หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 233

เสียงบิ๊บ ๆ ของปุ่มล็อกประตูดังจากด้านนอกประตู สาริศาจึงรู้ว่าธนพัตกลับมาแล้ว 

เธอไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวกับเขาว่า “กลับมาแล้วเหรอ” เหมือนอย่างปกติ เธอยังคงนั่งอยู่บนโซฟาแล้วกัดริมฝีปากล่าง โดยที่ตัวมีการสั่นเทาเล็กน้อย

เมื่อธนพัตเปิดประตู ก็เห็นในบ้านไม่ได้เปิดไฟ คิดว่าในบ้านไม่มีคน จึงทำการเปิดไฟแล้วเดินไปยังห้องรับแขก ถึงได้เห็นสาริศานั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา

“เกิดอะไรขึ้น” ธนพัตสังเกตเห็นชัดเจนถึงอารมณ์ที่ไม่ดีของสาริศา

แต่ว่าสาริศากลับไม่หันมามองเขา ไม่ตอบเขา ก้มหน้าราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา

จึงคิดว่าอาจจะมีเรื่องที่ทำงานมากวนให้ไม่สบายใจ ธนพัตที่กำลังคิดอยากจะเข้าไปปลอบสาริศาสองสามประโยค แต่กลับพบว่าเธอยังคงใส่เสื้อผ้าชุดที่ซื้อมาเมื่อวาน

คำปลอบโยนยังไม่ทันได้ออกมาจากปาก ธนพัตก็ขมวดคิ้วขึ้นก่อน “ทำไมคุณยังใส่เสื้อผ้าแบบนี้ สไตล์แบบนี้ไม่เหมาะกับคุณจริง ๆ ต่อไปไม่ต้องซื้ออีกแล้วนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของธนพัต ในใจที่โมโหโกรธและน้อยใจของสาริศา ในที่สุดก็ระงับไว้ไม่อยู่

น้ำตาที่อดกลั้นไว้ได้ไหลพรั่งพรูลงมาหยดลงบนโซฟา แผ่นหนังของโซฟาฉับพลันก็ปรากฏคราบหยดน้ำตา

สาริศาหันมามองธนพัต แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและความดื้อรั้น ราวกับเปลวไฟกำลังปะทุลุกไหม้

“ฉันไม่เหมาะ” ข่มเสียงของตัวเอง การประชดประชันของสาริศาที่ไม่ค่อยได้พบเห็น “อย่างนั้นคุณคิดว่าใครกันที่เหมาะ พชิราเหรอ”

ได้ยินชื่อของพชิรา นัยน์ตาของธนพัตเป็นประกายเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามของสาริศา แต่เขาถามกลับ “วันนี้คุณเป็นอะไร”

เขาพลางพูดพลางยื่นมือมา อยากจะช่วยสาริศาเช็ดน้ำตา 

“เสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นเสื้อผ้าโปรดของพชิราล่ะสิ” ปัดมือของธนพัตทิ้ง แล้วสาริศาก็ลุกขึ้นยืนขึ้นจากโซฟาทันที สีหน้าดุดัน “ดังนั้นคุณถึงได้บอกว่าไม่เหมาะกับฉัน!”

“เป็นอะไรกันแน่” ไม่เข้าใจว่าสาริศาจู่ ๆ ทำไมถึงอารมณ์ขึ้นเช่นนี้ ในใจของธนพัตรู้สึกโมโหเล็กน้อย อดไม่ได้จึงพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเล็กน้อย

“คุณยังชอบพชิราอยู่ใช่ไหม” สาริศาถามและจ้องไปที่ดวงตาของธนพัต

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของธนพัตมืดคล้ำลง เงียบไปชั่วขณะ แล้วจ้องมองแววตาของสาริศาอย่างขึงขัง “นั่นเป็นอดีตไปหมดแล้ว ตอนนี้คนที่ผมชอบคือคุณ”

“อย่างนั้นทำไมถึงไม่ชอบฉันใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ไม่ใช่เพราะฉันใส่แบบนี้แล้วเหมือนกับเธอหรอกเหรอ”

ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องเสื้อผ้าเองเหรอ ธนพัตจึงปลอบโยนสาริศาอย่างอดทน “ถ้าคุณชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ต่อไปผมจะไม่พูดอะไรอีก ก่อนหน้านี้ผมผิดเอง โอเคไหม”

