่ถึงสามฉื่อ[1]!
เยียนเซียวหรานมีสีหน้าตกตะลึง “พี่ใหญ่ นี่ท่านจริง ๆ หรือ?”
เขาพูดว่าจะเชิญวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อขึ้นมา ก็เพียงเพื่อจะเลี่ยงการรับตัวซือเจ๋อเยว่กลับไปเท่านั้น ไม่คิดว่านางจะสามารถเรียกวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อขึ้นมาได้จริงๆ!
ซือเจ๋อเยว่ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “หากท่านมีสิ่งใดจะถามพี่ชายของท่าน จงรีบถามเสีย เขาจะอยู่ที่นี่ได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งถ้วยชา[2]เท่านั้น”
เยียนเซียวหรานรีบก้าวไปยืนข้างเยียนอ๋องซื่อจื่อ พลางเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ที่นอกช่องเขากรงเสือเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เยียนอ๋องซื่อจื่อพึมพำอย่างแผ่วเบา “กุญแจหยก... บทกวีหวนคืน... อ่าวจันทร์กระจ่าง...”
เยียนเซียวหรานฟังแล้วสับสนอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะถาม “หมายความว่าอย่างไร?”
ซือเจ๋อเยว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวด้วยความเสียดาย “ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้รับบาดแผลสาหัส บาดเจ็บถึงวิญญาณ ดวงวิญญาณเสียหาย ความทรงจำจึงไม่สมบูรณ์”
เยียนเซียวหรานไม่อาจคงความสงบนิ่งเช่นเดิมได้อีก ดวงตาแดงก่ำ ขบฟันแน่นพลางเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ บอกข้าที ใครเป็นคนทำร้ายท่าน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง