ซือเจ๋อเยว่ถลึงตามองเขาแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของข้า แต่เจ้ากล้าตวาดข้า แถมยังร้องไห้ราวกับงานศพ!”
“เจ้าไม่พอใจเรื่องที่ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างข้ากับเยียนอ๋องซื่อจื่อ เจ้าต้องการจะขัดขืนราชโองการใช่หรือไม่?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “!!!”
เยียนเซียวหรานมองซือเจ๋อเยว่ด้วยความประหลาดใจ
นางมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “หึ เจ้ากล้าแสดงสีหน้าเช่นนี้ใส่ข้าด้วยหรือ นั่นแสดงว่าเจ้าคิดขัดขืนราชโองการจริง ๆ สินะ!”
“ข้าจะไปหาเสด็จลุงเดี๋ยวนี้ ขอให้เขาลงโทษเจ้า!”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่เขาไม่กล้าขัดขวางพิธีแต่งงาน จึงจำใจต้องฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า “องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว กระหม่อมมีความยินดีอย่างยิ่ง!”
ซือเจ๋อเยว่ทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า “เจ้ายิ้มไม่น่ามองเหมือนเมื่อครู่ ดูอย่างไรก็ไม่จริงใจ”
“เจ้าคงแค่ทำเป็นยิ้มบนหน้า แต่ด่าข้าอยู่ในใจสินะ?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”
เขาทำเช่นนั้นจริง ๆ ถูกนางจับได้เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่พยายามยิ้มให้ดูจริงใจขึ้นอีกหน่อย “หามีเรื่องเช่นนั้นไม่! กระหม่อมยินดีเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”
ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบาง ๆ “ตอนนี้เจ้าแค่เลือดออกนิดหน่อย ยังมิได้ตาย และครอบครัวเจ้าก็ยังไม่ล้มตายทั้งตระกูล ควรจะดีใจให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
“โลหิตกับรอยยิ้มเข้ากันดีที่สุดแล้ว มาสิ ยิ้มให้สดใสกว่านี้!”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”
เขากัดฟันด้วยความโกรธ แต่ก็ต้องฝืนยิ้มออกมาให้ได้
ในโถงพิธีแต่งงานมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น เหล่าไท่จวินกระแอมไอครั้งหนึ่ง ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบสงบลง แต่อารมณ์ตึงเครียดก็ลดลงไปบ้าง
ซือเจ๋อเยว่มองไปที่ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแล้วกล่าวว่า “อืม ยิ้มแบบนี้ดีมาก รักษาไว้นะ!”
หลังจากพูดจบ นางเดินไปที่เหล่าไท่จวินแล้วคืนไม้เท้าให้พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณเหล่าไท่จวิน!”
เหล่าไท่จวินมองนางด้วยสายตาเมตตา นางจึงยิ้มตอบก่อนจะถอยกลับไปยืนข้างเยียนเซียวหราน
จากนั้น นางหันไปทางคนประกอบพิธีที่ยืนตะลึงอยู่พลางพูดว่า “ธุระของข้าเสร็จแล้ว เริ่มพิธีไหว้ฟ้าดินได้ ไยเจ้ายังยืนบื้ออยู่อีก? รีบร้องให้ทำพิธีสิ!”
คนประกอบพิธีที่ยืนตกตะลึงอยู่นานเพิ่งจะได้สติ ตะโกนเสียงดังว่า “หนึ่งคำนับฟ้าดิน!”
“สองคำนับบิดามารดา!”
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำนับกัน!”
“เสร็จพิธี ส่งตัวเข้าห้องหอ!”
ทันทีที่เสียงประกาศว่าพิธีเสร็จสิ้น เยียนเซียวหรานก็พาซือเจ๋อเยว่เดินไปทางห้องหอ เขาพูดเสียงเบาว่า “องค์หญิง การกระทำเมื่อครู่บุ่มบามเกินไปหน่อยหรือไม่?”
ซือเจ๋อเยว่ตอบอย่างช้า ๆ ว่า “เหล่าผู้กล้าที่เสียชีวิตเพื่อแผ่นดิน มิควรถูกคนชั่วหยามเกียรติ มิเช่นนั้นวิญญาณของพวกเขาคงยากจะสงบ”
เยียนเซียวหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากนาง เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองนาง
แม้ว่านางจะคลุมหน้าด้วยผ้าคลุม ทำให้ไม่สามารถเห็นสีหน้าของนางได้ มีเพียงรูปร่างที่บอบบางของนางที่เขามองเห็น
ซือเจ๋อเยว่เติบโตในสำนักเต๋าตั้งแต่เด็ก ในเมืองหลวงนั้นมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับนางไม่มากนัก แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องในแง่ลบ
เช่นว่านางหยาบคายโง่เขลา อวดดีเอาแต่ใจ และมักจะกระทำการอย่างโหดร้าย
ทว่าวันนี้เมื่อได้พบ นางกลับแตกต่างจากเรื่องเล่าลืออย่างสิ้นเชิง
นับตั้งแต่เยียนอ๋องสิ้นชีพในสนามรบ ฮ่องเต้เจาหมิงก็แสดงท่าทีตำหนิจวนเยียนอ๋องอย่างชัดเจน เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างหลีกเลี่ยงจวนเยียนอ๋องราวกับเป็นสัตว์มีพิษ
มีขุนนางเพียงไม่กี่คนที่กล้าหาญและยุติธรรมพอจะออกปากปกป้องจวนเยียนอ๋อง ดังนั้นการที่นางแสดงออกเช่นนี้ นับว่าน่ายกย่องยิ่งนัก
เยียนเซียวหรานถอยหลังหนึ่งก้าวและคำนับนางพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง