หลิวหรูซวี่ถูกตบ ก็รู้สึกคับข้องใจเหลือคณา ได้แต่กุมหน้าน้ำตาคลอเบ้า “ขอโทษ พี่เชียนฮวัน...”
“น้องหรูซวี่คนแสนดี เจ้าจะยืนอยู่ทำไมเล่า นั่งลงสิ”
เซี่ยเชียนฮวันยกยิ้มที่มุมปาก คิ้วโค้งงอดุจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทั้งงดงามและเฉลียวฉลาด
หลิวหรูซวี่นั่งลงอย่างประชดประชัน นางไม่กล้าพูดมากอีก
มื้อเที่ยงนี้ สองแม่ลูกตระกูลเซี่ยก็ทานอาหารด้วยความหดหู่
พวกนางดูไม่กระฉับกระเฉงเหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาในจวนจ้านอ๋อง
หลิวหรูซวี่ไม่เข้าใจ เมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องของนางทั้งโง่ทั้งปากหนัก หากรู้สึกน้อยใจก็แค่บ่น แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเข้มแข็งเช่นนี้
หรือเพราะได้เป็นพระชายา ถึงทำให้นิสัยเปลี่ยนไปมากเช่นนี้
คิดได้ดังนั้น หลิวหรูซวี่ก็อดโลภในตำแหน่งพระชายามิได้!
หลังมื้ออาหาร
น้าเซี่ยก็คลี่ยิ้มปลอมๆ ขึ้นมา และพูดคุยอย่างสนิทสนม “เชียนฮวัน ข้าคงไม่รบกวนเจ้าพาพวกเราไปเดินเล่นที่สวน ประเดี๋ยวข้ากับซวี่เออร์จะไปเดินเล่นกันเอง”
“ตามสบาย”
เซี่ยเชียนฮวันยกแก้วชาขึ้นจิบ
ขณะมองไล่หลังน้าเซี่ยและหลิวหรูซวี่กระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินออกไปอย่างลับๆ ล่อๆ
“เชียนฮวัน น้าของเจ้าค่อนข้างหัวสูง แต่ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในอนาคตจะต้องดูแลซึ่งกันและกัน” ฮูหยินอันติ้งโหวพูดขึ้นมา
เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก “ดูแลซึ่งกันและกัน หรือมาดูดเลือดพวกเรากันแน่?”
“เจ้าไปเอาคำพูดเช่นนี้มาจากไหน....”
“ท่านแม่ ท่านอยากรักษาความสัมพันธ์พี่น้องกับน้าเซี่ย ข้าไม่มีความคิดเห็นอันใด แต่ท่านควรจะรู้ว่าญาติบางคนก็เหมือนปลิง หากท่านอนุญาตให้พวกเขาเกาะติดท่าน ช้าเร็วพวกเขาก็จะดูดเลือดท่านจนแห้ง แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ” เซี่ยเชียนฮวันกล่าว
ฮูหยินอันติ้งโหวขมวดคิ้ว “นั่นก็พูดเกินไป! ฮวันฮวัน ข้ามิรู้ว่าเจ้ากลายเป็นคนเย็นชาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนที่เจ้ายังเด็ก ไม่ใช่ว่าเจ้าก็มีช่วงเวลาดีดีกับซวี่เออร์หรือ? ตอนนี้ซวี่เออร์ต้องการจะช่วยเจ้า แม้นางจะไม่เข้าใจมารยาทก็แค่สอนนาง เหตุใดต้องไล่แขกออกไปด้วย”
“....”
เซี่ยเชียนฮวันเงียบ
นางเย็นชา?
บางทีอาจจะใช่
ตอนที่นางยังเด็กมีเพียงตำราแพทย์เท่านั้นเป็นเพื่อน ญาติเพียงคนเดียวในโลกคืออาจารย์ ดังนั้น นางจึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม นางจะต้องช่วยเหลือญาติทางสายเลือดทุกอย่างโดยไม่เห็นแก่ตัว
บรรยากาศสองแม่ลูกค่อนข้างแข็งทื่ออยู่สักพัก
ฮูหยินอันติ้งโหวกล่าวอย่างอบอุ่น น้ำเสียงอ่อนโยนเปล่งขึ้นว่า “ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า เพราะเจ้ามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในจวนจ้านอ๋อง ข้ากับบิดาเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากจริงๆ ถ้าหากเจ้ามีผู้ช่วยอยู่ที่นี่ พวกข้าคงวางใจไม่น้อย”
“อืม....”
เซี่ยเชียนฮวันตอบรับแบบขอไปที
แต่จู่ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้
คำพูดนั่น คล้ายมีบางอย่างไม่ถูกต้อง?
พวกนางใช้ข้ออ้างว่ามาเดินเล่น แต่ความจริงแล้วคิดสร้างโอกาสพบเซียวเย่หลัน
แต่เดินมาตั้งนานก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคน
“อย่าใจร้อนไป เดี๋ยวแม่จะไปหาดูก่อน ส่วนเจ้าก็พักอยู่ตรงนี้เสีย”
น้าเซี่ยไปสำรวจเส้นทาง
หลิวหรูซวี่อยู่คนเดียวจนรู้สึกเบื่อ ไม่ทันรู้ตัวก็เดินไปยังประตูข้างอันเงียบสงบ
ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงจากนอกประตู
“คืนนี้เจ้ามาตามเส้นทางที่ข้าพูด อย่าได้เดินผิดทาง....”
“ขอเพียงเรื่องนี้สำเร็จ เจ้ากับเซี่ยเชียนฮวันก็จะ....”
หลิวหรูซวี่เขยิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วแอบมองผ่านรอยแตกที่ประตู ก่อนจะเห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างนอก เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
นางเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นตอนที่เข้าจวนมา นั่นไม่ใช่สาวใช้ของอนุซูอวี้เออร์หรอกหรือ
และชายคนนั้นก็ดูคุ้นตาเสียจริง
ใช่แล้ว....เหมือนจะเป็นอดีตผู้อารักขาของพี่เชียนฮวัน?
ชื่ออะไรนะ?
เฟิงเยว่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
มาอัพเพิ่มไวๆๆนะคะ...
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ...
นางออกควายไงคะ ไม่รู้อะไรซักอย่างตั้งท้อง อยู่ไปวันๆ...
นางเอกหน้าโง่ วันๆไม่ทำเห้ ไร รักษาแต่คน ไม่เคยคิดจะสู้กลับ ไร้น้ำยา...
ทำไมหายอีกแล้ว มาอัพต่อค่ะ...
ดีใจกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณแอดมินค่ะ...
รออ่านอย่าใจจดจ่อ อัพต่อพลีสสส...
กลับมาต่อ รออ่านอยู่ค่ะ...
ตามคะ ขอบคุณค่ะ...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอค่ะ กำลังสนุกเลย...