ประมาณบ่าย 4 โมงเย็น ในที่สุดกันยาก็ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นสาริศาย้ายมาอยู่กับตัวเอง เธอก็รู้สึกประหลาดใจ “หนูย้ายมาแล้วธนพัตล่ะจะทำอย่างไร”
“เขาออกไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านค่ะ หนูอยากจะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่” ไม่อยากพูดเรื่องของตัวเองกับธนพัตให้คุณแม่ฟัง เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แม่คะ พักนี้ร่างกายของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมหนูได้ยินคุณป้าบอกว่า หลายวันแล้วที่แม่ทานอาหารไม่อร่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก ร่างกายของแม่ แม่รู้ดี ยังสบายดีอยู่” กันยายิ้มแล้วลูบศีรษะของสาริศา “ย้ายมาก็ดีเหมือนกัน แม่ก็คิดถึงหนูพอดีเลย พักอยู่ที่นี่หลาย ๆ วันนะ”
“ค่ะ”
สาริศาตอบกลับค่ะไปหนึ่งคำ แล้วก็กอดกันยาไว้
เธออยากจะกอดคุณแม่แล้วปล่อยโฮออกมาจังเลย จากนั้นบอกเล่าความน้อยใจเศร้าใจทั้งหมดของตัวเองให้เธอได้ฟัง แต่ว่าเธอทำไม่ได้ และก็ไม่อยากจะทำให้คุณแม่เป็นห่วง
“แม่คะ หนูคิดถึงแม่จังเลยค่ะ”
“เด็กคนนี้นิ” กันยายิ้มแล้วว่าสาริศาไปหนึ่งประโยค แต่กลับไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ กอดสาริศาแล้วออกอาการเหม่อลอย
พักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯกันยาอยู่หลายวัน คอยคุยเฮฮากับคุณแม่ของตัวเองทุกวัน สาริศารู้สึกว่าตัวเองนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาก
ตกเย็นของวันนี้ สาริศากำลังถือโทรศัพท์อยู่ในห้องของตัวเองอย่างเหม่อลอย ลังเลว่าจะโทรศัพท์หาธนพัตหรือส่งข้อความถามไถ่ดีหรือไม่
แต่เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ตัวเองนั้นไม่ผิด ธนพัตเองยังไม่โทรศัพท์มาเลย ทำไมตัวเองต้องโทรไปด้วย เหมือนกับตัวเองนั้นผิดอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อครุ่นคิดแล้ว เหมือนกับว่าธนพัตก็ไม่ได้ผิดอะไร
ขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น ฉับพลันก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ลอยมาจากห้องน้ำ
สาริศาตกใจ โยนโทรศัพท์ทิ้งและมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นกันยานอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางที่โอดโอย เอามือปิดศีรษะไว้ เลือดไหลตามหว่างนิ้วไม่หยุด
โต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีรอยเลือด คิดว่าน่าจะเป็นตอนที่ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำแล้วล้มลงศีรษะไปกระแทกโดนมุมโต๊ะอย่างไม่ทันระวัง
“แม่เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม……” สาริศารีบวิ่งเข้าไปประคองตัวกันยา น้ำเสียงมีความสะอึกสะอื้น
กันยาพูดไม่ออกแล้ว ใบหน้าขนวดเข้าหากันแน่น
เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของกันยา สาริศาก็ทำอะไรไม่ถูก ภายใต้ความลนลาน ทำได้เพียงหยิบผ้าขนหนูมาปิดซับเลือดบนศีรษะ จากนั้นรีบโทรหา1669 เพื่อรีบส่งเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ในรถพยายาล สาริศาเต็มไปด้วยความกังวล จับมือคุณแม่ไว้แน่น กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เธออยากหาคุณหมอในโรงพยาบาลเพื่อรีบทำการรักษาคุณแม่ของเธออย่างเร่งด่วน แต่ว่าตัวเองดันไม่มีคอนเนคชั่น ไม่รู้จักใครเลย เวลานี้คนแรกที่เธอนึกถึงคือธนพัต
จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปยังหมายเลขของธนพัต สาริศารอธนพัตรับโทรศัพท์อย่างกระวนกระวายใจ
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ......” โทรติดต่อกลับไปอีกหลายครั้ง สาริศาก็ไม่สามารถโทรติดธนพัตได้
เมื่อโทรหาธนพัตไม่ติด ตัวเองก็ไม่รู้จักคนในโรงพยาบาล ตอนนี้สาริศาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ใช่ ชัชวาล! ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ ด้วยสถานะของชัชวาล จะต้องรู้จักคนในโรงพยาบาลอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าไม่อยากจะรบกวนชัชวาล แต่ว่าในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ
“ฮันโหล ริศาเกิดอะไรขึ้น โทรมาดึกขนาดนี้” น้ำเสียงของชัชวาลดังขึ้นอย่างชัดเจน สาริศารู้สึกขอบคุณอย่างอธิบายไม่ถูก และจิตใจก็สงบลงในที่สุด
หลังจากที่ประสาทตึงเครียดได้ผ่อนคลายลง น้ำตาที่กลั้นต่อไปไม่ไหวได้ไหลออกมา “ชัชวาล แม่ของฉัน……แม่ของฉันเมื่อกี้ไม่ทันระวังได้ล้มลง ศีรษะไปกระแทกโดนมุมโต๊ะ ตอนนี้เลือดไหลไม่หยุด คุณสามารถติดต่อทางโรงพยาบาลให้ฉันหน่อยได้ไหม…….”