ได้ยินคำพูดของธนพัต สาริศาไม่ยิ้มกลับโมโห “ธนพัต คุณคิดว่าเป็นเพราะเสื้อผ้าเหรอ คุณไม่ได้ลืมพชิราด้วยซ้ำ ในใจของคุณยังมีเธออยู่ตลอดเวลาใช่ไหม”

เห็นสาริศาไม่จบไม่สิ้น ธนพัตจึงเม้มริมฝีปากบาง จ้องมองสาริศา โดยไม่พูดไม่จา

ความไร้เหตุผลแบบนี้ของสาริศาเช่นนี้ ธนพัตไม่เคยเห็นมาก่อนน ในความทรงจำของเขา เธอนั้นอ่อนโยน ใจดี มีน้ำใจเสมอมา ดังนั้นฉับพลันไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี

อีกทั้งธนพัตปกติเป็นคนหยิ่งทะนง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกถามแบบนี้ ภายใต้ในความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองไม่ผิด ความเคารพในตัวเองของเขาไม่อนุญาตให้เขาลดท่าทีมากเกินไป

หลังจากธนพัตเงียบลง สภาพแวดล้อมรอบข้างก็ตกอยู่ในความเงียบที่ทำให้คนหายใจแทบไม่ออก

ครืด ๆ

เวลานี้เสียงสั่นของโทรศัพท์ได้ดังขึ้น ธนพัตเหลือบไปมองโทรศัพท์ เป็นชรัณ

ใช่สิ พชิราเสียชีวิตไปแล้ว เธอจะสู้กับคนเสียชีวิตได้อย่างไร

สาริศารู้ตัวว่าวันนี้ตัวเองค่อนข้างไม่มีเหตุผล แต่ไหนแต่ไรมาธนพัตไม่เคยปกปิดตัวเองเรื่องของเขาพชิรา  และยิ่งพชิราเสียชีวิตเพราะการประสบความโชคร้ายของธนพัต ตัวเองไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

แต่ว่าช่วงนี้คลิปของพชิราปรากฏบ่อยเกินไปในชีวิตของพวกเขา น้ำหอมที่เธอชอบ ดอกไม้ที่เธอชอบ เสื้อผ้าที่เธอชอบ เป็นข่าวเต็มหน้าสื่อโซเชียล ยังมีปฏิกิริยาของธนพัตที่มีต่อสิ่งเหล่านี้ สาริศารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

ถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกแล้วโยนทิ้งลงในถังขยะ จากนั้นสาริศาก็พุ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ เปิดน้ำออกมา โดยไม่สนใจว่าเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น ราดเข้าที่ใบหน้าตัวเองเต็มแรง เพื่อหวังจะชำระล้างร่องรอยของพชิราและคราบน้ำตาออกไป

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว สาริศาก็สวมชุดนอนขดตัวอยู่บนเตียง มองดูห้องนอนที่ว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะซุกหน้าไว้หว่างขาแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวดอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปอย่างไร เช้าวันรุ่งขึ้น สาริศาถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ จึงรับสายทันทีโดยไม่ดูว่าเป็นใครที่โทรมา

หลังจากเสียง “ฮัลโหล” เปล่งออกมา สาริศาถึงได้รู้ตัวว่าน้ำเสียงของตัวเองแหบพร่ามาก

“ริศา ใช่หนูหรือเปล่า” คนในปลายสายถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ค่ะ คุณปู่ หนูเอง มีอะไรคะ” เมื่อได้ยินเสียงของท่านประเสริฐ สาริศารีบลุกขึ้นนั่ง แล้วยื่นโทรศัพท์ห่างออกไป แล้วทำการไอแห้ง ๆ สองสามที จากนั้นถึงได้ยื่นกลับมาแล้วโต้ตอบกลับ

“หนูไม่สบายเหรอ ทำไมเสียงถึงได้แหบขนาดนี้” ท่านประเสริฐเกิดความเป็นห่วง

“เปล่าค่ะ คุณปู่ หนูไม่เป็นไร คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อายุยังน้อยต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดีรู้ไหม” ท่านประเสริฐที่ยังคงเป็นห่วงจึงได้กล่าวกำชับอีกหนึ่งประโยค

“เรื่องที่หนูให้ปู่ไปสืบ ตอนนี้มีความคืบหน้าแล้ว คุยในโทรศัพท์เกรงว่าจะไม่ค่อยชัดเจน หนูมาหาปู่หน่อยสิ ปู่จะบอกหนูต่อหน้าเอง” น้ำเสียงของท่านประเสริฐค่อนข้างจริงจัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