สาริศาร้องไห้แล้วกล่าวกับชัชวาล
ชัชวาลได้ยินว่ากันยาได้รับบาดเจ็บ จึงรีบลุกขึ้นนั่งจากเตียง หยิบเสื้อผ้ามาใส่แล้วมุ่งตรงไปที่ประตู “คุณอย่าเพิ่งลนลาน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
“คุณรู้ไหมคะว่าตัวเองเลือดกรุ๊ปอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ……สาริศาตอนนี้รู้สึกเกลียดตัวเองมาก ที่ไม่เคยตรวจกรุ๊ปเลือดของตัวเองเลย
“ได้ คุณตามดิฉันไปเพื่อเตรียมตัวนะคะ” พยาบาลรีบพาสาริศาไปที่ห้องเก็บเลือด ชัชวาลก็ได้ตามไปด้วย
แต่หลังจากผลตรวจกรุ๊ปเลือดออกมา สาริศากลับรู้ว่าตัวเองมีกรุ๊ปเลือด A ส่วนกันยาเป็นกรุ๊ปเลือด O ซึ่งไม่เข้ากัน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถให้เลือดกับกันยา
สาริศาจึงตกใจชะงักทันที นี่เป็นไปไม่ได้ ตัวเองจะมีเลือด A ได้อย่างไร
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าสุวิทย์เป็นกรุ๊ปเลือด O แม่ของเธอเป็นกรุ๊ป O อย่างนั้นตัวเองจะเป็นกรุ๊ปเลือด A ได้อย่างไร
แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีเวลามาไปคิดเรื่องเหล่านี้ บางทีอาจเป็นตัวเองที่จำผิดไปก็ได้
“อย่างนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดี” เมื่อได้ยินว่าตัวเองไม่สามารถให้เลือดกับกันยา สาริศาจึงสตั๊นและคิดอะไรไม่ออก
“ผมกรุ๊ปเลือด O” ชัชวาลได้ยินว่ากันยาเป็นกรุ๊ปเลือด O จึงดีใจมาก รีบก้าวมาข้างหน้าแล้วกล่าว “ผมสามารถบริจาคเลือดให้กับน้ากันยาได้”
สาริศามองไปทางชัชวาลด้วยความซาบซึ้ง ในที่สุดก็สามารถยิ้มออกมาได้ “จริงเหรอคะ ขอบคุณมากนะ”
ตบไหล่สาริศาเบา ๆ เพื่อปลอบใจ แล้วชัชวาลก็เดินตามพยาบาลเพื่อเตรียมการถ่ายเลือด
หลังจากรออย่างใจจดใจจ่อประมาณสองชั่วโมง ไฟในห้องผ่าตัดในที่สุดก็ดับลง วินาทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก สาริศารีบวิ่งมาที่ด้านหน้าของคุณหมอ และรีบถามอาการของคณแม่ทันที
“การผ่าผัดสำเร็จไปด้วยดี คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ อีกสักพักก็คงจะออกมา” คุณหมอถอดหน้ากากออก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณ……” สาริศากล่าวขอบคุณคุณหมอรัว ๆ หัวใจที่แขวนอยู่ในความเครียด ในที่สุดก็สามารถคลายลงได้เสียที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...